วานนี้(29 ก.ค.56) นายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า กรณีที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ตั้งข้อสังเกตถึงการใช้งบประมาณปรับปรุงสถานที่ต่างๆในรัฐสภา ซึ่งบางรายการมีราคาสูงเกินความเป็นจริงนั้น โดยการดำเนินงานปรับปรุงอาคารสถานที่ภายในสภา อาทิ ห้องขายของที่ระลึก ห้องรับเรื่องราวร้องทุกข์ ก็เป็นไปตามระเบียบทุกประการ
อย่างไรก็ดี ได้มีการจัดทำทีโออาร์จัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 ส่วนที่กมธ.ขอเอกสารทีโออาร์มานั้น ก็ได้จัดส่งให้เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ ทุกโครงการก็ยังมีคณะกรรมการพิจารณาตั้งแต่การทำทีโออาร์ และทุกสัญญาต้องส่งไปให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบ
ส่วนกรณีที่นายวัชระ เพชรทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นเรื่องให้ตรวจสอบตนนั้น ก็คงเห็นว่าใช้งบประมาณจำนวนมาก แต่ข้อเท็จจริงเป็นงบประมาณต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2554,2555 และ 2556 หากไม่ดำเนินการงบประมาณก็ต้องคืนคลังไป ส่วนงบประมาณที่ท้วงติงมาว่ามากเกินไป กมธ.ก็มีการทบทวนอยู่แล้ว
วันเดียวกัน การประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2557 มีนายวิทยา บุรณศิริ รองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยเป็นการประชุมนัดสุดท้าย โดยได้นัดสมาชิกที่เสนอคำแปรญัตติมาประชุมร่วมกันชี้แจงจำนวนสมาชิกที่ขอแปรญัตญัติในร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว จำนวน 122 คน
จากนั้นได้พิจารณางบประมาณของหน่วยงานของศาล ในส่วนของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ วงเงิน 178,526,400 บาท (วงเงินกว่า 178 ล้านบาท) โดยนายเชาวนะ ไตรมาศ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ได้ชี้แจงถึงงบประมาณที่ได้รับว่า จะนำไปจัดทำพันธกิจหลักในการรักษาความเป็นกฎหมายสูงสุดของรัฐธรรมนูญ สร้างบรรทัดฐานการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ สร้างความถูกต้องและเป็นธรรมของระบอบนิติรัฐ และรักษาความชอบทำของการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จากนั้นเป็นการพิจารณาหน่วยงานขององค์กรตามรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ
ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง วงเงินงบประมาณ 315,869,400 บาท (วงเงินกว่า 315 ล้านบาท) โดยนายภุชงค์ นตราวงศ์ เลขาธิการ กกต. ชี้แจงว่า จะนำงบประมาณที่ได้รับไปเตรียมบริหารจัดการเลือกตั้ง การออกเสียงประชามติ การดำเนินงานสืบสวนสอบสวน วินิจฉัยและดำเนินคดีให้มีความสุจริตโปร่งใส่และเที่ยงธรรม พร้อมส่งเสริมพรรคการเมืองให้เป็นสถาบันที่เข้มแข็งเพื่อให้ กกต.เป็นองค์กรหลักในการจัดการเลือกตั้งทุกระดับที่สังคมยอมรับและเชื่อมั่นอย่างมีประสิทธิภาพ
ด้านกรรมาธิการเสนอให้มีการประชาสัมพันธ์หน่วยงานองค์กรตามรัฐธรรมนูญให้สถาบันการศึกษาได้รับทราบถึงการดำเนินการเพื่อเป็นความรู้ในระบอบประชาธิปไตยพร้อมเสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายหรือข้อบังคับเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่มีปัญหา
