“เอส”จ่อลุยต่างประเทศในไตรมาส3 หลังพบความสำเร็จด้านยอดขายทำได้เร็วเกินคาด โวถึงสิ้นปียอดขายเกินเป้า 8,000 ล้านบาทแน่ ล่าสุดควงทีมฟุตบอลเรือใบสีฟ้าเขย่าแคมเปญ“ประสบการณ์สุดขั้ว” ในไทย วางหมากหวังช่วยเสริมแกร่งตลาดต่างประเทศในอนาคต
นายฐิติวุฒิ์ บุญสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ความสำเร็จของเครื่องเอส หลังการเปิดตัวมาได้ 8 เดือน พบว่ามียอดขายสูงถึง 5,000 ล้านบาท และปัจจุบันมีส่วนแบ่งทางการตลาดรวมเครื่องดื่มน้ำอัดลมอยู่ที่ 15% จากเดิมที่ตั้งเป้าปีแรกรายได้ 8,000 ล้านบาทนั้น เหลืออีกแค่ 4 เดือน เชื่อว่าจะสามารถทำยอดขายได้เกินเป้าหมายที่วางไว้ได้เร็วยิ่งขึ้น
จากความสำเร็จดังกล่าวบริษัทพร้อมเดินหน้านำเครื่องดื่มเอสบุกตลาดต่างประเทศในช่วงไตรมาสสามนี้เป็นต้นไป เบื้องต้นจะใช้วิธีการบุกตลาดต่างประเทศเอง โดยไปพร้อมกับเครื่องดื่มที่มีอยู่ในบริษัท อย่าง น้ำดื่มคริสตัส และแรงเยอร์ ที่มีการทำตลาดต่างประเทศอยู่แล้ว ซึ่งบริษัทมีทีมงานทำการศึกษาตลาด และพาสเนอร์ในต่างประเทศนี้ ทำให้มีความพร้อมและมองว่าจะเริ่มเข้าไปทำตลาดในต่างประเทศได้ ในแถบเอเชียและออสเตรเลีย เริ่มในประเทศเอเชียก่อน อย่างในกลุ่มประเทศอินโดจีน หรือ ซีเอลเอ็มวี (CLMV : กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม) ขณะที่ประเทศอื่นๆ อย่าง ทวีปอเมริกา, ยุโรป แอฟริกา ฯลฯ จะเป็นก้าวต่อไป ทั้งนี้ตามแผนยังไม่ได้มีแนวคิดที่จะใช้ความแข็งแกร่งของบริษัทในเครือ อย่าง เอฟ แอนด์ เอ็น ช่วยในการจำหน่ายและกระจายสินค้าให้ในแผนเบื้องต้นนี้
อย่างไรก็ตามแผนการบุกตลาดต่างประเทศ ถือเป็นนโยบายที่สำคัญของเครื่องเอส ที่ต้องการก้าวสู่ความเป็นอินเตอร์แบรนด์ และการที่จะแข็งแกร่งในต่างประเทศได้อย่างรวดเร็ว ทางบริษัทจึงได้จับมือกับทางสโมสร ฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี้ เนื่องจากเป็นทีมสโมสรฟุตบอลชั้นนำของอังกฤษที่มีตำนานความรุ่งเรืองอันยาวนานมากว่า 133 ปี เช่นเดียวกับเสริมสุขที่เป็นบริษัทชั้นนำในเมืองไทยมากว่า 60 ปี และมีดีเอ็นเอที่คล้ายกันกับบริษัท มีเป้าหมายเหมือนกัน คือ การทำให้แบรนด์ให้เป็นอันดับหนึ่งในประเทศ และสร้างชื่อและให้เป็นที่รู้จักอันดับต้นๆของโลก
เบื้องต้นบริษัทเซ็นสัญญาร่วมกันกับสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2 ปี ในการทำแคมเปญร่วมกันในประเทศไทยเท่านั้น นอกจากแคมเปญฟุตบอลที่ทำร่วมกันแล้ว ยังจะมีการจัดทำโปรโมชั่นต่างๆ รวมถึงการทำโฆษณาผ่านในแมสมีเดีย และสื่อต่างๆ ซึ่งจะทยอยทำร่วมกัน ส่วนในอนาคตจะมีการเจรจาในความร่วมมือต่างๆเพิ่มเข้ามาเป็นระยะเช่นกัน
ล่าสุดพร้อมใช้งบการตลาดกว่า 100 ล้านบาท สำหรับทำตลาดต่อยอดกลยุทธ์“ประสบการณ์สุดขั้ว” ด้วยแคมเปญฟุตบอลที่ใช้ชื่อว่า “แมน-เอส-เตอร์ ซิตี้” เพื่อสร้างประสบการณ์ฟุตบอลในแบบสุดขั้วมาให้วัยรุ่นเอสได้สัมผัส โดยใช้ฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี้เป็นธีมในการทำแคมเปญ คาดว่าจะช่วยผลักดันให้เอสมียอดขายเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ 8,000 ล้านบาท และทำให้สิ้นปีมีส่วนแบ่งตลาดรวมเป็น 20%ได้
