เสม็ดดำ ปตท.ต้องชดใช้

ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-จากกรณีท่อรับน้ำมันดิบกลางทะเลของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC เกิดรั่วไหลงในทะเลจำนวน 50,000 ลิตรหรือ 50 ตัน เมื่อเช้าวันที่ 27 กรกฎาคม ที่ผ่านมา และทำให้มวลน้ำมันปริมาณมหาศาล ทะลักเข้าอ่าวพร้าว เกาะเสม็ดนั้น ถือเป็นอุบัติภัยครั้งสำคัญที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย โดยก่อให้เกิดผลกระทบทั้งทางด้านสิ่งแวดล้อม วิถีชีวิตของชาวบ้าน ตลอดรวมถึงการท่องเที่ยวอย่างมิอาจประมาณค่าได้

แน่นอน คำถามที่เกิดขึ้นก็คือ PTTGC จะรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างไร เพราะความฉิบหายที่เกิดขึ้นเกิดจากฝีมือของ PTTGC ล้วนๆ อย่างไม่มีข้อสงสัย และไม่สมควรจบลงด้วยการประนีประนอม หากแต่ควรนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาในกระบวนการยุติธรรมเพื่อชดใช้สถานเดียว

ทั้งนี้ ในความเป็นจริงแล้ว ภาครัฐโดยหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องจะต้องเป็นเจ้าภาพในการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายที่ PTTGC กระทำต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงชาวบ้านทั้งที่ประกอบกิจการประมงพื้นบ้านและธุรกิจท่องเที่ยว มิใช่ปกป้องและทำตัวประหนึ่งเป็นพนักงานกินเงินเดือนของ PTTGC

ที่สำคัญคือที่ผ่านมา PTTGC ก็มีกำรี้กำไรจากประกอบกิจการน้ำมันเป็น จำนวนมหาศาลอยู่แล้ว สมควรที่จะนำกำไรที่ได้มาเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นโดยไม่มีข้อเกี่ยงงอน ซึ่งก็คงต้องติดตามกันต่อไปว่า สุดท้ายแล้ว PTTGC จะจ่ายเท่าไหร่และเหมาะสมกับความฉิบหายที่เกาะเสม็ดได้รับหรือไม่

ไปที่เรื่องดีๆ กันบ้าง เริ่มจากอารักษ์ เคียงศิริ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการพัฒนาองค์กร บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มโคคา-โคล่า จัดโครงการ “2013 Young Internship Program” โครงการพัฒนาทักษะการเรียนรู้นอกตำราแก่นิสิตนักศึกษา เพื่อเสริมสร้างความรู้และมีประสบการณ์จริงในการทำงาน ร่วมกับผู้บริหารและพนักงานของบริษัทฯ ณ บริษัทไทยน้ำ ทิพย์ นอร์ธปาร์ค

ตามต่อด้วย เมื่อเร็วๆนี้ มูลนิธิ ไร้ท์ ทู เพลย์ ประเทศไทย ร่วมกับ มูลนิธิพุทธรักษา ภายใต้การดูแลของกลุ่มบริษัทดีที จัดกิจกรรมการเรียนรู้ “อาเซียน วาไรตี้” ที่เน้นความสำคัญของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนและผลกระทบต่อประเทศไทย ณ โรงเรียนวัดสระแก้ว จังหวัดอ่างทอง โดยบูรณาการกิจกรรมพัฒนาทักษะชีวิตเข้ากับจุดประสงค์การเรียนรู้รายวิชา ได้แก่ คณิตศาสตร์ ภาษาไทย และสังคมศึกษา โดยมีนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 160 คนเข้าร่วมกิจกรรม กิจกรรมนี้ดัดแปลงมาจากแนวคิดกิจกรรมวันเพลย์ เดย์ (Play Day)ซึ่งนักเรียนจะได้ร่วมเล่นเกมในฐานต่างๆเพื่อเรียนรู้เนื้อหาวิชาการและสะท้อนการเรียนรู้โดยใช้ทักษะชีวิต เช่น ทักษะการคิดวิเคราะห์ การทำงานเป็นกลุ่ม และการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับผู้อื่น

