ASTV ผู้จัดการรายวัน - "จรัมพร" เชื่อม็อบไม่รุนแรง แต่ไม่ประมาทเตรียมคุมเข้มความปลอดภัย "ตลาดหุ้น" ป้องกันเหตุไม่คาดฝัน ยอมรับช่วงนี้วอลุ่มเทรดน้อย เพราะนักลงทุนชะลอลงทุน เหตุการณ์สถานการเมืองไม่มีความชัดเจน แต่มั่นใจไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น อีกทั้งนักลงทุนชินกับเหตุการณ์แบบนี้ ยืนยันไม่ปรับเป้าใหม่ แม้หลายโบรกฯ หลายบจ.ปรับลดประมาณการ ล่าสุดหุ้นไทยปิดบวก 5 จุด วอลุ่มเทรดกระเตื้องเป็น2.8 หมื่นล้าน จับตาวันร้อน 7ส.ค.
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า สาเหตุที่มูลค่าการซื้อขายต่อวันของตลาดหลักทรัพย์ไทยในช่วงนี้ค่อนข้างน้อย น่าจะมาจากการชะลอการลงทุนของนักลงทุน เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศที่ยังไม่มีความชัดเจน ซึ่งเชื่อว่านักลงทุนคงจับตาดูสถานการณ์อีกสักระยะ แต่ทั้งนี้คาดว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดทุนมากนัก หากไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น เนื่องจากโดยธรรมชาตินักลงทุนไทยได้คุ้นเคยกับสถานการณ์การเมืองในประเทศอยู่แล้ว เพราะเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
ทั้งนี้ ในส่วนของตลาดหลักทรัพย์เองได้มีการเตรียมความพร้อมถึงระบบการรักษาความปลอดภัยต่างๆ ไว้อย่างเข้มงวดและรัดกุมแล้วหากเกิดเหตุการณ์รุนแรงแบบไม่คาดฝันขึ้น
ส่วนกรณีที่บริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ รวมถึงบริษัทจดทะเบียนได้มีการปรับประมาณการของผลการดำเนินงาน บจ. ลดลงในช่วงครึ่งปีหลังนั้น ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ คงจะไม่มีการปรับเป้าหมายใดๆ เนื่องจากเพิ่งได้มีการปรับไป โดยได้ปรับมูลค่าการซื้อขายหุ้นเฉลี่ยต่อวันปีนี้เป็น 49,500 ล้านบาทต่อวัน
"เป้าที่มีการปรับกันออกมา ก็เป็นไปตามมุมมองของโบรกเกอร์ และบริษัทต่างๆ แต่ในส่วนของตลาดหลักทรัพย์เองคงไม่มีการปรับอะไรอีก เพราะเพิ่งมีการปรับเพิ่มเป้าเฉลี่ยซื้อขายต่อวันไป สะท้อนที่ครึ่งปีแรกวอลุ่มสูงมากเกินเป้าเดิม ส่วนการเมืองคาดว่าคงจะไม่มีอะไรรุนแรง ไม่น่ากังวลมากนัก เพราะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นบ่อยๆอยู่แล้ว คนไทยเองก็คงชินไปแล้ว"
บทวิเคราะห์ บล.ฟินันเซียไซรัส ระบุว่า สถานการณ์ทางการเมืองทำวอลุ่มซื้อขายในตลาดหุ้นต่ำสุดใน 8 เดือน และจากสถิติ 4 ปีที่ผ่านมาเมื่อการเมืองรุนแรง พบว่าหุ้นที่ปลอดภัยมักได้แก่กลุ่มอิเล็กทรอนิคส์ วัสดุก่อสร้างขนาดเล็ก ค้าปลีก และพลังงาน ส่วนกลุ่มเสี่ยงมักได้แก่กลุ่มอสังหาฯ ธนาคาร และไอซีที
หุ้นบวก5 จุด วอลุ่มเทรดกระเตื้องแตะ
ตลาดหุ้นไทย วานนี้(6ส.ค.) การชุมนุมต่อต้านพ.ร.บ.นิรโทษกรรม มีท่าทียืดเยื้อ ทำให้โดยรวมนักลงทุนยังชะลอการลงทุนในตลาดหุ้นต่อ แต่ดีขึ้นจากวันก่อนหน้า เพราะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดเกิดขึ้น ภาพรวมดัชนีแกว่งตัวผันผวนทั้งแดนบวกและลบ ตามแรงซื้อสลับขายทำกำไร แต่งจับตาการนำร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม เข้าที่ประชุมสภาฯ วันที่ 7 ส.ค.นี้ โดยปิดที่ระดับ 1,429.39 จุด เพิ่มขึ้น 5.08 จุด หรือ 0.36% มูลค่าซื้อขาย 28,585.22 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุด 1,440.25 จุด และต่ำสุด 1,409.87 จุด
สำหรับมูลค่าหลักทรัพย์สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ JAS ปิดที่ 8.10 บาท ลดลง 0.10 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,693.03 ล้านบาท TRUE ปิดที่ 7.85 บาท บวก 0.15 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,600.24 ล้านบาท KBANK ปิดที่ 176.00 บาท ลดลง 1.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,302.83 ล้านบาท ADVANC ปิดที่ 283.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,267.92 ล้านบาท และ CPALL ปิดที่ 37.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,146.43 ล้านบาท
