ASTVผู้จัดการรายวัน - สหภาพแรงงาน ททท. รวมตัวพนักงานแต่งชุดดำ ชุมนุมค้านมติบอร์ดในรอบ 53 ปี แต่งตั้งผู้บริหารชุดใหม่ 25 ตำแหน่ง ระบุ “ผิดฝาผิดตัว” ขอเหตุผลและหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนเพื่อความโปร่งใส พ้อกระทบขวัญและกำลังใจทำรายได้ 2..2 ล้านล้านบาท ด้านผู้ว่าการ ททท. รับเรื่องพิจารณาอีกครั้ง เปรยเป็นการรวมตัวครั้งใหญ่สุดตั้งแต่ก่อตั้ง ททท. ส่วนเจ้ากระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ลั่น ผู้เสนอรายชื่อสมควรใช้ดุลยพินิจในการแก้ปัญหา
รายงานข่าวจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานใหญ่ ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ แจ้งว่า เวลาประมาณ 11.00 น. วันนี้ (24 ก.ค.) สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สรทท.) และพนักงาน ททท. ประมาณ 100 คน ได้แต่งชุดดำรวมตัวกันที่ เรียกร้องให้ผู้บริหาร ททท. ทบทวนเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายผู้บริหาร ระดับ 10 และ 9 จำนวน 25 ตำแหน่งซึ่งผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ททท. ในการประชุมครั้งที่ 7/2556 เมื่อวันที่ 17 ก.ค.56 เนื่องจากเห็นว่าบางตำแหน่งมีความไม่เหมาะสมและไม่โปร่งใส โดยก่อนหน้านี้ได้ยื่นหนังสือให้ผู้บริหารพิจารณาไปแล้วครั้งหนึ่งเมื่อวันศุกร์ที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา
นายณัฐพงศ์ สุกกรี ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สรทท.) เปิดเผยว่า การพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายเป็นอำนาจโดยตรงของฝ่ายบริหาร แต่การบริหารงานก็ควรได้รับการยอมรับจากบุคลากรในองค์กรด้วย เพราะการบริหารองค์กรให้มีประสิทธิภาพจำเป็นต้องเปิดโอกาสให้พนักงานทุกระดับมีส่วนร่วมในการบริหารงาน เพราะฉะนั้นผู้บริหารจึงต้องบริหารงานอย่างชัดเจนและโปร่งใส เป็นที่ยอมรับทั้งบุคลากรภายในองค์กรและผู้ที่เกี่ยวข้องในภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว นอกจากนี้ ตามระบบการประเมินคุณภาพรัฐวิสาหกิจ (SEPA) ของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) นั้น ททท.จะต้องมีการดำเนินการเพื่อให้บุคลากรมีความผูกพันเพื่อความสำเร็จขององค์กรซึ่งต้องมีกระบวนการอย่างเป็นรูปธรรมด้วย
การรวมตัวของครั้งนี้เป็นความเห็นที่ตรงกันของพนักงาน ททท. ทั่วโลก ทั้ง 35 สาขาในประเทศและ 27 สาขาในต่างประเทศซึ่งมีการปรึกษาหารือในโซเชียลมีเดีย เนื่องจากเห็นว่าการบริหารองค์กรให้บรรลุถึงเป้าหมายนั้นจะต้องมีกระบวนการบริหารทรัพยากรบุคคลและงบประมาณที่มีประสิทธิภาพซึ่งในปัจจุบัน สหภาพฯ จึงจำเป็นต้องเสนอให้ผู้บริหารพิจารณาการแต่งตั้งโยกย้ายใหม่โดยใช้หลักธรรมาภิบาล (Good Governance) ระบบคุณธรรม (Merit System) รวมไปถึงความสามารถและความมีอาวุโสในการปฏิบัติงาน จึงได้รวมตัวพนักงาน ททท. เพื่อยื่นหนังสือถึง ผู้ว่าการ ททท. และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อขอทราบหลักเกณฑ์การพิจารณาและขอให้ทบทวนการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้
นายณัฐพงศ์ กล่าวด้วยว่า ตามที่ รัฐบาลได้มอบหมายให้ ททท.สร้างรายได้จากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้ถึงเป้าหมาย 2.2 ล้านล้านบาทภายในปี 2558 ซึ่งถือได้ว่าเป็นเป้าหมายที่ต้องมีวิสัยทัศน์และมีความสามารถทางวิชาชีพ รวมทั้งความสามารถในการบริหารงานทุกๆ ด้าน เพื่อให้มั่นใจว่าบุคลากรของ ททท. จะสามารถปฏิบัติงานเพื่อให้บรรลุภารกิจได้ตามเป้าหมายดังกล่าว การพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายในครั้งนี้จึงถือว่ามีผลกระทบต่อขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานของบุคลากรในองค์กรและอาจมีผลทำให้ ททท. ไม่สามารถดำเนินงานตามนโยบายดังกล่าวได้
