การชุมนุมของกองทัพประชาชนโค่นรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เริ่มขึ้นตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม แล้วครับ แกนนำการชุมนุมประกาศว่าจะชุมนุมไปถึงวันที่ 7 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันที่สภาผู้แทนราษฎรจะพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ฉบับของนายวรชัย เหมะ ส.ส.พรรคเพื่อไทย จังหวัดสมุทรปราการ
เห็นการชุมนุมตั้งแต่เริ่มแล้วก็ใจแป้วเหมือนดูมวย หรือดูฟุตบอลที่เชียร์กำลังแพ้ มองไม่เห็นเลยว่า จะโค่นรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ไปได้อย่างไร เริ่มตั้งแต่จำนวนผู้ชุมนุมที่มีอยู่ประมาณ 3-5 พันคน ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนน้อยนิด ชุมนุมกันอยู่ที่สวนลุมพินีที่ไม่มีทางที่จะกดดันรัฐบาลให้สะทกสะท้านได้ สมัยที่ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ นำการชุมนุมเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2555 มีผู้ร่วมชุมนุมจำนวนมากมายกว่านี้ (ซึ่งก็มีจำนวนไม่มากอย่างที่ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ คาดหวัง) ก็ยังไม่ระคายผิวรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์เลยแม้แต่น้อย
ถ้าหากผู้ชุมนุมเดินออกจากสวนลุมพินีมาทำเนียบรัฐบาล มารัฐสภาก็เป็นเขตที่รัฐบาลประกาศใช้พระราชกำหนดความมั่นคง มีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่คอยพิทักษ์ปกป้องรัฐบาลเพียบ ไม่มีทางที่จะกดดันรัฐบาลได้เลย
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร วางแผนยึดครองประเทศไทยได้อย่างเบ็ดเสร็จสมบูรณ์จริงๆ ด้วยการเอาชนะการเลือกตั้งให้ชาวโลกเห็นว่ารัฐบาลที่เขาให้การสนับสนุนมาจากระบอบประชาธิปไตย มาจากการเลือกตั้ง ขณะเดียวกันก็จัดตั้งมวลชนที่เรียกกันว่า นปช. หรือกลุ่มคนเสื้อแดงคอยเคลื่อนไหวให้การสนับสนุนรัฐบาล เผชิญหน้ากับฝ่ายที่คัดค้านรัฐบาล หรือไม่ก็คอยเคลื่อนไหวเล่นงานศาล ทั้งศาลยุติธรรม ศาลปกครอง และศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้คนทั่วไปเห็นว่า แต่ละศาลไม่เป็นธรรม สิ้นสุดความยุติธรรม เพราะรัฐบาลหุ่นที่ทักษิณเชิดอยู่ไม่สนใจตัวบทกฎหมาย ถือว่ามีเสียงข้างมากในสภาก็มีความชอบธรรมที่จะสุ่มเสี่ยงต่อการกระทำที่ขัดตัวบทกฎหมาย เป็นต้น ออกพระราชกำหนดกู้เงิน 3.5 แสนล้านบาท กำลังจะออกพระราชบัญญัติกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เพื่อที่จะจัดซื้อจัดจ้างโดยที่สภาผู้แทนราษฎรไม่มีโอกาสที่จะควบคุมการใช้จ่าย หรือเพื่อที่จะเลี่ยงการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
นอกจากนี้ก็ซื้อสื่อหลักๆ ทั้งหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์เพื่อให้สนับสนุนรัฐบาล คอยดูหมิ่นดูแคลน เยาะเย้ย ถากถางการเคลื่อนไหวของฝ่ายที่คัดค้านรัฐบาลที่ทักษิณชักใยอยู่เบื้องหลัง
มองจากการเคลื่อนไหวของฝ่ายที่คัดค้านรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นองค์กรที่นำโดย พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ เมื่อปีที่แล้ว ไทยสปริงก์ กลุ่มหน้ากากขาว กลุ่มประชาชนที่ชุมนุมที่ท้องสนามหลวงที่ประกาศว่าจะชุมนุมจนกว่ารัฐบาลจะลาออก (ในที่สุดก็เลิกลาไปเอง) จนกระทั่งมาถึงกองทัพประชาชนที่จะโค่นรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ในวันนี้ ซึ่งก็ต้องรวมสื่อทั้งหลายที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาล (ซึ่งแน่ละต้องรวมทั้งผมด้วย) ยังทำงานไม่ได้ผล ยังไม่สามารถทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ของประเทศมองเห็นความเลวร้ายของระบอบทักษิณ หรือมองเห็นหายนะอันเกิดจากการบริหารประเทศของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นหายนะจากการรับจำนำข้าว หายนะจากโครงการขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ที่ไม่ใช้ราคากลางในการจัดซื้อจัดจ้าง หายนะอันเกิดจากการไม่ประสีประสาทางการเมืองของคนเป็นนายกรัฐมนตรี หายนะอันเกิดจากการบริหารของคนที่เป็นขี้ข้าทักษิณ ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการประจำ ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง
ถือว่าไม่สามารถที่จะทำให้ผู้คนส่วนข้างมากในประเทศนี้คิดตาม คิดเหมือนได้
คงจะต้องใช้เวลายาวนานกว่านี้กว่าผู้คนจำนวนมากจะเข้าใจ จะเรียนรู้ และจะสุกงอม
ทุกวันนี้ก็ต้องอดทนกันต่อไป ข้าวของจะแพงอย่างไร ข้าวจะเน่าจะบูดอย่างไร งบประมาณแผ่นดินจะถูกถลุงกันขนาดไหน เงินจำนวนไม่น้อยจ่ายไปกับความสุรุ่ยสุร่ายของนักการเมือง การทุจริตของนักการเมืองก็ต้องอดต้องทน โดยตั้งความหวังว่า ในอนาคตอันไกลโพ้นประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศจะได้คิด แม้ว่ากว่าถึงเวลานั้นประเทศเราจะเหลือแต่ซากแล้วก็ตาม ถึงเวลานั้นจะต้องเหน็ดเหนื่อย ต้องสร้างบ้านแปงเมืองกันใหม่ ก็ต้องยอมกันล่ะครับ
ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมที่ผู้คนออกมาคัดค้านกันอยู่ขณะนี้ คงจะต้องผ่านวาระที่ 3 (อาจจะพิจารณา 3 วาระรวด) ก็ต้องยอมเขาล่ะครับ เขาจะแปรญัตติอย่างไร สามารถทำให้ ทักษิณ กลับมาประเทศไทยได้อย่างเท่ๆ สง่างาม แถมอาจจะได้เงิน 4.6 หมื่นล้านที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองยึดคืนนั่นก็ช่างเถอะครับ ให้เขาไปเถอะ
จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีแทนน้องสาวที่สติปัญญาอ่อนด้อยกว่าก็ต้องยอมอีกนั่นแหละ
เห็นการชุมนุมตั้งแต่เริ่มแล้วก็ใจแป้วเหมือนดูมวย หรือดูฟุตบอลที่เชียร์กำลังแพ้ มองไม่เห็นเลยว่า จะโค่นรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ไปได้อย่างไร เริ่มตั้งแต่จำนวนผู้ชุมนุมที่มีอยู่ประมาณ 3-5 พันคน ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนน้อยนิด ชุมนุมกันอยู่ที่สวนลุมพินีที่ไม่มีทางที่จะกดดันรัฐบาลให้สะทกสะท้านได้ สมัยที่ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ นำการชุมนุมเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2555 มีผู้ร่วมชุมนุมจำนวนมากมายกว่านี้ (ซึ่งก็มีจำนวนไม่มากอย่างที่ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ คาดหวัง) ก็ยังไม่ระคายผิวรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์เลยแม้แต่น้อย
ถ้าหากผู้ชุมนุมเดินออกจากสวนลุมพินีมาทำเนียบรัฐบาล มารัฐสภาก็เป็นเขตที่รัฐบาลประกาศใช้พระราชกำหนดความมั่นคง มีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่คอยพิทักษ์ปกป้องรัฐบาลเพียบ ไม่มีทางที่จะกดดันรัฐบาลได้เลย
