xs
xsm
sm
md
lg

ถึงเวลาปชป.ต้องออกมา

เผยแพร่:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ

แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ออกมาแถลงการณ์ชัดเจนแล้วว่า จะไม่นำมวลชนออกมาเคลื่อนไหวในช่วงนี้ ส่วนมวลชนจะเข้าร่วมกับกลุ่มที่จะออกมาเคลื่อนไหวก็เป็นสิทธิของแต่ละคน เพราะคำว่าพันธมิตรฯ เป็นเพียงนามธรรมไม่ได้มีกฎเกณฑ์อะไรบังคับ

เหตุผลสำคัญที่พันธมิตรฯ แถลงก็คือ เงื่อนไขของศาลที่สั่งห้ามยั่วยุ ปลุกปั่น ปลุกระดม เพื่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ผมเห็นด้วยว่าถ้าพันธมิตรฯ ออกมาบนท้องถนน อัยการซึ่งเป็นเครื่องมือของรัฐบาลก็จะร้องต่อศาลทันที เมื่อนั้นมวลชนก็จะเคว้งคว้างเพราะขาดแกนนำ

การตัดสินใจครั้งนี้ของพันธมิตรฯ จึงมีส่วนดีอยู่ไม่น้อย สิ่งแรกก็คือ สะท้อนให้เห็นว่า ภาระในการแบกรับปัญหาของประเทศไม่ใช่อยู่บนบ่าของพันธมิตรฯ ฝ่ายเดียว แต่เป็นสิ่งที่คนในประเทศนี้จะต้องแบกรับด้วยกัน ถ้าเห็นว่า นี่เป็นปัญหาของบ้านเมืองทุกคนจะต้องออกมาต่อสู้ ยังเป็นการเปิดโอกาสให้องค์กรอื่นๆ ออกมาเคลื่อนไหวบ้าง และพิสูจน์ว่า พันธมิตรฯ ไม่ได้ผูกขาดความรักชาติดังที่ถูกกล่าวหาเสมอมา อย่างน้อยตอนนี้ก็มีคณะเสนาธิการร่วมหรือกลุ่มสนามม้าประกาศตัวออกมาแล้ว

แต่ที่ผมแปลกใจมากก็คือพรรคประชาธิปัตย์

เพราะเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม นายสุเทพยังประกาศขึงขังบนเวทีผ่าความจริงเลยว่า “หากกฎหมายฉบับนี้ผ่าน ต่อไปนี้คนไทยทั้งหลายต้องขุดรูอยู่ กลายเป็นมนุษย์รูแน่ ดังนั้น คนไทยมีทางเลือก 2 ทางคือ เอาดอกไม้ธูปเทียนไปกราบไหว้ขอเป็นขี้ข้าพ.ต.ท.ทักษิณ ตลอดแล้ว หรือลุกขึ้นมาต่อต้านกฎหมายฉบับนี้ และถ้าใครเห็นพิษภัยของกฎหมายนี้ ก็ให้ออกมา ไม่ต้องมีใครนำ ขอให้นำตัวเอง ผมจะออกมายืนข้างประชาชน เพราะการต่อสู้คราวนี้ไม่ง่ายไม่ใช่วันเดียวแล้วจบ แต่จะยืดเยื้อยาวนาน ไม่มันก็เรา ถ้ามันชนะเราก็เป็นขี้ข้า ถ้าเราชนะ ท้องฟ้าจะแจ่มใส ประเทศไทยจะเดินไปข้างหน้าได้”

เหมือนกับว่าประชาธิปัตย์จะลุยแน่จะเกณฑ์ประชาชนออกมาสู้กับรัฐบาล และส.ส.ประชาธิปัตย์จะออกมายืนเคียงข้างประชาชนบนท้องถนน

มาถึงเมื่อคืนวันพุธนายสุเทพกลับเปลี่ยนคำพูดไปในทำนองว่า วาระที่ 1-2 ประชาธิปัตย์จะต่อสู้ในสภาอย่างเต็มที่ ถ้าแพ้ก็สู้ในวาระที่ 3 ถ้าแพ้อีกถึงจะเป่านกหวีดยาวออกมายืนเคียงข้างประชาชน