ขณะที่นายอรรถพร พลบุตร กรรมาธิการ แสดงความไม่เชื่อมั่นในการทำหน้าที่ของคณะกรรมาการการเลือกตั้ง พร้อมระบุว่าการเลือกตั้งในทุกระดับพบว่ามีการทุจริต พร้อมเสนอให้ปรับปรุงกระบวนการปราบปรามการทุจริตให้มีความเข้มงวด เพื่อให้การดำเนินการเลือกตั้งมีความโปร่งใส อย่างไรก็ตามคาดว่าการพิจารณาจะแล้วเสร็จในวันนี้
อย่างไรก็ดี ได้มีการจัดทำทีโออาร์จัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 ส่วนที่กมธ.ขอเอกสารทีโออาร์มานั้น ก็ได้จัดส่งให้เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ ทุกโครงการก็ยังมีคณะกรรมการพิจารณาตั้งแต่การทำทีโออาร์ และทุกสัญญาต้องส่งไปให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบ
ส่วนกรณีที่นายวัชระ เพชรทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นเรื่องให้ตรวจสอบตนนั้น ก็คงเห็นว่าใช้งบประมาณจำนวนมาก แต่ข้อเท็จจริงเป็นงบประมาณต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2554,2555 และ 2556 หากไม่ดำเนินการงบประมาณก็ต้องคืนคลังไป ส่วนงบประมาณที่ท้วงติงมาว่ามากเกินไป กมธ.ก็มีการทบทวนอยู่แล้ว
วันเดียวกัน การประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2557 มีนายวิทยา บุรณศิริ รองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยเป็นการประชุมนัดสุดท้าย โดยได้นัดสมาชิกที่เสนอคำแปรญัตติมาประชุมร่วมกันชี้แจงจำนวนสมาชิกที่ขอแปรญัตญัติในร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว จำนวน 122 คน
จากนั้นได้พิจารณางบประมาณของหน่วยงานของศาล ในส่วนของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ วงเงิน 178,526,400 บาท (วงเงินกว่า 178 ล้านบาท) โดยนายเชาวนะ ไตรมาศ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ได้ชี้แจงถึงงบประมาณที่ได้รับว่า จะนำไปจัดทำพันธกิจหลักในการรักษาความเป็นกฎหมายสูงสุดของรัฐธรรมนูญ สร้างบรรทัดฐานการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ สร้างความถูกต้องและเป็นธรรมของระบอบนิติรัฐ และรักษาความชอบทำของการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จากนั้นเป็นการพิจารณาหน่วยงานขององค์กรตามรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ
ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง วงเงินงบประมาณ 315,869,400 บาท (วงเงินกว่า 315 ล้านบาท) โดยนายภุชงค์ นตราวงศ์ เลขาธิการ กกต. ชี้แจงว่า จะนำงบประมาณที่ได้รับไปเตรียมบริหารจัดการเลือกตั้ง การออกเสียงประชามติ การดำเนินงานสืบสวนสอบสวน วินิจฉัยและดำเนินคดีให้มีความสุจริตโปร่งใส่และเที่ยงธรรม พร้อมส่งเสริมพรรคการเมืองให้เป็นสถาบันที่เข้มแข็งเพื่อให้ กกต.เป็นองค์กรหลักในการจัดการเลือกตั้งทุกระดับที่สังคมยอมรับและเชื่อมั่นอย่างมีประสิทธิภาพ
ด้านกรรมาธิการเสนอให้มีการประชาสัมพันธ์หน่วยงานองค์กรตามรัฐธรรมนูญให้สถาบันการศึกษาได้รับทราบถึงการดำเนินการเพื่อเป็นความรู้ในระบอบประชาธิปไตยพร้อมเสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายหรือข้อบังคับเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่มีปัญหา
ขณะที่นายอรรถพร พลบุตร กรรมาธิการ แสดงความไม่เชื่อมั่นในการทำหน้าที่ของคณะกรรมาการการเลือกตั้ง พร้อมระบุว่าการเลือกตั้งในทุกระดับพบว่ามีการทุจริต พร้อมเสนอให้ปรับปรุงกระบวนการปราบปรามการทุจริตให้มีความเข้มงวด เพื่อให้การดำเนินการเลือกตั้งมีความโปร่งใส อย่างไรก็ตามคาดว่าการพิจารณาจะแล้วเสร็จในวันนี้