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร วางแผนยึดครองประเทศไทยได้อย่างเบ็ดเสร็จสมบูรณ์จริงๆ ด้วยการเอาชนะการเลือกตั้งให้ชาวโลกเห็นว่ารัฐบาลที่เขาให้การสนับสนุนมาจากระบอบประชาธิปไตย มาจากการเลือกตั้ง ขณะเดียวกันก็จัดตั้งมวลชนที่เรียกกันว่า นปช. หรือกลุ่มคนเสื้อแดงคอยเคลื่อนไหวให้การสนับสนุนรัฐบาล เผชิญหน้ากับฝ่ายที่คัดค้านรัฐบาล หรือไม่ก็คอยเคลื่อนไหวเล่นงานศาล ทั้งศาลยุติธรรม ศาลปกครอง และศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้คนทั่วไปเห็นว่า แต่ละศาลไม่เป็นธรรม สิ้นสุดความยุติธรรม เพราะรัฐบาลหุ่นที่ทักษิณเชิดอยู่ไม่สนใจตัวบทกฎหมาย ถือว่ามีเสียงข้างมากในสภาก็มีความชอบธรรมที่จะสุ่มเสี่ยงต่อการกระทำที่ขัดตัวบทกฎหมาย เป็นต้น ออกพระราชกำหนดกู้เงิน 3.5 แสนล้านบาท กำลังจะออกพระราชบัญญัติกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เพื่อที่จะจัดซื้อจัดจ้างโดยที่สภาผู้แทนราษฎรไม่มีโอกาสที่จะควบคุมการใช้จ่าย หรือเพื่อที่จะเลี่ยงการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
นอกจากนี้ก็ซื้อสื่อหลักๆ ทั้งหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์เพื่อให้สนับสนุนรัฐบาล คอยดูหมิ่นดูแคลน เยาะเย้ย ถากถางการเคลื่อนไหวของฝ่ายที่คัดค้านรัฐบาลที่ทักษิณชักใยอยู่เบื้องหลัง
มองจากการเคลื่อนไหวของฝ่ายที่คัดค้านรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นองค์กรที่นำโดย พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ เมื่อปีที่แล้ว ไทยสปริงก์ กลุ่มหน้ากากขาว กลุ่มประชาชนที่ชุมนุมที่ท้องสนามหลวงที่ประกาศว่าจะชุมนุมจนกว่ารัฐบาลจะลาออก (ในที่สุดก็เลิกลาไปเอง) จนกระทั่งมาถึงกองทัพประชาชนที่จะโค่นรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ในวันนี้ ซึ่งก็ต้องรวมสื่อทั้งหลายที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาล (ซึ่งแน่ละต้องรวมทั้งผมด้วย) ยังทำงานไม่ได้ผล ยังไม่สามารถทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ของประเทศมองเห็นความเลวร้ายของระบอบทักษิณ หรือมองเห็นหายนะอันเกิดจากการบริหารประเทศของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นหายนะจากการรับจำนำข้าว หายนะจากโครงการขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ที่ไม่ใช้ราคากลางในการจัดซื้อจัดจ้าง หายนะอันเกิดจากการไม่ประสีประสาทางการเมืองของคนเป็นนายกรัฐมนตรี หายนะอันเกิดจากการบริหารของคนที่เป็นขี้ข้าทักษิณ ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการประจำ ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง
ถือว่าไม่สามารถที่จะทำให้ผู้คนส่วนข้างมากในประเทศนี้คิดตาม คิดเหมือนได้
คงจะต้องใช้เวลายาวนานกว่านี้กว่าผู้คนจำนวนมากจะเข้าใจ จะเรียนรู้ และจะสุกงอม
ทุกวันนี้ก็ต้องอดทนกันต่อไป ข้าวของจะแพงอย่างไร ข้าวจะเน่าจะบูดอย่างไร งบประมาณแผ่นดินจะถูกถลุงกันขนาดไหน เงินจำนวนไม่น้อยจ่ายไปกับความสุรุ่ยสุร่ายของนักการเมือง การทุจริตของนักการเมืองก็ต้องอดต้องทน โดยตั้งความหวังว่า ในอนาคตอันไกลโพ้นประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศจะได้คิด แม้ว่ากว่าถึงเวลานั้นประเทศเราจะเหลือแต่ซากแล้วก็ตาม ถึงเวลานั้นจะต้องเหน็ดเหนื่อย ต้องสร้างบ้านแปงเมืองกันใหม่ ก็ต้องยอมกันล่ะครับ
ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมที่ผู้คนออกมาคัดค้านกันอยู่ขณะนี้ คงจะต้องผ่านวาระที่ 3 (อาจจะพิจารณา 3 วาระรวด) ก็ต้องยอมเขาล่ะครับ เขาจะแปรญัตติอย่างไร สามารถทำให้ ทักษิณ กลับมาประเทศไทยได้อย่างเท่ๆ สง่างาม แถมอาจจะได้เงิน 4.6 หมื่นล้านที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองยึดคืนนั่นก็ช่างเถอะครับ ให้เขาไปเถอะ
จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีแทนน้องสาวที่สติปัญญาอ่อนด้อยกว่าก็ต้องยอมอีกนั่นแหละ