ASTVผู้จัดการรายวัน - " ดีเอสไอ"เก่งทุกเรื่องชี้เหตุน้ำมันดิบรั่วระยองอาจเกิดจากความประมาท ของบริษัทพีทีที เคมิคอลฯ ขอรับเป็นคดีพิเศษ ขณะที่เหยื่อผู้เสียหายกว่า500รายยื่นร้องค่าเสียหาย -เพ้งลั่นPTTGC พร้อมจ่ายเร็ว ส่วน"ไพรินทร์"บอสใหญ่ ปตท.พาสื่อลงพื้นที่สำรวจพื้นที่ พร้อมเคลียร์พื้นทอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 6 ส.ค.นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ แถลงถึงผลการสอบสวนพบว่า เหตุน้ำมันดิบรั่วไหลลงทะเลที่จังหวัดระยอง อาจมีการกระทำความผิดที่เข้าข่ายการประทำโดยประมาท โดยดีเอสไอมีสมมุติฐานในความประมาทที่เกิดจากบุคคลที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย 1.พนักงานที่ควบคุมการโหลดน้ำมันดิบจากเรือบรรทุกน้ำมันที่ไม่ตัดวาวล์น้ำมันจากเรือเมื่อมีการรั่วไหล 2.พนักงานของบริษัทพีทีที เคมิคอลฯ ไม่ตรวจสอบประสิทธิภาพของท่อส่งน้ำมันให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ตามปรกติ 3.ผู้ควบคุมเรือบรรทุกน้ำมันประมาทในการเทียบเรือกับทุ่น อาจดึงท่อน้ำมันฉีกขาดแล้วทำให้น้ำมันรั่ว และ 4.เหตุสำคัญอื่นๆ
" ดีเอสไอตั้งสมมุติฐานอาจจะเกี่ยวกับบริษัท บางสมมุติฐานอาจจะเกี่ยวกับพนักงาน หากเป็นเรื่องของพนักงานประมาทในการปฎิบัติงานอาจจะไม่เกี่ยวกับบริษัทเลย หรือกรณีอาจพันไปถึงบริษัทเพราะไม่ได้อบรมควบคุมอย่างดี ไม่สั่งให้มีการบำรุงโดยถูกต้องอาจจะประมาทไปด้วย ตรงนี้ยังไม่ชัดเจน แต่เกิดจากการประมาทของคนแน่ ไม่ใช่อุบัติเหตุ ทั้งนี้ กรณีน้ำมันดิบรั่วไหลลงทะเลมีแนวโน้มรับเป็นคดีพิเศษ ได้ต้นตอว่าเกิดจากการประมาทของคนแน่ ส่วนการประมาทจะจำกัดเฉพาะเจ้าหน้าที่หรือครอบคลุมไปถึงบริษัทหรือไม่ ยังเป็นเรื่องที่ต้องสืบสวนข้อเท็จจริง"นายธาริต กล่าว
***เหยื่อกว่า500รายยื่นร้องค่าเสียหาย
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน กล่าวว่า ได้รับรายงานจากผู้ว่าราชการจ.ระยองถึงผู้เรียกร้องค่าเสียหายจากผลกระทบน้ำมันดิบรั่วแล้วกว่า 500 ราย แต่ยังไม่ทราบมูลค่าที่ชัดเจนโดยคณะกรรมการกลางที่ตั้งขึ้นจะพิจารณารายละเอียดการชดเชยอีกครั้ง ซึ่งตนได้ย้ำว่า PTTGC พร้อมที่จะชดเชยให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบทันทีโดยไม่รอวงเงินประกัน เมื่อได้รายชื่อที่แน่นอนแล้วจะมีการเสนอบอร์ดให้พิจารณาโดยเร็ว
***ปธ.ปตท.นำสื่อลงตรวจพื้นที่
ดร.ไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) นำคณะผู้บริหาร ปตท. และสื่อมวลชน ลงพื้นที่เกาะเสม็ด ทันทีหลังจากที่คณะกรรมการ ปตท. ประชุมวาระพิเศษเมื่อ 5 ส.ค. 56 ได้ให้นโยบาย ปตท. และ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ร่วมกันดูแลผู้ประกอบการและชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างเต็มที่
"วันนี้บริษัทได้ทำการพลิกทรายขึ้น 1 ครั้ง รอน้ำทะเลหนุนขึ้นมาก้อนน้ำมันในชั้นทรายก็จะลอยขึ้นมาเหนือน้ำเจ้าหน้าที่จะได้ตักขึ้นมา ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการพลิกทราย 4 ครั้ง หลังจากนั้นต้องดูว่าหาดทรายมีคราบน้ำมันอีกหรือไม่ ถ้ามีก็จะทำเพิ่มเติมอีก "
ส่วนข้อกังวลที่ว่าจะมีสารตกค้าง ขอยืนยันว่าน้ำมันดินที่รั่วเป็นน้ำมันดิบชนิดเบา มีสารตกค้างค่อนข้างน้อย ส่วนสารเบนซิน ที่เป็นสารก่อมะเร็งจะระเหยไปตั้งแต่วันแรกของการรั่วของน้ำมัน
นายสุธน สังข์สุวรรณ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 เกาะเสม็ด กล่าวภายหลังการหารือกับนายไพรินทร์และตัวแทน ปตท.ว่า ความเสียหายที่ชาวบ้านได้รับผลกระทบโดยตรงนั้น ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการแบ่งกลุ่มอาชีพเพื่อเรียกร้องค่าชดเชย ซึ่งขณะนี้มีผู้ลงชื่อแล้ว 447 ราย จากชาวบ้านอ่าวพร้าวที่มีทั้งสิ้น 1,343 คน โดยกลุ่มอาชีพที่ขอรับชดเชยสรุปได้เบื้องต้น ได้แก่ ประมงเรือเล็ก เจสกี สปีทโบ๊ท ผู้ประกอบการร้านค้าและรีสอร์ทต่างๆ กลุ่มเพ้นท์เสื้อผ้า กลุ่มนวดชายหาด มอร์เตอร์ไซด์รับจ้าง ชมรมรถโดยสาร และกลุ่มอื่นๆ เป็นต้น
อย่างไรก็ตามขณะนี้ได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่า ว่ากลุ่มประมงเรือเล็กและกลุ่มนวดชายหาด จะขอรับเงินชดเชยรายละ 500 บาทต่อวัน รวมเป็นระยะเวลา 3 เดือน ส่วนกลุ่มอื่นๆ กำลังอยู่ระหว่างการสรุปผล ซึ่งขณะนี้ดำเนินการได้แล้ว 80% และหากได้ข้อสรุปจะเสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัดระยองเพื่อประสานขอเงินชดเชยจาก ปตท.ต่อไป
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 6 ส.ค.นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ แถลงถึงผลการสอบสวนพบว่า เหตุน้ำมันดิบรั่วไหลลงทะเลที่จังหวัดระยอง อาจมีการกระทำความผิดที่เข้าข่ายการประทำโดยประมาท โดยดีเอสไอมีสมมุติฐานในความประมาทที่เกิดจากบุคคลที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย 1.พนักงานที่ควบคุมการโหลดน้ำมันดิบจากเรือบรรทุกน้ำมันที่ไม่ตัดวาวล์น้ำมันจากเรือเมื่อมีการรั่วไหล 2.พนักงานของบริษัทพีทีที เคมิคอลฯ ไม่ตรวจสอบประสิทธิภาพของท่อส่งน้ำมันให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ตามปรกติ 3.ผู้ควบคุมเรือบรรทุกน้ำมันประมาทในการเทียบเรือกับทุ่น อาจดึงท่อน้ำมันฉีกขาดแล้วทำให้น้ำมันรั่ว และ 4.เหตุสำคัญอื่นๆ
" ดีเอสไอตั้งสมมุติฐานอาจจะเกี่ยวกับบริษัท บางสมมุติฐานอาจจะเกี่ยวกับพนักงาน หากเป็นเรื่องของพนักงานประมาทในการปฎิบัติงานอาจจะไม่เกี่ยวกับบริษัทเลย หรือกรณีอาจพันไปถึงบริษัทเพราะไม่ได้อบรมควบคุมอย่างดี ไม่สั่งให้มีการบำรุงโดยถูกต้องอาจจะประมาทไปด้วย ตรงนี้ยังไม่ชัดเจน แต่เกิดจากการประมาทของคนแน่ ไม่ใช่อุบัติเหตุ ทั้งนี้ กรณีน้ำมันดิบรั่วไหลลงทะเลมีแนวโน้มรับเป็นคดีพิเศษ ได้ต้นตอว่าเกิดจากการประมาทของคนแน่ ส่วนการประมาทจะจำกัดเฉพาะเจ้าหน้าที่หรือครอบคลุมไปถึงบริษัทหรือไม่ ยังเป็นเรื่องที่ต้องสืบสวนข้อเท็จจริง"นายธาริต กล่าว
