ASTVผู้จัดการรายวัน - ชี้อนาคตตลาดกล่องรับสัญญาณดาวเทียมโมเดลเดียวกับค่ายสัญญาณมือถือ “พีเอสไอ” รับเละ ทรูวิชั่นส์- อาร์เอส รุมรัก ตบเท้าส่งคอนเท้นท์เข้าบ้าน ล่าสุดเตรียมผุดกล่องอีก 2 รุ่นเอาใจทรูวิชั่นส์ หวังเข้าถึงฐานสมาชิกรากหญ้า แย้มเจรจาร่วมแกรมมี่อีกราย มั่นใจคอนเท้นท์ดีอยู่ที่พีเอสไอ ดันสู่บัลลังก์เจ้าตลาดกล่องขายขาดด้วยแชร์ไม่ต่ำกว่า 80-90%
นายสมพร ธีระโรจนพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีเอสไอ โฮลดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดกล่องรับสัญญาณดาวเทียมถึงสิ้นปี2556นี้น่าจะเติบโตลดลงราว 30% สาเหตุสำคัญมาจากเรื่องของทีวีดิจิตอล ทำให้ผู้บริโภคชะลอการซื้อกล่องและจานดาวเทียมลงไป
โดยในส่วนของพีเอสไอที่เป็นเจ้าตลาดครองส่วนแบ่งกว่า 80-90% ในกล่องแบบขายขาดนั้น พบว่าไตรมาสแรกยอดขายไม่ดีไตรมาสสองมีการทำตลาดให้ความรู้มากขึ้น รายได้เริ่มดีขึ้น เข้าสู่ไตรมาสสามจึงกลับมาดีอีกครั้ง และไปจนถึงไตรมาสสี่นี้ น่าจะส่งผลให้ยอดขายรวมทั้งปีต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ราวๆ 10% จากรายได้ที่มองว่าจะไม่ต่ำกว่า 2,500 ล้านบาท
“มองในภาพรวมแล้วยอดขายกล่องอาจจะลดลง แต่ในแง่เซอร์วิส กล่าวคือ กลุ่ม ซอฟท์แวร์ การบริการหลังการขาย การเพิ่มคอนเท้นท์ที่บริการ มีการเติบโตที่ดีขึ้น ดังนั้นทั้งปีจึงอาจจะมีรายได้ต่ำกว่าเป้าเล็กน้อย ขณะนี้รายอื่นๆในตลาดนั้นเชื่อว่ารายได้จะตกลงมากกว่าพีเอสไอค่อนข้างสูง เนื่องจากมีการทำกิจกรรมน้อย
อีกทั้งยังเป็นผู้เล่นใหม่ขณะที่เราอยู่ในตลาดนี้มานาน”
นายสมพร กล่าวต่อว่า การแข่งขันของเคเบิลทีวีและทีวีดามเทียมกำลังอยู่ในช่วงรุนแรงโดยเฉพาะในส่วนของคอนเท้นท์โพไวเดอร์ ที่มีการแข่งขันทางด้านคอนเท้นท์รายการสูงมาก ในส่วนของพีเอสไอ ถือเป็นแพลทฟอร์มการรับชมที่ได้ประโยชน์จากการแข่งขันดังกล่าวมากที่สุด จากความแข็งแกร่งที่มีฐานลูกค้ามากที่สุดในตลาด
ทำให้มีเจ้าของคอนเท้นท์ต่างๆสนใจเข้าร่วมกับทางพีเอสไอในการส่งช่องรายการต่างๆมาอยู่ในแพลทฟอร์มของพีเอสไอ
ดังเช่นในปีที่ผ่านมาได้จับมือกับทางบริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด กับการเปิดตัวกล่อง 'พีเอสไอทรูทีวี'' ที่อัดแน่นไปด้วยช่องรายการดีๆ จากทรู วิชั่นส์และช่องเด็ดๆ จากพีเอสไอ รวมกว่า 93 ช่อง ดูฟรี ไม่มีรายเดือน ราคา 890 บาท เป็นการต่อยอดจากนโยบายการขยายตลาดผู้ชมไปให้ทั่วถึงยิ่งขึ้น
โดยวางเป้าหมายให้กล่องพีเอสไอทรูทีวีเป็นกล่องเดียวที่นำเอาความแข็งแกร่งของช่องรายการทั้งทรู วิชั่นส์ และช่องรายการฮิตจากพีเอสไอมารวมไว้ในกล่องเดียว
และล่าสุดในช่วงเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ได้จับมือกับทางบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดตัวกล่อง PSI O2 Digital เพียงลูกค้าซื้อและติดตั้งกล่อง PSI O2 Digital ใหม่ ในราคา 2,490 บาท และในส่วนที่ต้องการเปลี่ยนรุ่นกล่องพีเอสไอเดิมมาเป็น PSI O2 Digital จะเสียค่าบริการที่ 1,690 บาท จะเริ่มจำหน่ายในช่วงปลายเดือนส.ค.นี้เป็นต้นไป โดยลูกค้าจะได้รับชมคอนเท้นท์รายการจากอาร์เอส 3 คอนเทนต์ ได้แก่
1. FIFA World Cup Brazil 2014 2. ฟุตบอลลาลีกาสเปน 2013 และ 3. ช่อง 8 เชื่อว่าจะมียอดขายกล่องรุ่น PSI O2 Digital ได้กว่า 1 ล้านกล่องตั้งแต่เริ่มขายไปจนถึงช่วงบอลโลกในเดือน ส.ค.ปีหน้า โดยกว่า 80% จะเป็นการเปลี่ยนกล่อง และ 20% เป็นการติดตั้งซื้อใหม่ จากฐานปัจจุบันพีเอสไอมีอยู่ 2.5 ล้านครัวเรือน หรือในสิ้นปีนี้น่าจะมีลูกค้าที่ใช้กล่องพีเอสไอรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 3
ล้านกล่องทั่วประเทศโดยแต่ละปีบริษัทมีรายได้จากการขายกล่องไม่ต่ำกว่า 2,000-3,000 ล้านบาทต่อปี
นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ที่จะมีความร่วมมือกับทางจีเอ็มเอ็มแซทในอนาคตด้วยเช่นกัน ซึ่งก็มีการพูดคุยกันอยู่ตลอด ส่วนจะเป็นในส่วนใดบ้างนั้น ต้องรอดูกันต่อไป จากความคืบหน้าล่าสุดที่ทางจีเอ็มเอ็มแซท คว้าสิทธิ์ถ่ายสดบอลยูโรฤดูกาลใหม่ได้อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ในช่วงปลายเดือนส.ค.นี้ ทางบริษัทยังมีความร่วมมือกับทางทรูวิชั่นส์ ที่จะเปิดกล่องใหม่อีก 2 รุ่น คือ 1. ทรู2 ซึ่งเป็นรุ่นที่2 ต่อจากกล่องพีเอสไอทรูทีวี และ2.กล่องในรูปแบบเอชดี ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายของทรูวิชั่นส์ที่ต้องการเข้าถึงกลุ่มแมสแบบต้องเติมเงินก่อนจึงจะได้ดู จากปกติพีเอสไอจะขายกล่องขาดเท่านั้น
จึงต้องผลิตกล่องรุ่นพิเศษนี้ออกมาสำหรับฐานลูกค้าใหม่ของทรูวิชั่นส์
“ในอนาคตกล่องรับสัญญาณดาวเทียมจะมีโมเดลเช่นเดียวกับค่ายมือถือ หรือผู้ให้บริการสัญญาณมือถือในปัจจุบัน โดยภายในเครื่องจะมีช่องพื้นฐานไม่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของผู้บริโภคที่จะเลือกใช้มากกว่า” นายสมพร กล่าวในที่
นายสมพร ธีระโรจนพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีเอสไอ โฮลดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดกล่องรับสัญญาณดาวเทียมถึงสิ้นปี2556นี้น่าจะเติบโตลดลงราว 30% สาเหตุสำคัญมาจากเรื่องของทีวีดิจิตอล ทำให้ผู้บริโภคชะลอการซื้อกล่องและจานดาวเทียมลงไป
โดยในส่วนของพีเอสไอที่เป็นเจ้าตลาดครองส่วนแบ่งกว่า 80-90% ในกล่องแบบขายขาดนั้น พบว่าไตรมาสแรกยอดขายไม่ดีไตรมาสสองมีการทำตลาดให้ความรู้มากขึ้น รายได้เริ่มดีขึ้น เข้าสู่ไตรมาสสามจึงกลับมาดีอีกครั้ง และไปจนถึงไตรมาสสี่นี้ น่าจะส่งผลให้ยอดขายรวมทั้งปีต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ราวๆ 10% จากรายได้ที่มองว่าจะไม่ต่ำกว่า 2,500 ล้านบาท
“มองในภาพรวมแล้วยอดขายกล่องอาจจะลดลง แต่ในแง่เซอร์วิส กล่าวคือ กลุ่ม ซอฟท์แวร์ การบริการหลังการขาย การเพิ่มคอนเท้นท์ที่บริการ มีการเติบโตที่ดีขึ้น ดังนั้นทั้งปีจึงอาจจะมีรายได้ต่ำกว่าเป้าเล็กน้อย ขณะนี้รายอื่นๆในตลาดนั้นเชื่อว่ารายได้จะตกลงมากกว่าพีเอสไอค่อนข้างสูง เนื่องจากมีการทำกิจกรรมน้อย
อีกทั้งยังเป็นผู้เล่นใหม่ขณะที่เราอยู่ในตลาดนี้มานาน”