กลายเป็นว่า ถึงตอนนี้ประชาธิปัตย์ยังไม่ออกมาลุย ยังไม่ปลุกประชาชนออกมาปล่อยให้กลุ่มเสนาธิการร่วมลุยไปก่อน

ผมออกจะแปลกใจนะครับว่า ประชาธิปัตย์จะรอให้ถึงวาระที่ 3 แล้วค่อยออกมาทำไม เพราะมันรู้ผลลัพธ์ตั้งแต่ยังไม่เริ่มวาระแรกแล้วว่า ถ้าปล่อยให้เอาร่างนิรโทษกรรมมาพิจารณาในสภา ก็เสร็จรัฐบาล ต่อให้ประชาธิปัตย์ยกสองมือก็ตาม แถมถ้าปล่อยให้เกมในสภาเดินไปแบบนั้นก็เท่ากับช่วยไปตอกย้ำความชอบธรรมให้เขาพูดได้ว่า เขาเอากฎหมายผ่านสภา 3 วาระแล้ว แต่ประชาธิปัตย์แพ้แล้วตีรวน

ผมคิดว่าถึงเวลาที่ประชาธิปัตย์จะต้องออกมายืนข้างประชาชนแล้วครับ ไม่ต้องรอไปถึงวาระ 3 หรอกครับ และที่นายสุเทพเรียกประชาชนให้ออกมาแล้วบอกว่าจะยืนข้างประชาชนนั้นยังไม่พอครับ ความจริงแล้วนายสุเทพและสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ต้องออกมานำประชาชน แบบที่ ‘ตู่’ จตุพร และ ‘เต้น’ ณัฐวุฒิกระทำบนเวทีเสื้อแดง เสื้อแดงเคยทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้น

ไม่มีใครตำหนิพรรคประชาธิปัตย์หรอกครับว่า ไม่เชื่อมั่นระบบรัฐสภา เพราะการออกมาชุมนุมทางการเมืองก็เป็นสิทธิอย่างหนึ่งของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ารัฐบาลที่ใช้เสียงข้างมากในสภากระทำในสิ่งที่ไม่ชอบธรรม

ถึงเวลาแล้วพรรคประชาธิปัตย์ต้องออกมานอกสภา เป็นม็อบข้างถนน ร่วมเป็นร่วมตายและร่วมทุกข์สุขกับประชาชน และดีเสียอีกที่พรรคประชาธิปัตย์จะได้ลบข้อหาว่าเป็นพรรคตีกินออกไปเสียที

ผมได้ยินหลายเสียงเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์ลาออกมาต่อสู้ ผมเห็นด้วยนะครับ เพราะเห็นว่า ดีกว่านั่งเป็นตรายางสร้างความชอบธรรมให้กับพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ได้ไปกลัวว่า ถ้าไม่มีพรรคประชาธิปัตย์ในสภา พรรครัฐบาลก็ผ่านร่างกฎหมายง่ายขึ้น เพราะถึงมีประชาธิปัตย์อยู่ในสภาก็ไม่อาจไม่ทัดทานอะไรได้อยู่แล้ว การลาออกยังช่วยให้สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ออกมาต่อสู้กับประชาชนบนท้องถนนอย่างไม่ต้องเขอะเขินด้วยซ้ำไป

ที่สำคัญพรรคประชาธิปัตย์มีกลไก ส.ส.หัวคะแนนอย่างที่พรรคเพื่อไทยมี ตอนเสื้อแดงชุมนุมก็ใช้กลไก ส.ส.หัวคะแนนนี่แหละขนคนมาร่วมชุมนุม วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ก็ใช้วิธีดังกล่าวได้ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน