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า สาเหตุที่มูลค่าการซื้อขายต่อวันของตลาดหลักทรัพย์ไทยในช่วงนี้ค่อนข้างน้อย น่าจะมาจากการชะลอการลงทุนของนักลงทุน เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศที่ยังไม่มีความชัดเจน ซึ่งเชื่อว่านักลงทุนคงจับตาดูสถานการณ์อีกสักระยะ แต่ทั้งนี้คาดว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดทุนมากนัก หากไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น เนื่องจากโดยธรรมชาตินักลงทุนไทยได้คุ้นเคยกับสถานการณ์การเมืองในประเทศอยู่แล้ว เพราะเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
ทั้งนี้ ในส่วนของตลาดหลักทรัพย์เองได้มีการเตรียมความพร้อมถึงระบบการรักษาความปลอดภัยต่างๆ ไว้อย่างเข้มงวดและรัดกุมแล้วหากเกิดเหตุการณ์รุนแรงแบบไม่คาดฝันขึ้น
ส่วนกรณีที่บริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ รวมถึงบริษัทจดทะเบียนได้มีการปรับประมาณการของผลการดำเนินงาน บจ. ลดลงในช่วงครึ่งปีหลังนั้น ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ คงจะไม่มีการปรับเป้าหมายใดๆ เนื่องจากเพิ่งได้มีการปรับไป โดยได้ปรับมูลค่าการซื้อขายหุ้นเฉลี่ยต่อวันปีนี้เป็น 49,500 ล้านบาทต่อวัน
"เป้าที่มีการปรับกันออกมา ก็เป็นไปตามมุมมองของโบรกเกอร์ และบริษัทต่างๆ แต่ในส่วนของตลาดหลักทรัพย์เองคงไม่มีการปรับอะไรอีก เพราะเพิ่งมีการปรับเพิ่มเป้าเฉลี่ยซื้อขายต่อวันไป สะท้อนที่ครึ่งปีแรกวอลุ่มสูงมากเกินเป้าเดิม ส่วนการเมืองคาดว่าคงจะไม่มีอะไรรุนแรง ไม่น่ากังวลมากนัก เพราะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นบ่อยๆอยู่แล้ว คนไทยเองก็คงชินไปแล้ว"
บทวิเคราะห์ บล.ฟินันเซียไซรัส ระบุว่า สถานการณ์ทางการเมืองทำวอลุ่มซื้อขายในตลาดหุ้นต่ำสุดใน 8 เดือน และจากสถิติ 4 ปีที่ผ่านมาเมื่อการเมืองรุนแรง พบว่าหุ้นที่ปลอดภัยมักได้แก่กลุ่มอิเล็กทรอนิคส์ วัสดุก่อสร้างขนาดเล็ก ค้าปลีก และพลังงาน ส่วนกลุ่มเสี่ยงมักได้แก่กลุ่มอสังหาฯ ธนาคาร และไอซีที
หุ้นบวก5 จุด วอลุ่มเทรดกระเตื้องแตะ
ตลาดหุ้นไทย วานนี้(6ส.ค.) การชุมนุมต่อต้านพ.ร.บ.นิรโทษกรรม มีท่าทียืดเยื้อ ทำให้โดยรวมนักลงทุนยังชะลอการลงทุนในตลาดหุ้นต่อ แต่ดีขึ้นจากวันก่อนหน้า เพราะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดเกิดขึ้น ภาพรวมดัชนีแกว่งตัวผันผวนทั้งแดนบวกและลบ ตามแรงซื้อสลับขายทำกำไร แต่งจับตาการนำร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม เข้าที่ประชุมสภาฯ วันที่ 7 ส.ค.นี้ โดยปิดที่ระดับ 1,429.39 จุด เพิ่มขึ้น 5.08 จุด หรือ 0.36% มูลค่าซื้อขาย 28,585.22 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุด 1,440.25 จุด และต่ำสุด 1,409.87 จุด
สำหรับมูลค่าหลักทรัพย์สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ JAS ปิดที่ 8.10 บาท ลดลง 0.10 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,693.03 ล้านบาท TRUE ปิดที่ 7.85 บาท บวก 0.15 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,600.24 ล้านบาท KBANK ปิดที่ 176.00 บาท ลดลง 1.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,302.83 ล้านบาท ADVANC ปิดที่ 283.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,267.92 ล้านบาท และ CPALL ปิดที่ 37.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,146.43 ล้านบาท