นายสมพร กล่าวต่อว่า การแข่งขันของเคเบิลทีวีและทีวีดามเทียมกำลังอยู่ในช่วงรุนแรงโดยเฉพาะในส่วนของคอนเท้นท์โพไวเดอร์ ที่มีการแข่งขันทางด้านคอนเท้นท์รายการสูงมาก ในส่วนของพีเอสไอ ถือเป็นแพลทฟอร์มการรับชมที่ได้ประโยชน์จากการแข่งขันดังกล่าวมากที่สุด จากความแข็งแกร่งที่มีฐานลูกค้ามากที่สุดในตลาด
ทำให้มีเจ้าของคอนเท้นท์ต่างๆสนใจเข้าร่วมกับทางพีเอสไอในการส่งช่องรายการต่างๆมาอยู่ในแพลทฟอร์มของพีเอสไอ
ดังเช่นในปีที่ผ่านมาได้จับมือกับทางบริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด กับการเปิดตัวกล่อง 'พีเอสไอทรูทีวี'' ที่อัดแน่นไปด้วยช่องรายการดีๆ จากทรู วิชั่นส์และช่องเด็ดๆ จากพีเอสไอ รวมกว่า 93 ช่อง ดูฟรี ไม่มีรายเดือน ราคา 890 บาท เป็นการต่อยอดจากนโยบายการขยายตลาดผู้ชมไปให้ทั่วถึงยิ่งขึ้น
โดยวางเป้าหมายให้กล่องพีเอสไอทรูทีวีเป็นกล่องเดียวที่นำเอาความแข็งแกร่งของช่องรายการทั้งทรู วิชั่นส์ และช่องรายการฮิตจากพีเอสไอมารวมไว้ในกล่องเดียว
และล่าสุดในช่วงเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ได้จับมือกับทางบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดตัวกล่อง PSI O2 Digital เพียงลูกค้าซื้อและติดตั้งกล่อง PSI O2 Digital ใหม่ ในราคา 2,490 บาท และในส่วนที่ต้องการเปลี่ยนรุ่นกล่องพีเอสไอเดิมมาเป็น PSI O2 Digital จะเสียค่าบริการที่ 1,690 บาท จะเริ่มจำหน่ายในช่วงปลายเดือนส.ค.นี้เป็นต้นไป โดยลูกค้าจะได้รับชมคอนเท้นท์รายการจากอาร์เอส 3 คอนเทนต์ ได้แก่
1. FIFA World Cup Brazil 2014 2. ฟุตบอลลาลีกาสเปน 2013 และ 3. ช่อง 8 เชื่อว่าจะมียอดขายกล่องรุ่น PSI O2 Digital ได้กว่า 1 ล้านกล่องตั้งแต่เริ่มขายไปจนถึงช่วงบอลโลกในเดือน ส.ค.ปีหน้า โดยกว่า 80% จะเป็นการเปลี่ยนกล่อง และ 20% เป็นการติดตั้งซื้อใหม่ จากฐานปัจจุบันพีเอสไอมีอยู่ 2.5 ล้านครัวเรือน หรือในสิ้นปีนี้น่าจะมีลูกค้าที่ใช้กล่องพีเอสไอรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 3
ล้านกล่องทั่วประเทศโดยแต่ละปีบริษัทมีรายได้จากการขายกล่องไม่ต่ำกว่า 2,000-3,000 ล้านบาทต่อปี
นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ที่จะมีความร่วมมือกับทางจีเอ็มเอ็มแซทในอนาคตด้วยเช่นกัน ซึ่งก็มีการพูดคุยกันอยู่ตลอด ส่วนจะเป็นในส่วนใดบ้างนั้น ต้องรอดูกันต่อไป จากความคืบหน้าล่าสุดที่ทางจีเอ็มเอ็มแซท คว้าสิทธิ์ถ่ายสดบอลยูโรฤดูกาลใหม่ได้อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ในช่วงปลายเดือนส.ค.นี้ ทางบริษัทยังมีความร่วมมือกับทางทรูวิชั่นส์ ที่จะเปิดกล่องใหม่อีก 2 รุ่น คือ 1. ทรู2 ซึ่งเป็นรุ่นที่2 ต่อจากกล่องพีเอสไอทรูทีวี และ2.กล่องในรูปแบบเอชดี ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายของทรูวิชั่นส์ที่ต้องการเข้าถึงกลุ่มแมสแบบต้องเติมเงินก่อนจึงจะได้ดู จากปกติพีเอสไอจะขายกล่องขาดเท่านั้น
จึงต้องผลิตกล่องรุ่นพิเศษนี้ออกมาสำหรับฐานลูกค้าใหม่ของทรูวิชั่นส์
“ในอนาคตกล่องรับสัญญาณดาวเทียมจะมีโมเดลเช่นเดียวกับค่ายมือถือ หรือผู้ให้บริการสัญญาณมือถือในปัจจุบัน โดยภายในเครื่องจะมีช่องพื้นฐานไม่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของผู้บริโภคที่จะเลือกใช้มากกว่า” นายสมพร กล่าวในที่