ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ยังความปลื้มปีติแก่พสกนิกรทั่วหล้า เมื่อได้เห็นพระพักตร์อันแจ่มใสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ขณะเสด็จพระราชดำเนินออกจากโรงพยาบาลศิริราช เพื่อเสด็จประทับยังพระตำหนักเปี่ยมสุข พระราชวังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2556 หลังจากที่ทรงประทับที่โรงพยาบาลศิริราชเพื่อรักษาพระอาการประชวรอยู่เป็นเวลานาน
ทันทีที่ทั้งสองพระองค์ทรงเสด็จลงมาจากชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติโรงพยาบาลศิริราช เสียง “ ทรงพระเจริญ” ก็ดังกึกก้องไปทั่วทั้งศิริราช ด้วยคลื่นมหาชนที่หลั่งไหลมาจากทั่วทุกสารทิศมาเข้าเฝ้าชื่นชมพระบารมีหลังจากที่รู้ข่าวว่าทั้งสองพระองค์จะเสด็จไปประทับที่พระราชวังไกลกังวล
ภาพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฉลองพระองค์ผ้าไหมสีส้ม และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถฉลองพระองค์ผ้าไหมสีฟ้า ขณะทรงโบกพระหัตถ์และแย้มพระสรวลให้กับพสกนิกรที่มาเฝ้ารับเสด็จ ยังความปลาบปลื้มในพระเมตตาอย่างหาที่สุดมิได้ให้กับประชาชนที่มาเข้าเฝ้าตลอดสองข้างทาง บางคนถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความซาบซึ้งใจ ขณะที่ ขบวนรถยนต์พระที่นั่งเคลื่อนฯ จากชั้นใต้ดินอาคารเฉลิมพระเกียรติฯ โรงพยาบาลศิริราชอย่างช้าๆ เสียง “ทรงพระเจริญ” ก็ดังกึกก้องมิขาดสาย ธงชาติ และธงตราสัญลักษณ์ ภปร.และ สก.โบกสะบัดแทนความจงรักภักดี ขณะที่ภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงและพระราชินีถูกทูลขึ้นเหนือเกล้า ราวกับจะบอกให้ทั้งสองพระองค์ทรงรู้ว่าคนไทยรักและเทิดทูนพระองค์ท่านมากมายเพียงใด
และมิใช่ที่โรงพยาบาลศิริราชเท่านั้น ตลอดเส้นทางที่สองพระองค์เสด็จผ่านไปยังพระราชวังไกลกังวล ก็ปรากฏภาพพสกนิกรเฝ้ารับเสด็จอย่างเนืองแน่น พร้อมเสียงทรงพระเจริญที่เปล่งจากหัวใจ และธงชาติ ธงตราสัญลักษณ์ก็โบกสะบัดมิขาดสาย
ทั้งนี้ สิ่งหนึ่งที่พสกนิกรชาวไทยใคร่อยากรู้มากที่สุดในขณะนี้ก็คือพระอาการของทั้งสองพระองค์ ซึ่งล่าสุด ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้แถลงข่าวถึงพระอาการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถว่า อยู่ในช่วงที่มีพระพลานามัยดี ทำให้มีพระราชดำริที่จะเสด็จฯ ไปประทับที่วังไกลกังวล หัวหิน เพื่อเป็นการเปลี่ยนพระราชอิริยาบถ ถือเป็นการเสด็จฯ ไปประทับชั่วคราว แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าพระองค์ท่านจะประทับสักกี่วัน เพราะยังไม่ได้มีรับสั่งตรงนี้ อย่างไรก็ตามถือว่าพระองค์ยังเป็นคนไข้อยู่ คณะแพทย์ที่ถวายการดูแลอยู่ในปัจจุบันก็ต้องตามไปถวายการดูแลที่วังไกลกังวลด้วย โดยประเด็นสำคัญที่สุดคือเพื่อความปลอดภัย
“อย่างที่พวกเราทราบว่า พระเจ้าอยู่หัวประทับอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช 3 ปีกับ 10 เดือน วันที่ 19 ก.ย.นี้ก็จะครบ 4 ปี ที่ผ่านมาพระโรคทั้งหลายอยู่ในเกณฑ์ดีเลย แต่ว่าจะมีบางช่วงยังมีพระอาการบ้างเป็นครั้งคราว เช่น มีการติดเชื้อเป็นต้น ก็จะทำให้พระสุขภาพทรุดลง พอคณะแพทย์ถวายการรักษาดีขึ้นแล้ว แต่พระสุขภาพต้องใช้เวลาฟื้นฟูสักระยะหนึ่ง เนื่องจากทรงเจริญพระชนมายุมากแล้วอันนี้เป็นเรื่องธรรมชาติ บางช่วงของพระองค์เป็นเหมือนคนไข้ที่รอพักฟื้นประมาณนั้น อยากให้เข้าใจว่าทำไมพระองค์ท่านไม่เสด็จฯ ออกจากโรงพยาบาลสักที ก็คือพระองค์ท่านพักฟื้นอยู่ แต่การพักฟื้นของพระองค์ท่านบางทีจะกลับมาเป็นปกติต้องใช้เวลา และถ้ามีภาวะอะไรมาแทรกซ้อนก็จะทรุดไปอีก อันนี้ก็ถือเป็นธรรมชาติของคนที่สูงอายุ”ศ.คลินิก นพ.อุดมขยายความ
คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลกล่าวเพิ่มเติมว่า “ช่วงนี้เป็นช่วงที่พระสุขภาพของพระองค์ทั่วไปอยู่ในเกณฑ์ดีมาก คณะแพทย์ที่ถวายความปลอดภัยในเรื่องของพระสุขภาพเป็นสำคัญ ทางเราได้ไปเตรียมที่วังไกลกังวล ตั้งแต่เรื่องสถานที่ให้เหมาะสำหรับการที่จะต้องดูแลรักษาพยาบาล เตรียมเครื่องไม้เครื่องมือไว้เรียบร้อยหมดแล้ว มีการเตรียมการไว้หลายวันแล้ว เป็นการเตรียมความพร้อมในกรณีที่เกิดปัญหา
“ขณะเดียวกันเราก็ไปเตรียมโรงพยาบาลที่หัวหินด้วยในกรณีฉุกเฉินอาจต้องเข้าโรงพยาบาลที่หัวหินก่อนเบื้องต้นก่อนที่จะกลับมาศิริราช ในเรื่องของความพร้อมเราคิดว่าพร้อมเต็มที่ แพทย์พยาบาลก็ได้จัดไปอยู่เวรที่หัวหินเหมือนกับเวรที่ศิริราชเลยไม่ได้ลดจำนวนลงเลย ถือว่าเป็นการถวายความปลอดภัยในแง่สุขภาพสูงสุด อันนี้ก็ได้กราบบังคมทูลไปว่าให้ทรงสบายพระราชหฤทัยว่าต่อไปนี้ว่าเหมือนมีสองบ้าน หนึ่งคือบ้านศิริราช สองบ้านที่วังไกลกังวล ถ้ามีพระราชประสงค์ที่จะเสด็จฯ ไปประทับวังไกลกังวล จะไปเช้าเย็นกลับ หรือว่าจะทรงค้างคืนสามคืนทางศิริราชก็พร้อมที่จะไปถวายการดูแลรักษา และถ้ามีพระราชประสงค์จะกลับมาศิริราชทางเราก็พร้อมตลอดเวลา ซึ่งตรงนี้อยากให้ประชาชนเข้าใจว่า เนื่องจากทรงเจริญพระชนม์มากแล้ว โอกาสที่จะมีพระอาการอย่างโน้นอย่างนี้ก็เกิดได้ตามธรรมชาติ เพราะฉะนั้นช่วงไหนดีก็ประทับอยู่ศิริราชบ้าง อยู่วังไกลกังวลบ้างถือเป็นเรื่องปกติ”
ศ.คลินิก นพ.อุดมกล่าวย้ำว่า “ที่สำคัญประชาชนจะได้ชื่นชมพระบารมีของทั้งสองพระองค์ โดยเฉพาะสำคัญช่วงนี้เข้าใจว่าทุกคนคงอยากเห็นพระสิริโฉมสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถหลังจากที่ทรงพระประชวรยังไม่ได้ให้ประชาชนได้เห็น ในวันนี้ก็จะเสด็จพระราชดำเนินไปด้วย พระสุขภาพทั่วไปดี แต่เนื่องจากว่าช่วงที่เสด็จพระราชดำเนิน คณะแพทย์ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ทั้งสองพระองค์ทรงใช้รถเข็นไฟฟ้าพระที่นั่งเพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงต่างๆ ประชาชนจะได้สบายใจ เพราะจริงๆ ทั้งสองพระองค์ทรงพระดำเนินได้อย่างเป็นปกติ ในกรณีที่มีอะไรเร่งด่วน ทางคณะแพทย์มีความพร้อม โดยเราได้เตรียมเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งได้ฝึกการรับทั้งสองพระองค์ขึ้นลงเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง มีความพร้อมทุกอย่าง”
ทั้งนี้ แม้ทั้งสองพระองค์จะทรงประชวร แต่ก็ยังทรวงห่วงใยทุกข์สุขของเหล่าพสกนิกรอยู่ตลอดเวลา โดย ศ.คลินิก นพ.อุดม บอกว่า ระหว่างที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับรักษาพระองค์ที่โรงพยาบาลศิริราชนั้น แม้พระวรกายยังไม่แข็งแรงแต่ก็ทรงห่วงใยประชาชน อย่างเช่นเมื่อตอนน้ำท่วมเมื่อปี 2554 มีรับสั่งชัดเจนว่า ถ้าเราสบายดี ออกจากโรงพยาบาลได้น่าจะไปช่วยได้มากกว่านี้ เป็นการสะท้อนถึงพระราชหฤทัยที่ทรงห่วงใยอย่างมาก นอกจากนี้ยังทรงดูแลความเป็นไปรอบๆ โรงพยาบาลศิริราช และรอบฝั่งธนบุรีตลอด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระราชดำริการแก้ไขปัญหาการจราจรรอบโรงพยาบาลศิริราช และฝั่งธนบุรี
นี่จึงเป็นอีกครั้งหนึ่งที่พสกนิกรชาวไทยต่างปลาบปลื้มใจที่ได้มีโอกาสเข้าเฝ้ารับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตา และได้เห็นว่าพระมิ่งขวัญของชาวไทยทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง