กลุ่มผู้บริหารมัธยมฯ ตบเท้าเข้าพบ “จาตุรนต์” วอนพิจารณาปรับโครงสร้าง สพฐ.ใหม่ ยกระดับมัธยมขึ้นเป็นอีกแท่งองค์กรหลัก
วันนี้ (5 ก.ค.) ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ผู้แทนองค์กรจากการมัธยมศึกษา 13 แห่ง รวมกว่า 100 คน อาทิ สมาคมผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาประเทศไทย, สมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย, สมาพันธ์นักกฎหมายการมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย, สมาคมรองผู้บริหารโรงเรียนมัธยม, สมาพันธ์ครูมัธยม, สมาพันธ์ศึกษานิเทศก์, สมาพันธ์ผู้บริหารประถมศึกษา เป็นต้น เข้าพบนายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการศึกษาธิการ (ศธ.) เพื่อแสดงความยินดีที่เข้ารับตำแหน่งและยื่นข้อเสนอเพื่อแก้ไขปัญหาการศึกษา
โดย นายพิทยา ชัยมงคล นายกสมาคม ผอ.สพม. กล่าวว่า จากการประชุมผอ.สพม.42 เขต, รอง ผอ.สพม., ผอ.ร.ร.มัธยม เพื่อสรุปปัญหาของการมัธยมศึกษาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา และเสนอต่อ รมว.ศึกษาธิการ โดยเห็นว่า ควรมีการปรับโครงสร้างสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยแยกงานมัธยมศึกษาออกมาเป็นองค์กรหลักอีกองค์กรหนึ่ง พร้อมเสนอร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้แก่ ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ...., ร่าง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ...., ร่าง พ.ร.บ.ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ... เพื่อให้นายจาตุรนต์ พิจารณาต่อไป
นายรัตน์ชัย ศรสุวรรณ ประธานสมาพันธ์นักกฎหมายการมัธยมฯ กล่าวว่า ขณะนี้ผู้บริหารใน สพฐ.ที่มีความเข้าใจการมัธยมเกษียณอายุราชการไปเกือบหมด ขณะที่คุณภาพนักเรียนระดับมัธยมศึกษาก็ลดลง การจะแก้ไขปัญหาการศึกษาโดยปฏิรูปหลักสูตรเพียงอยางเดียวไม่พอ จำเป็นต้องปรับโครงสร้างด้วย โดยพวกเราเสนอให้แยกงานมัธยมศึกษาออกจาก สพฐ.แยกเป็นองค์กรหลักอีกแห่ง เรียกว่า สำนักงานคณะกรรมการการมัธยมศึกษา เพื่อดูแลด้านมัธยมโดยตรง ต่อข้อถามถึงการปรับโครงสร้างอาจมีผู้ไม่เห็นด้วยนั้น
“ยอมรับว่าต้องมีผู้ไม่เห็นด้วยแน่นอน แต่พวกเราชาวมัธยมก็ยืนยันที่จะเดินหน้าแยกมัธยมออกมาเป็นอีกองค์กรหนึ่งต่อไป หลังจากที่แยกเขตพื้นที่ให้มี สพม.แล้ว ก็จะทำให้มีองค์กรหลักของมัธยมต่อไป ซึ่งเรื่องนี้นายจาตุรนต์ ก็รับทราบปัญหาเบื้องต้นของชาวมัธยมแล้ว” นายรัตน์ชัย กล่าว
ด้าน นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ตนยินดีรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอของทุกฝ่าย เนื่องจากที่ผ่านมา 7 ปี ตนไม่ได้ทำงานด้านการศึกษาเลย หากเข้ามา ศธ.แล้วคงไม่สามารถทำตัวเป็นผู้วิเศษสั่งการเรื่องใดทันที ต้องขอเวลารับฟังทุกฝ่ายก่อน ซึ่งตนเห็นว่าประเทศไทยจำเป็นต้องปฏิรูปการศึกษาอย่างจริงจังให้เกิดผล เพื่อให้คนไทยแข่งขันกับอาเซียนและเวทีโลกได้ ซึ่งจะปฏิรูปสำเร็จได้ทุกฝ่ายในสังคมต้องช่วยกัน
วันนี้ (5 ก.ค.) ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ผู้แทนองค์กรจากการมัธยมศึกษา 13 แห่ง รวมกว่า 100 คน อาทิ สมาคมผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาประเทศไทย, สมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย, สมาพันธ์นักกฎหมายการมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย, สมาคมรองผู้บริหารโรงเรียนมัธยม, สมาพันธ์ครูมัธยม, สมาพันธ์ศึกษานิเทศก์, สมาพันธ์ผู้บริหารประถมศึกษา เป็นต้น เข้าพบนายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการศึกษาธิการ (ศธ.) เพื่อแสดงความยินดีที่เข้ารับตำแหน่งและยื่นข้อเสนอเพื่อแก้ไขปัญหาการศึกษา
โดย นายพิทยา ชัยมงคล นายกสมาคม ผอ.สพม. กล่าวว่า จากการประชุมผอ.สพม.42 เขต, รอง ผอ.สพม., ผอ.ร.ร.มัธยม เพื่อสรุปปัญหาของการมัธยมศึกษาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา และเสนอต่อ รมว.ศึกษาธิการ โดยเห็นว่า ควรมีการปรับโครงสร้างสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยแยกงานมัธยมศึกษาออกมาเป็นองค์กรหลักอีกองค์กรหนึ่ง พร้อมเสนอร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้แก่ ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ...., ร่าง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ...., ร่าง พ.ร.บ.ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ... เพื่อให้นายจาตุรนต์ พิจารณาต่อไป
นายรัตน์ชัย ศรสุวรรณ ประธานสมาพันธ์นักกฎหมายการมัธยมฯ กล่าวว่า ขณะนี้ผู้บริหารใน สพฐ.ที่มีความเข้าใจการมัธยมเกษียณอายุราชการไปเกือบหมด ขณะที่คุณภาพนักเรียนระดับมัธยมศึกษาก็ลดลง การจะแก้ไขปัญหาการศึกษาโดยปฏิรูปหลักสูตรเพียงอยางเดียวไม่พอ จำเป็นต้องปรับโครงสร้างด้วย โดยพวกเราเสนอให้แยกงานมัธยมศึกษาออกจาก สพฐ.แยกเป็นองค์กรหลักอีกแห่ง เรียกว่า สำนักงานคณะกรรมการการมัธยมศึกษา เพื่อดูแลด้านมัธยมโดยตรง ต่อข้อถามถึงการปรับโครงสร้างอาจมีผู้ไม่เห็นด้วยนั้น
“ยอมรับว่าต้องมีผู้ไม่เห็นด้วยแน่นอน แต่พวกเราชาวมัธยมก็ยืนยันที่จะเดินหน้าแยกมัธยมออกมาเป็นอีกองค์กรหนึ่งต่อไป หลังจากที่แยกเขตพื้นที่ให้มี สพม.แล้ว ก็จะทำให้มีองค์กรหลักของมัธยมต่อไป ซึ่งเรื่องนี้นายจาตุรนต์ ก็รับทราบปัญหาเบื้องต้นของชาวมัธยมแล้ว” นายรัตน์ชัย กล่าว
ด้าน นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ตนยินดีรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอของทุกฝ่าย เนื่องจากที่ผ่านมา 7 ปี ตนไม่ได้ทำงานด้านการศึกษาเลย หากเข้ามา ศธ.แล้วคงไม่สามารถทำตัวเป็นผู้วิเศษสั่งการเรื่องใดทันที ต้องขอเวลารับฟังทุกฝ่ายก่อน ซึ่งตนเห็นว่าประเทศไทยจำเป็นต้องปฏิรูปการศึกษาอย่างจริงจังให้เกิดผล เพื่อให้คนไทยแข่งขันกับอาเซียนและเวทีโลกได้ ซึ่งจะปฏิรูปสำเร็จได้ทุกฝ่ายในสังคมต้องช่วยกัน