นายฐิติวุฒิ์ บุญสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ความสำเร็จของเครื่องเอส หลังการเปิดตัวมาได้ 8 เดือน พบว่ามียอดขายสูงถึง 5,000 ล้านบาท และปัจจุบันมีส่วนแบ่งทางการตลาดรวมเครื่องดื่มน้ำอัดลมอยู่ที่ 15% จากเดิมที่ตั้งเป้าปีแรกรายได้ 8,000 ล้านบาทนั้น เหลืออีกแค่ 4 เดือน เชื่อว่าจะสามารถทำยอดขายได้เกินเป้าหมายที่วางไว้ได้เร็วยิ่งขึ้น
จากความสำเร็จดังกล่าวบริษัทพร้อมเดินหน้านำเครื่องดื่มเอสบุกตลาดต่างประเทศในช่วงไตรมาสสามนี้เป็นต้นไป เบื้องต้นจะใช้วิธีการบุกตลาดต่างประเทศเอง โดยไปพร้อมกับเครื่องดื่มที่มีอยู่ในบริษัท อย่าง น้ำดื่มคริสตัส และแรงเยอร์ ที่มีการทำตลาดต่างประเทศอยู่แล้ว ซึ่งบริษัทมีทีมงานทำการศึกษาตลาด และพาสเนอร์ในต่างประเทศนี้ ทำให้มีความพร้อมและมองว่าจะเริ่มเข้าไปทำตลาดในต่างประเทศได้ ในแถบเอเชียและออสเตรเลีย เริ่มในประเทศเอเชียก่อน อย่างในกลุ่มประเทศอินโดจีน หรือ ซีเอลเอ็มวี (CLMV : กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม) ขณะที่ประเทศอื่นๆ อย่าง ทวีปอเมริกา, ยุโรป แอฟริกา ฯลฯ จะเป็นก้าวต่อไป ทั้งนี้ตามแผนยังไม่ได้มีแนวคิดที่จะใช้ความแข็งแกร่งของบริษัทในเครือ อย่าง เอฟ แอนด์ เอ็น ช่วยในการจำหน่ายและกระจายสินค้าให้ในแผนเบื้องต้นนี้
อย่างไรก็ตามแผนการบุกตลาดต่างประเทศ ถือเป็นนโยบายที่สำคัญของเครื่องเอส ที่ต้องการก้าวสู่ความเป็นอินเตอร์แบรนด์ และการที่จะแข็งแกร่งในต่างประเทศได้อย่างรวดเร็ว ทางบริษัทจึงได้จับมือกับทางสโมสร ฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี้ เนื่องจากเป็นทีมสโมสรฟุตบอลชั้นนำของอังกฤษที่มีตำนานความรุ่งเรืองอันยาวนานมากว่า 133 ปี เช่นเดียวกับเสริมสุขที่เป็นบริษัทชั้นนำในเมืองไทยมากว่า 60 ปี และมีดีเอ็นเอที่คล้ายกันกับบริษัท มีเป้าหมายเหมือนกัน คือ การทำให้แบรนด์ให้เป็นอันดับหนึ่งในประเทศ และสร้างชื่อและให้เป็นที่รู้จักอันดับต้นๆของโลก
เบื้องต้นบริษัทเซ็นสัญญาร่วมกันกับสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2 ปี ในการทำแคมเปญร่วมกันในประเทศไทยเท่านั้น นอกจากแคมเปญฟุตบอลที่ทำร่วมกันแล้ว ยังจะมีการจัดทำโปรโมชั่นต่างๆ รวมถึงการทำโฆษณาผ่านในแมสมีเดีย และสื่อต่างๆ ซึ่งจะทยอยทำร่วมกัน ส่วนในอนาคตจะมีการเจรจาในความร่วมมือต่างๆเพิ่มเข้ามาเป็นระยะเช่นกัน
ล่าสุดพร้อมใช้งบการตลาดกว่า 100 ล้านบาท สำหรับทำตลาดต่อยอดกลยุทธ์“ประสบการณ์สุดขั้ว” ด้วยแคมเปญฟุตบอลที่ใช้ชื่อว่า “แมน-เอส-เตอร์ ซิตี้” เพื่อสร้างประสบการณ์ฟุตบอลในแบบสุดขั้วมาให้วัยรุ่นเอสได้สัมผัส โดยใช้ฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี้เป็นธีมในการทำแคมเปญ คาดว่าจะช่วยผลักดันให้เอสมียอดขายเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ 8,000 ล้านบาท และทำให้สิ้นปีมีส่วนแบ่งตลาดรวมเป็น 20%ได้
