xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ปส.เด็ดปีกขบวนการค้ายานรก “ทารก - นศ.สาว” เหยื่อลูกหลง บทเรียนที่ตำรวจต้องจดจำ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ปรากฏเป็นข่าวใหญ่บนสื่อทุกแขนงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงบ่ายของวันที่ 30 กรกฎาคมที่มีฉากแอ็คชั่นสุดมันส์สมจริง โชว์ดวลปืนกระสุนจริงไม่มีสแตนด์อิน เล่นจริง! เจ็บจริง! และตายจริง! จากการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจชุดเฉพาะกิจ “กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด”(บช.ปส.) ที่บุกเข้าชาร์ทจับกุมคนร้ายเครือข่ายยาเสพติดพันโทยี่เซจนเกิดการปะทะขึ้นกลางถนนแยกเทวกรรม ใจกลางกรุงทำเอาชาวบ้านละแวกนั้นต้องอกสั่นขวัญผวา นึกว่าเป็นการถ่ายหนังแอ็กชั่นกลางสี่แยก

ย้อนรอยปฏิบัติการณ์ครั้งนี้เจ้าหน้าตำรวจที่ได้สะกดรอยตามแก๊งค้ายาบ้านี้จากบริษัทนิ่มซี่เส็งขนส่ง โลจิสติกส์ บริเวณแยกมหานาค ถนนลูกหลวง แขวงสี่แยกหมานาค โดยที่คนร้ายขับรถอีซูซุ มิวเซเว่น สีขาว ทะเบียน กค.7586 นครนายก เพื่อมารับกล่องปริศนาจำนวน 2 กล่องที่ข้างในบรรจุยาบ้าล็อตใหญ่ กระทั่งรถคันดังกล่าวหยุดจอดที่ตลาดมหานาค จากนั้นกำลังเจ้าหน้าที่จึงขับรถประกบปิดหัวปิดท้าย แต่คนร้ายไหวตัวทันจึงพยายามขับรถหลบหนีไปทางถนนลูกหลวงสะพานเทวกรรม เจ้าหน้าที่จึงขับรถตามไล่ล่าและพยายามใช้อาวุธปืนยิงใส่ยางรถจนยางแตก จนรถที่คนร้ายขับมานั้นจอดนิ่งที่ริมถนนข้างบ้านเลขที่ 111 เลียบคลองผดุงกรุงเกษม

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้แสดงตัวเข้าจับกุมและค่อยๆ เดินเข้าไปเคาะประตูรถบานหลังฝั่งซ้าย และสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อคนร้ายฮึดสู้ใช้อาวุธปืน11 มม.ยิงทะลุกระจกใส่เจ้าหน้าที่จำนวน 7 นัด เสียงดังสนั่น เจ้าหน้าที่จึงคว้าปืนยิงตอบโต้ ซึ่งต่างฝ่ายต่างเปิดฉากยิงสาดกระสุนใส่กันนานกว่า 10 นาที เหมือนฉากในภาพยนตร์บู๊อย่างไรอย่างนั้น ท่ามกลางความแตกตื่นของชาวบ้านในย่านที่เกิดเหตุ ที่ต่างพากันมามุงดูเหตุการณ์ด้วยความลุ้น ระทึก และพยายามหลบอยู่ตามกระถางต้นไม้

โดยในระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่ามีนักศึกษาหญิงมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนครที่กำลังนั่งทานข้าวเฉโปอยู่ที่ร้านฝั่งตรงข้ามห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ100 เมตรถูกกระสุนลูกหลงยิงทะลุเข้าที่แก้มได้รับบาดเจ็บ หน่วยกู้ภัยจึงรีบนำส่ง รพ.หัวเฉียว ทราบภายหลังว่าชื่อ น.ส.สมฤดี วนะวนานต์ อายุ 22 ปีนักศึกษาชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตพาณิชยการพระนคร

เมื่อสิ้นเสียงปืน กำลังตำรวจปส.ได้เข้าเคลียร์พื้นที่ กระทั่งพบผู้ต้องหาซึ่งเป็นคนขับรถ ทราบชื่อภายหลังคือนายพิเชษฐ์ ดอกไม้พุ่ม 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14ม.1 อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี ได้รับบาดเจ็บตกลงมานอนอยู่ข้างรถเลือดอาบท่วมตัว อาการสาหัส ทีมแพทย์รุดช่วยชีวิตและพยายามปฐมพยาบาล ก่อนนำส่งรพ.หัวเฉียว ส่วนผู้ต้องหาอีกรายที่นั่งมาด้วยเสียชีวิตคาเบาะด้านหลัง ทราบชื่อคือนายวริศนันท์ เริงกมล อายุ 35 ปี ซึ่งเป็นเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่

แต่สิ่งที่ทำให้เจ้าหน้าที่ที่เข้าเคลียร์พื้นที่ถึงกับตกตะลึง คือพบทารกเพศชายวัย 4 เดือน ซึ่งเป็นบุตรของผู้ตายนอนจมกองเลือดอยู่ที่เบาะด้านหลัง เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพจึงเร่งนำทารกส่งรพ.วชิระ เดชะบุญเด็กรอดตายจากคมกระสุนปืนอย่างหวุดหวิด ภายหลังพบว่าทารกไม่ได้ถูกกระสุนปืน เพียงโดนเลือดของคนร้ายไหลมาเปรอะเปื้อนไปทั่วร่างกาย ส่วนมารดาของทารกคือ นางสกุลรัตน์ สุวรรณสุขโข อายุ 32 ปี ภรรยาผู้ตาย ซึ่งขณะนี้ได้หลบหนีไปจากบ้านพักย่านลำลูกกา

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบภายในตัวผู้ตายพบว่ามีทรัพย์สินเงินสดที่อยู่ในบัญชีธนาคารจำนวน 7 ล้านบาท และบัตรเอทีเอ็มอีกจำนวน 18 ใบ มีเงินหมุนเวียนในบัญชีจำนวนหลายล้านบาท จากนั้นได้ขยายผลตรวจค้นบ้านพักและคอนโดมิเนียม ย่านลำลูกกา พบรถยนต์อีกจำนวน 8 คัน และยังมีบ้านพักอีกจำนวนมาก ทั้งในจังหวัดอยุธยาที่เป็นแหล่งพักยาเสพติด ซึ่งหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่จะทำการขยายผลตรวจค้นให้หมด ส่วน นายพิเชษฐ์ ดอกไม้พุ่ม อายุ 37 ปี โชเฟอร์ที่ขับรถให้นั้นได้รับบาดเจ็บขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่ รพ.ตำรวจ โดยประวัติก่อนหน้านี้ได้หลบหนีคดีจากศาลชั้นต้นมาเช่นกัน

ขณะที่เมื่อตรวจสอบด้านหลังรถยังพบกล่องกระดาษสีน้ำตาล โดยข้าง กล่องเขียนว่าส่งคืนคุณกาญจนาศรียุทธตรา หจก.กิ๊ปโปร ไทยแลนด์ แยกมหานาค เบอร์โทร 0884963160 ภายในเป็นตู้ลำโพง ซับเบส เมื่อเจ้าหน้าที่ทำการงัดเปิดตัวลำโพงออกก็พบว่าภายในลำโพงมีการซุกซ้อนยาบ้าจำนวน 136,000 เม็ด ยาไอซ์อีก 8 กก. และยาบ้าแสนกว่าเม็ดเหล่านี้มีตราสัญลักษณ์ 999 ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงว่าเป็นยาบ้าในเครือข่ายของพันโทยี่เซ

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบเพิ่มเติมยังพบว่านายวริศนันท์ มีการเปลี่ยนชื่อมาแล้วหลายครั้ง จนชื่อนี้เป็นชื่อล่าสุด และผู้ตายได้หลบหนีคดีชั้นศาลอุทธรณ์ออกมา โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาน นายวริศนันท์ได้ลักลอบขนยาเสพติดจำนวน 21 ครั้ง โดยภายในเดือน ก.ค.ได้ลำเลียงมา 7 ครั้ง