ถ้าคนเสื้อแดงอ้างว่า วิธีการที่พวกตัวเองนำมาใช้เป็นวิถีทางในระบอบประชาธิปไตย แล้วถ้าพรรคประชาธิปัตย์จะกระทำแบบเดียวกันมันจะไม่เป็นวิถีทางในระบอบประชาธิปไตยไปได้อย่างไร

ตอนที่เสื้อแดงชุมนุมเป็นม็อบคลั่งบอกว่าต่อสู้กับความยุติธรรมสองมาตรฐาน วันนี้พรรคประชาธิปัตย์พูดได้เต็มปากกว่าด้วยซ้ำ เพราะรัฐบาลกำลังออกกฎหมายที่ทำลายกระบวนการยุติธรรมและหลักนิติรัฐเสียเอง ด้วยการออกกฎหมายล้างความผิดให้กับทักษิณและพรรคพวกตัวเอง

คนเสื้อแดงกำลังกลายเป็นอภิสิทธิชนที่กระทำความผิดแล้วไม่ต้องรับผิดหรือพิสูจน์ตัวเองตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม

จริงอยู่ครับว่าร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับของวรชัย เหมะ ถึงตอนนี้ยังไม่โยงไปถึงการนิรโทษกรรมทักษิณ แต่เชื่อเถอะว่า ถึงเวลาพรรครัฐบาลก็จะใช้เสียงข้างมากแปรญัตติไปให้ทักษิณกลับบ้านโดยไม่มีความผิดจนได้

แม้ว่า เสียงข้างมากของพรรคเพื่อไทยจะมาจากการเลือกตั้งของประชาชน แต่การใช้เสียงข้างมากกระทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องย่อมไม่มีความชอบธรรมอีกต่อไป และเป็นเหตุผลเพียงพอที่พรรคประชาธิปัตย์จะนำมวลชนของตัวเองที่มีมากถึง 12 ล้านคนออกมาคัดค้านต่อสู้นอกสภา

อย่างไรก็ตาม ต้องไม่ลืมว่า เที่ยวนี้รัฐบาลจัดหนักแน่ ดังนั้นการนำพี่น้องประชาชนขอให้ใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษด้วย อย่าไปคิดว่า ถ้าเสียชีวิตก็จะได้ 7.7 ล้านแบบคนเสื้อแดง หรือสุดท้ายแล้วก็จะได้นิรโทษกรรมเหมือนกัน

และคงต้องรอดูด้วยว่า พวกที่ประณามรัฐบาลอภิสิทธิ์ว่าใช้ความรุนแรงจะสนับสนุนให้รัฐบาลของตัวเองใช้ความรุนแรงหรือไม่

ที่สำคัญรัฐบาลพรรคเพื่อไทยคงไม่ทำแบบที่พรรคประชาธิปัตย์พยายามกระทำหลังจากเสื้อแดงเผาบ้านเผาเมืองแล้ว คือเอาเงินไปประกันคนเสื้อแดง หรือไปให้การช่วยคนเสื้อแดงว่าไม่ได้ใช้ความรุนแรง แบบที่อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ส่งกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกฯ ไปช่วยวีระกานต์ มุสิกพงศ์ รวมทั้งการปล่อยปละไม่ดำเนินคดีกับคนเสื้อแดงในหลายกรณี

ผมเชื่อว่า พรรคประชาธิปัตย์จะสามารถออกมายับยั้งกฎหมายล้างผิดทักษิณได้สำเร็จครับ เพราะพรรคประชาธิปัตย์ มีความพร้อมในทุกด้านทั้งนักพูด นักปราศรัยฝีปากเอก มวลชนกว่า 12 ล้านคน เงินทุนเสบียงคลังและการหนุนเนื่องของชนชั้นกลางในเมือง รวมทั้งยังมีสื่อของตัวเองในมือด้วย

นายสุเทพ อภิสิทธิ์ สาทิตย์ ออกมาเถอะครับ จะไปรอวาระ 3 ทำไม ถึงเวลาเดินนำหน้าประชาชนนอกสภาแล้วครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น