ASTVผู้จัดการรายวัน - ชมรมช่างภาพการเมือง ทำ จม.เปิดผนึกถึงประธานสภาผู้แทนฯ จี้สอบข้อเท็จจริง “พงษพันธุ์ สุนทรชัย” ส.ส.เพื่อไทย หนองคาย ถูกช่างภาพ “เอเอสทีวีผู้จัดการ” จับภาพได้ขณะดูรูปโป๊ระหว่างประชุมสภาฯ แล้วแสดงท่าทีคุกคามช่างภาพ ย้ำสื่อมวลชนมีสิทธิเปิดโปงพฤติกรรมไม่เหมาะสมของ ส.ส.ในสภา
วานนี้ (19 ส.ค.) นายฉลาด จันทร์เดช ประธานชมรมช่างภาพการเมือง ได้ทำจดหมายเปิดผนึกจากชมรมช่างภาพการเมือง ถึงนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ความว่า
“เนื่องด้วยคืนวันที่ 16 ส.ค. 2556 เวลาประมาณ 22.30 น. ได้เกิดเหตุการณ์คุกคามช่างภาพที่กำลังปฏิบัติหน้าที่บริเวณด้านล่างอาคารรัฐสภา หลังจากที่นายพงษ์ฤทธิ์ชา ขวัญเนตร ช่างภาพเอเอสทีวีผู้จัดการ ได้บันทึกภาพพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของว่าที่ร้อยตรีพงศ์พันธ์ สุนทรชัย ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย ในระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 โดยว่าที่ร้อยตรี พงศ์พันธ์ ได้ใช้ไอแพดที่ได้รับแจกจากสภาอันเป็นภาษีของประชาชน เปิดดูภาพที่ไม่เหมาะสมขณะกำลังทำหน้าที่แทนปวงชนชาวไทย หลังจากนั้นว่าที่ร้อยตรี พงศ์พันธ์ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสภามาสอบถามว่า “ถ่ายภาพอะไร” ซึ่งนายพงษ์ฤทธิ์ชาตอบไปว่า “ถ่ายบรรยากาศทั่วไปในห้องประชุม” ก่อนที่จะส่งภาพดังกล่าวให้ต้นสังกัด จนมีการเผยแพร่ผ่านเว็บไซด์เอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์
แต่เหตุการณ์ยังไม่จบเพราะว่าที่ร้อยตรีพงศ์พันธ์ พร้อมด้วยตำรวจสภา 3 นาย และผู้ติดตามอีก 1 คน ได้เข้ามาสอบถามนายพงษ์ฤทธิ์ชาว่ามาจากสังกัดใด ชื่ออะไร เป็นช่างภาพจริงหรือไม่ พร้อมกับขอดูบัตร และพยายามบังคับให้เซ็นชื่อในเอกสารซึ่งไม่ทราบว่ามีเนื้อหาอย่างไร นายพงษ์ฤทธิ์ชาจึงปฏิเสธที่จะเซ็นชื่อในเอกสารดังกล่าว พร้อมกับแสดงบัตรสื่อมวลชนประจำรัฐสภาที่สามารถเข้าปฏิบัติหน้าที่บริเวณชั้น 2 อาคารรัฐสภา 1 ซึ่งเป็นสถานที่ประชุมสภาได้
ชมรมช่างภาพการเมืองเห็นว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการแทรกแซงและคุกคามการปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตของสื่อมวลชน เพราะในบริเวณที่บันทึกภาพนั้นมิใช่เขตหวงห้าม แต่เป็นพื้นที่ที่สื่อมวลชนใช้ปฏิบัติหน้าที่เป็นประจำอยู่แล้ว พฤติกรรมของว่าที่ร้อยตรี พงศ์พันธ์ ตั้งแต่การส่งตำรวจสภามาสอบถามว่า “ถ่ายภาพอะไร” จึงถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน และเจ้าตัวยังนำตำรวจพร้อมผู้ติดตามมากดดันนายพงษ์ฤทธิ์ชาอีกด้วย แสดงให้เห็นว่าว่าที่ร้อยตรี พงศ์พันธ์ทราบว่าตัวเองได้กระทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสมระหว่างการประชุมสภา
การทำงานของสื่อมวลชนประจำรัฐสภาได้ปฏิบัติตามกฏเกณฑ์ที่สภากำหนดอย่างเคร่งครัด และการถ่ายภาพของนายพงษ์ฤทธิ์ชาก็เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตในฐานะสื่อมวลชนที่ต้องนำเสนอความจริงต่อประชาชน ซึ่งได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญมาตรา 45 ที่บัญญัติว่า “บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณาและสื่อความหมายโดยวิธีอื่น การจำกัดสิทธิเสรีภาพ ตามวรรค 1 จะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เฉพาะเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ เพื่อคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพ เกียรติยศ ชื่อเสียง สิทธิในครอบครัวหรือความเป็นอยู่ส่วนตัวของบุคคลอื่น เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือเพื่อป้องกันหรือระงับความเสื่อมทรามทางจิตใจหรือสุขภาพของประชาชน”
การบันทึกภาพไม่เหมาะสมของว่าที่ร้อยตรี พงศ์พันธ์ ในขณะกำลังดูภาพโป๊ในไอแพด ย่อมอยู่ในวิสัยที่สื่อมวลชนต้องเปิดโปงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมดังกล่าวให้ประชาชนได้รับทราบเป็นการทั่วไป ว่าที่ร้อยตรี พงศ์พันธ์ จึงไม่มีสิทธิละเมิด หรือคุกคามการปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตของนายพงษ์ฤทธิ์ชา