นอกจากนี้ เมื่อ พล.ต.ท.สุรพล ทวนทอง ผบช.ปส. นำกำลังตำรวจ ปส. เข้าตรวจค้นที่บริษัทนิ่มซี่เส็งขนส่ง 1988 จำกัด หลังพบว่าผู้ต้องหาที่ถูกวิสามัญนั้นมารับกล่องพัสดุจากบริษัทดังกล่าว ก็พบกล่องพัสดุ 2 กล่องใหญ่ บรรจุลำโพงกล่องละ 1 ตัว เมื่องัดกล่องดังกล่าวออกพบยาบ้าอีกจำนวน 142,000 เม็ด และยาไอซ์ 7 กิโลกรัม จากทั้ง 2 กล่อง ทั้งนี้จากตรวจสอบทั้งหมดนั้นพบว่าจุดเริ่มต้นส่งกล่องจำนวน 4 กล่อง โดยผู้ส่งระบุชื่อนายประสิทธิ์ ไม่ทราบนามสกุลจริง ส่งมาจาก บริษัทนิ่มซี่เส็งขนส่ง 1988 จำกัด สาขาเชียงราย ก่อนมาพักของที่บริษัทนิ่มซี่เส็งขนส่ง 1988 จำกัด ที่ตลาดไทย จากนั้นส่งต่อมายังบริษัทนิ่มซี่เส็งขนส่ง 1988 จำกัด สาขาตลาดโบ๊เบ๊ เพื่อรอตีกลับ เนื่องจากไม่มีผู้มารับพัสดุ กระทั่งเที่ยงวันนี้นายพิเชษฐ์ ดอกไม้พุ่ม พร้อมพวกมารับกล่องไป 2 กล่อง ส่วนกล่องอีก 2 กล่อง ที่ยังไม่มีคนมารับของและรอตีกลับคืน โดยระบุชื่อผู้รับคือนาย กลยุทธ คำศรีรา แต่คาดว่าระหว่างที่ตำรวจเข้าจับกุมคนร้ายแก๊งยาเสพติดที่จะมารับคงไหวตัวทันจึงไม่มารับของ และหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการยึดยาเสพติดทั้งหมดไปตรวจสอบขยายผลเพื่อไล่ล่าแก๊งค้ายานรกต่อไป

สำหรับอาการของน.ส.สมฤดีหญิงสาวเคราะห์ร้ายเหยื่อกระสุนลูกหลงนั้น มีอาการที่ดีขึ้นแต่อาจจะต้องพักฟื้นเป็นเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ อย่างไรก็ตามในส่วนของการช่วยเหลือเหยื่อรายนี้ ทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามหรือ ป.ป.ส.ได้มอบเงินเยียวยาในเบื้องต้น 5 หมื่นบาท และทาง ปส.ให้อีกจำนวน 2 หมื่นบาท และทางเจ้าหน้าที่ยินดีจะช่วยเหลือจนการรักษาเสร็จสิ้น รวมไปถึงจะออกเงินค่าทำศัลยกรรมพลาสติกให้อีกด้วย

เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นถือเป็นภารกิจสำคัญในการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจที่ต้องปราบปรามยาเสพติดที่กำลังระบาดหนัก แม้จะมีผลงานจับยาเสพติดออกมาเป็นจำนวนมากทุกวัน แต่ปัญหายาเสพติดก็ไม่ได้น้อยลงเลย เข้าใจว่าในการปราบปรามจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องเสี่ยงชีวิตมิใช่น้อยเดียวทีเดียวในกรณีที่คนร้ายต่อสู้ขัดขืนเช่นนี้ เพราะถ้าพลาดนั่นหมายถึง "ชีวิต" แต่สิ่งที่ตำรวจต้องคำนึงให้มากกว่านี้คือความละเอียดรอบคอบในการเข้าจับกุมควรมีความรัดกุมมากกว่านี้ เพราะถ้าพลาดนั่นหมายความถึงชีวิต "ผู้บริสุทธิ์"ด้วยเช่นกัน




กำลังโหลดความคิดเห็น