และปิดท้ายกับนายสนธยา คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานพิธีเปิดงานวันภาษาไทยแห่งชาติ พุทธศักราช 2556 และมอบรางวัลเชิดชูเกียรติให้แก่ปูชนียบุคคลด้านภาษาไทย ผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่น ผู้ใช้ภาษาไทยถิ่นดีเด่น และผู้มีคุณูปการต่อการใช้ภาษาไทย พร้อมด้วยนางปริศนา พงษ์ทัดศิริกุล ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม ข้าราชการ และแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมงาน เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2556 ณ โรงละครแห่งชาติ กรุงเทพฯ

พบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ...

คอลัมน์// หนังสือน่าอ่าน

ถอยไปข้างหน้า ONWARD

ความจริงหนังสือเล่มนี้ “ลุงอ้วน” มีอยู่ในครอบครองนานพอสมควรแล้ว และก็ได้เคยอ่านเนื้อหาบ้างในบางส่วน แต่ว่าด้วยความหนาและภารกิจบางประการ ทำให้อ่านไม่จบเสียที ทว่า ในที่สุด ด้วยเนื้อหาสาระที่ยังคงประทับอยู่ในความทรงจำไม่รู้ลืม ทำให้ตัดสินใจหยิบขึ้นมาอ่านอีกครั้ง และแน่นอนว่า เที่ยวนี้ ไม่คว้าน้ำเหลวเหมือนที่ผ่านมา

“ถอยไปข้างหน้า ONWARD” เป็นผลงานการเขียนของ “โฮวาร์ด ชูลท์ส” ผู้ที่เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า บรรดาคอกาแฟคงเคยรู้จักหรือได้ยินชื่อของเขามาบ้าง เนื่องเพราะเขาคือซีอีโอของแบรนด์ร้านกาแฟที่โด่งดังไปทั่วโลกอย่าง “สตาร์บัคส์” ที่ร่วมกับ “โจแอน กอร์ดอน” ตั้งใจที่จะเรียงร้อยบอกเล่าประสบการณ์ในธุรกิจกาแฟสตาร์บัคส์ออกมาอย่างครบครัน โดยเป็นเรื่องจริงที่ไม่เคยมี่ใครรับรู้มาก่อน ทั้งความคิด การตัดสินใจ ความหวาดหวั่นและความผิดพลาดทั้งหลาย ซึ่งถือเป็นหนังสือที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับใครอีกหลายคนที่อาจเคยล้มเพราะพิษเศรษฐกิจและไม่กล้าที่จะยืนขึ้นใหม่

คงไม่มีใครคาดว่า ท่ามกลางการขยายสาขาอย่างไม่หยุดยั้ง สตาร์บัคส์กลับเผชิญกับวิกฤติอย่างแท้จริง กระทั่งทำให้ร้านกาแฟยอดนิยมแห่งนี้มิใช่ที่พักพิงแห่งที่สามรองจากบ้ารนและที่ทำให้งานซึ่งมีผู้คนจำนวนมากแวะเวียนมาอีกต่อไป ยอดขายตกลงอย่างมาก ราคาหุ้นดิ่งลงเป็นประวัติการณ์ แต่แล้วเมื่อโฮวาร์ด ชูลท์ส กลับมาดำรงตำแหน่งซีอีโออีกครั้ง สิ่งแรกที่เขาทำก็คือ การปิดร้านสตาร์บัคส์ทั่วสหรัฐฯ เพื่ออมรมการชงเอสเปรสโซสู่ความเป็นเลิศแก่เหล่าบาริสต้าอีกครั้ง ซึ่งนั่นคือการถอยไปข้างหน้าเพื่อกลับไปหาตัวต้นที่แท้จริง

และเพียงแค่ภายในเวลาสองปีเท่านั้น สตาร์บัคส์ก็กลับมาผงาดอีกครั้ง

อยากแนะนำให้อ่านกันครับ

managerweekend@yahoo.com