***เหยื่อกว่า500รายยื่นร้องค่าเสียหาย
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน กล่าวว่า ได้รับรายงานจากผู้ว่าราชการจ.ระยองถึงผู้เรียกร้องค่าเสียหายจากผลกระทบน้ำมันดิบรั่วแล้วกว่า 500 ราย แต่ยังไม่ทราบมูลค่าที่ชัดเจนโดยคณะกรรมการกลางที่ตั้งขึ้นจะพิจารณารายละเอียดการชดเชยอีกครั้ง ซึ่งตนได้ย้ำว่า PTTGC พร้อมที่จะชดเชยให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบทันทีโดยไม่รอวงเงินประกัน เมื่อได้รายชื่อที่แน่นอนแล้วจะมีการเสนอบอร์ดให้พิจารณาโดยเร็ว
***ปธ.ปตท.นำสื่อลงตรวจพื้นที่
ดร.ไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) นำคณะผู้บริหาร ปตท. และสื่อมวลชน ลงพื้นที่เกาะเสม็ด ทันทีหลังจากที่คณะกรรมการ ปตท. ประชุมวาระพิเศษเมื่อ 5 ส.ค. 56 ได้ให้นโยบาย ปตท. และ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ร่วมกันดูแลผู้ประกอบการและชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างเต็มที่
"วันนี้บริษัทได้ทำการพลิกทรายขึ้น 1 ครั้ง รอน้ำทะเลหนุนขึ้นมาก้อนน้ำมันในชั้นทรายก็จะลอยขึ้นมาเหนือน้ำเจ้าหน้าที่จะได้ตักขึ้นมา ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการพลิกทราย 4 ครั้ง หลังจากนั้นต้องดูว่าหาดทรายมีคราบน้ำมันอีกหรือไม่ ถ้ามีก็จะทำเพิ่มเติมอีก "
ส่วนข้อกังวลที่ว่าจะมีสารตกค้าง ขอยืนยันว่าน้ำมันดินที่รั่วเป็นน้ำมันดิบชนิดเบา มีสารตกค้างค่อนข้างน้อย ส่วนสารเบนซิน ที่เป็นสารก่อมะเร็งจะระเหยไปตั้งแต่วันแรกของการรั่วของน้ำมัน
นายสุธน สังข์สุวรรณ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 เกาะเสม็ด กล่าวภายหลังการหารือกับนายไพรินทร์และตัวแทน ปตท.ว่า ความเสียหายที่ชาวบ้านได้รับผลกระทบโดยตรงนั้น ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการแบ่งกลุ่มอาชีพเพื่อเรียกร้องค่าชดเชย ซึ่งขณะนี้มีผู้ลงชื่อแล้ว 447 ราย จากชาวบ้านอ่าวพร้าวที่มีทั้งสิ้น 1,343 คน โดยกลุ่มอาชีพที่ขอรับชดเชยสรุปได้เบื้องต้น ได้แก่ ประมงเรือเล็ก เจสกี สปีทโบ๊ท ผู้ประกอบการร้านค้าและรีสอร์ทต่างๆ กลุ่มเพ้นท์เสื้อผ้า กลุ่มนวดชายหาด มอร์เตอร์ไซด์รับจ้าง ชมรมรถโดยสาร และกลุ่มอื่นๆ เป็นต้น
อย่างไรก็ตามขณะนี้ได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่า ว่ากลุ่มประมงเรือเล็กและกลุ่มนวดชายหาด จะขอรับเงินชดเชยรายละ 500 บาทต่อวัน รวมเป็นระยะเวลา 3 เดือน ส่วนกลุ่มอื่นๆ กำลังอยู่ระหว่างการสรุปผล ซึ่งขณะนี้ดำเนินการได้แล้ว 80% และหากได้ข้อสรุปจะเสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัดระยองเพื่อประสานขอเงินชดเชยจาก ปตท.ต่อไป