ด้วยเหตุนี้ ชมรมช่างภาพการเมืองจึงใคร่ขอความกรุณาจากนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุคุกคามเสรีภาพของสื่อมวลชนในรัฐสภาซึ่งเป็นสถานที่แสดงออกซึ่งประชาธิปไตยอีกต่อไป ขอแสดงความนับถือ”
วานนี้ (19 ส.ค.) นายฉลาด จันทร์เดช ประธานชมรมช่างภาพการเมือง ได้ทำจดหมายเปิดผนึกจากชมรมช่างภาพการเมือง ถึงนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ความว่า
“เนื่องด้วยคืนวันที่ 16 ส.ค. 2556 เวลาประมาณ 22.30 น. ได้เกิดเหตุการณ์คุกคามช่างภาพที่กำลังปฏิบัติหน้าที่บริเวณด้านล่างอาคารรัฐสภา หลังจากที่นายพงษ์ฤทธิ์ชา ขวัญเนตร ช่างภาพเอเอสทีวีผู้จัดการ ได้บันทึกภาพพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของว่าที่ร้อยตรีพงศ์พันธ์ สุนทรชัย ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย ในระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 โดยว่าที่ร้อยตรี พงศ์พันธ์ ได้ใช้ไอแพดที่ได้รับแจกจากสภาอันเป็นภาษีของประชาชน เปิดดูภาพที่ไม่เหมาะสมขณะกำลังทำหน้าที่แทนปวงชนชาวไทย หลังจากนั้นว่าที่ร้อยตรี พงศ์พันธ์ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสภามาสอบถามว่า “ถ่ายภาพอะไร” ซึ่งนายพงษ์ฤทธิ์ชาตอบไปว่า “ถ่ายบรรยากาศทั่วไปในห้องประชุม” ก่อนที่จะส่งภาพดังกล่าวให้ต้นสังกัด จนมีการเผยแพร่ผ่านเว็บไซด์เอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์
แต่เหตุการณ์ยังไม่จบเพราะว่าที่ร้อยตรีพงศ์พันธ์ พร้อมด้วยตำรวจสภา 3 นาย และผู้ติดตามอีก 1 คน ได้เข้ามาสอบถามนายพงษ์ฤทธิ์ชาว่ามาจากสังกัดใด ชื่ออะไร เป็นช่างภาพจริงหรือไม่ พร้อมกับขอดูบัตร และพยายามบังคับให้เซ็นชื่อในเอกสารซึ่งไม่ทราบว่ามีเนื้อหาอย่างไร นายพงษ์ฤทธิ์ชาจึงปฏิเสธที่จะเซ็นชื่อในเอกสารดังกล่าว พร้อมกับแสดงบัตรสื่อมวลชนประจำรัฐสภาที่สามารถเข้าปฏิบัติหน้าที่บริเวณชั้น 2 อาคารรัฐสภา 1 ซึ่งเป็นสถานที่ประชุมสภาได้
ชมรมช่างภาพการเมืองเห็นว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการแทรกแซงและคุกคามการปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตของสื่อมวลชน เพราะในบริเวณที่บันทึกภาพนั้นมิใช่เขตหวงห้าม แต่เป็นพื้นที่ที่สื่อมวลชนใช้ปฏิบัติหน้าที่เป็นประจำอยู่แล้ว พฤติกรรมของว่าที่ร้อยตรี พงศ์พันธ์ ตั้งแต่การส่งตำรวจสภามาสอบถามว่า “ถ่ายภาพอะไร” จึงถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน และเจ้าตัวยังนำตำรวจพร้อมผู้ติดตามมากดดันนายพงษ์ฤทธิ์ชาอีกด้วย แสดงให้เห็นว่าว่าที่ร้อยตรี พงศ์พันธ์ทราบว่าตัวเองได้กระทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสมระหว่างการประชุมสภา
การทำงานของสื่อมวลชนประจำรัฐสภาได้ปฏิบัติตามกฏเกณฑ์ที่สภากำหนดอย่างเคร่งครัด และการถ่ายภาพของนายพงษ์ฤทธิ์ชาก็เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตในฐานะสื่อมวลชนที่ต้องนำเสนอความจริงต่อประชาชน ซึ่งได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญมาตรา 45 ที่บัญญัติว่า “บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณาและสื่อความหมายโดยวิธีอื่น การจำกัดสิทธิเสรีภาพ ตามวรรค 1 จะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เฉพาะเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ เพื่อคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพ เกียรติยศ ชื่อเสียง สิทธิในครอบครัวหรือความเป็นอยู่ส่วนตัวของบุคคลอื่น เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือเพื่อป้องกันหรือระงับความเสื่อมทรามทางจิตใจหรือสุขภาพของประชาชน”
การบันทึกภาพไม่เหมาะสมของว่าที่ร้อยตรี พงศ์พันธ์ ในขณะกำลังดูภาพโป๊ในไอแพด ย่อมอยู่ในวิสัยที่สื่อมวลชนต้องเปิดโปงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมดังกล่าวให้ประชาชนได้รับทราบเป็นการทั่วไป ว่าที่ร้อยตรี พงศ์พันธ์ จึงไม่มีสิทธิละเมิด หรือคุกคามการปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตของนายพงษ์ฤทธิ์ชา
ด้วยเหตุนี้ ชมรมช่างภาพการเมืองจึงใคร่ขอความกรุณาจากนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุคุกคามเสรีภาพของสื่อมวลชนในรัฐสภาซึ่งเป็นสถานที่แสดงออกซึ่งประชาธิปไตยอีกต่อไป ขอแสดงความนับถือ”