เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (25ก.ค.) ที่อิมแพค เมืองทองธานี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ“ความซื่อตรง…กับทางรอดประเทศไทย”ระหว่างการเปิดงาน สมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 6 ตอนหนึ่งว่า ตนไม่ใช่นักวิชาการ และไม่คิดว่ามีคุณธรรมสูงส่ง แต่อยากนำเสนอเรื่องราวในฐานะผู้ปฏิบัติ และมีส่วนเกี่ยวข้องในการสร้างชาติ สร้างไทย สร้างใจซื่อตรง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มีพระราชดำรัสกับองคมนตรี เมื่อวันที่ 19 ก.พ.ปีที่ผ่านมา เรื่องการแก้ไขปัญหาการศึกษาของไทยที่เป็นพื้นฐานสำคัญ โดยแนวทางที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงดำเนินการต่อเนื่องคือ การพัฒนาคนอย่างมาก โครงการอันสืบเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่เป็นปัจจัยช่วยเสริมให้คนมีความพร้อม
“ในหลวงห่วงใยเป็นอย่างมาก โดยมีรับสั่งโดยสรุปว่า 1. ทรงรับสั่งให้องคมนตรีดูแลโรงเรียนในพื้นที่ชายขอบ ที่มีมาตรฐานการศึกษาต่ำกว่าในชุมชน หรือเขตเมือง โดยจะทำอย่างไรให้ลดช่องว่างความแตกต่างลง 2. ทรงเน้นว่าจะสร้างเด็กอย่างไรให้เป็นคนดีก่อน และให้คนเก่งมาทีหลังก็ได้ 3. การจะสร้างเด็กให้เป็นคนดีได้นั้น ความสำคัญอยู่ที่ครู ต้องมีความพร้อม ทำอย่างไรจะให้ครูรักเด็ก และเด็กรักครู ให้เกิดความผูกพัน มีการอบรมสั่งสอน คุณธรรม จริยธรรม และความรู้ให้เป็นไปได้โดยง่าย ซึ่งพระองค์ท่านได้พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ที่รับสั่งว่า เป็นเงินของประชาชนที่พระราชทาน และพระองค์ทรงเก็บไว้ และพระราชทานคืนผ่านองคมนตรี เพื่อนำไปปรับปรุงระบบการศึกษา จากนั้นได้พระราชทานแนวทางต่อคณะองคมนตรี จึงได้เชิญ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เป็นที่ปรึกษาในกองทุนนี้ โดยดำเนินการในพื้นที่ภาคกลางก่อน 8 จังหวัด" พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า
พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า นอกจากนั้นเรายังได้หาแนวทางแก้ไขปัญหาครูขอย้ายกลับภูมิลำเนา หลังจากทำงานได้ 2 ปี เพราะจะทำให้เกิดปัญหาไม่ต่อเนื่องในการเรียนการสอน โดยเราได้ไปเข้าขอความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาหลายแห่ง และไปพบนักศึกษาเพื่อดูความสมัครใจในการมาเป็นครูสอนในภูมิลำเนา โดยเราให้ทุนการศึกษา และสำเร็จการศึกษา โดยบรรจุเป็นครูอัตราจ้างในพื้นที่แล้วรวม 13 คน ซึ่งทำให้ลดปัญหาเรื่องบ้านพักครู ที่ขณะนี้พบว่ามีความแออัด และทรุดโทรม
อย่างไรก็ตาม จากพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต้องการให้โรงเรียนมีความสำคัญ ถ้าทุกภาคส่วนช่วยกัน ก็จะทำให้เกิดสังคมคุณภาพ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เพราะจะมีคนดีและมีความรู้ นำมาปรับใช้ในโรงเรียนต่างๆ นอกจากนี้ต้องสอนให้เด็ก เยาวชน รู้จักความหมายของคุณธรรม และจริยธรรม อย่างถูกต้อง ซึ่งหมายถึง คิดดี พูดดี ทำดี ขณะเดียวกัน คือ 3 สถาบันหลัก คือ ครอบครัว โรงเรียน และวัด ต้องร่วมมือกันปลูกฝังคุณธรรม และจริยธรรม ควบคู่ไปด้วย
“ในหลวงห่วงใยเป็นอย่างมาก โดยมีรับสั่งโดยสรุปว่า 1. ทรงรับสั่งให้องคมนตรีดูแลโรงเรียนในพื้นที่ชายขอบ ที่มีมาตรฐานการศึกษาต่ำกว่าในชุมชน หรือเขตเมือง โดยจะทำอย่างไรให้ลดช่องว่างความแตกต่างลง 2. ทรงเน้นว่าจะสร้างเด็กอย่างไรให้เป็นคนดีก่อน และให้คนเก่งมาทีหลังก็ได้ 3. การจะสร้างเด็กให้เป็นคนดีได้นั้น ความสำคัญอยู่ที่ครู ต้องมีความพร้อม ทำอย่างไรจะให้ครูรักเด็ก และเด็กรักครู ให้เกิดความผูกพัน มีการอบรมสั่งสอน คุณธรรม จริยธรรม และความรู้ให้เป็นไปได้โดยง่าย ซึ่งพระองค์ท่านได้พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ที่รับสั่งว่า เป็นเงินของประชาชนที่พระราชทาน และพระองค์ทรงเก็บไว้ และพระราชทานคืนผ่านองคมนตรี เพื่อนำไปปรับปรุงระบบการศึกษา จากนั้นได้พระราชทานแนวทางต่อคณะองคมนตรี จึงได้เชิญ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เป็นที่ปรึกษาในกองทุนนี้ โดยดำเนินการในพื้นที่ภาคกลางก่อน 8 จังหวัด" พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า
พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า นอกจากนั้นเรายังได้หาแนวทางแก้ไขปัญหาครูขอย้ายกลับภูมิลำเนา หลังจากทำงานได้ 2 ปี เพราะจะทำให้เกิดปัญหาไม่ต่อเนื่องในการเรียนการสอน โดยเราได้ไปเข้าขอความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาหลายแห่ง และไปพบนักศึกษาเพื่อดูความสมัครใจในการมาเป็นครูสอนในภูมิลำเนา โดยเราให้ทุนการศึกษา และสำเร็จการศึกษา โดยบรรจุเป็นครูอัตราจ้างในพื้นที่แล้วรวม 13 คน ซึ่งทำให้ลดปัญหาเรื่องบ้านพักครู ที่ขณะนี้พบว่ามีความแออัด และทรุดโทรม
อย่างไรก็ตาม จากพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต้องการให้โรงเรียนมีความสำคัญ ถ้าทุกภาคส่วนช่วยกัน ก็จะทำให้เกิดสังคมคุณภาพ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เพราะจะมีคนดีและมีความรู้ นำมาปรับใช้ในโรงเรียนต่างๆ นอกจากนี้ต้องสอนให้เด็ก เยาวชน รู้จักความหมายของคุณธรรม และจริยธรรม อย่างถูกต้อง ซึ่งหมายถึง คิดดี พูดดี ทำดี ขณะเดียวกัน คือ 3 สถาบันหลัก คือ ครอบครัว โรงเรียน และวัด ต้องร่วมมือกันปลูกฝังคุณธรรม และจริยธรรม ควบคู่ไปด้วย