รายงานข่าวแจ้งว่า ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 11.30 น. นายสุรพล เศวตเศรนี ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้เดินทางมารับหนังสือร้องเรียนจาก สรรท. พร้อมกล่าวว่า การรวมตัวกันเรียกร้องของพนักงานในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 53 ปีนับตั้งแต่มีการก่อตั้ง ททท. ซึ่งตนขอยืนยันว่าการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้เป็นไปด้วยความโปร่งใสและไม่มีประเด็นทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่จะขอนำเรื่องไปพิจารณาอีกครั้งเพราะการทบทวนมติบอร์ดเป็น อำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยพร้อมจะชี้แจงให้พนักงานทราบเหตุผลภายในสัปดาห์นี้
ต่อมา นายณัฐพงศ์ พร้อมตัวแทน สรรท. และพนักงาน ททท. ประมาณ 50 คนได้เดินทางไปยังกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อมอบหนังสือร้องเรียนต่อ นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดย นายสมศักย์ กล่าวว่า ตนไม่มีส่วนในเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้และจะไม่เข้าไปแทรกแซงแต่อย่างใด เนื่องจากยึดหลักปฏิบัติตามข้อบังคับมาตรา 15 ของ ททท. แต่จะสอบถามเหตุผลไปยังผู้ว่าการ ททท. ในฐานะเป็นหนึ่งในบอร์ด ททท. ตามคำร้องขอของ สหภาพฯ เนื่องจากอำนาจการแต่งตั้งโยกย้ายขึ้นอยู่กับบอร์ด ถ้าผู้เกี่ยวข้องสามารถชี้แจงเหตุผลและความเหมาะสมได้ก็คงไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด โดยพร้อมจะปรึกษาร่วมกับฝ่ายกฎหมายเพื่อพิจารณายกร่างการทบทวนครั้งนี้ในวันพรุ่งนี้ (25 ก.ค.56)
“ผมเชื่อว่าการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้เป็นไปด้วยความโปร่งใสอย่างแน่นอน เพราะตามระเบียบของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน มีการกำหนดอย่างชัดเจนว่าในการสรรหาผู้ดำรงตำแหน่งใดๆ จะต้องพิจารณารายชื่ออย่างน้อย 3 บุคคลจากบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถทั้งหมด เพียงแต่พนักงานส่วนใหญ่อาจเห็นว่าไม่เหมาะสมอย่างผิดฝาผิดตัว จึงทำให้เกิดประวัติศาสตร์การรวมตัวเรียกร้องครั้งใหญ่นับตั้งแต่ก่อตั้ง ททท. มา 53 ปี จึงขึ้นกับอยู่กับดุลยพินิจของผู้เสนอรายชื่อคณะผู้บริหารชุดนี้ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป”
รายงานข่าวจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานใหญ่ ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ แจ้งว่า เวลาประมาณ 11.00 น. วันนี้ (24 ก.ค.) สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สรทท.) และพนักงาน ททท. ประมาณ 100 คน ได้แต่งชุดดำรวมตัวกันที่ เรียกร้องให้ผู้บริหาร ททท. ทบทวนเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายผู้บริหาร ระดับ 10 และ 9 จำนวน 25 ตำแหน่งซึ่งผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ททท. ในการประชุมครั้งที่ 7/2556 เมื่อวันที่ 17 ก.ค.56 เนื่องจากเห็นว่าบางตำแหน่งมีความไม่เหมาะสมและไม่โปร่งใส โดยก่อนหน้านี้ได้ยื่นหนังสือให้ผู้บริหารพิจารณาไปแล้วครั้งหนึ่งเมื่อวันศุกร์ที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา
นายณัฐพงศ์ สุกกรี ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สรทท.) เปิดเผยว่า การพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายเป็นอำนาจโดยตรงของฝ่ายบริหาร แต่การบริหารงานก็ควรได้รับการยอมรับจากบุคลากรในองค์กรด้วย เพราะการบริหารองค์กรให้มีประสิทธิภาพจำเป็นต้องเปิดโอกาสให้พนักงานทุกระดับมีส่วนร่วมในการบริหารงาน เพราะฉะนั้นผู้บริหารจึงต้องบริหารงานอย่างชัดเจนและโปร่งใส เป็นที่ยอมรับทั้งบุคลากรภายในองค์กรและผู้ที่เกี่ยวข้องในภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว นอกจากนี้ ตามระบบการประเมินคุณภาพรัฐวิสาหกิจ (SEPA) ของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) นั้น ททท.จะต้องมีการดำเนินการเพื่อให้บุคลากรมีความผูกพันเพื่อความสำเร็จขององค์กรซึ่งต้องมีกระบวนการอย่างเป็นรูปธรรมด้วย
การรวมตัวของครั้งนี้เป็นความเห็นที่ตรงกันของพนักงาน ททท. ทั่วโลก ทั้ง 35 สาขาในประเทศและ 27 สาขาในต่างประเทศซึ่งมีการปรึกษาหารือในโซเชียลมีเดีย เนื่องจากเห็นว่าการบริหารองค์กรให้บรรลุถึงเป้าหมายนั้นจะต้องมีกระบวนการบริหารทรัพยากรบุคคลและงบประมาณที่มีประสิทธิภาพซึ่งในปัจจุบัน สหภาพฯ จึงจำเป็นต้องเสนอให้ผู้บริหารพิจารณาการแต่งตั้งโยกย้ายใหม่โดยใช้หลักธรรมาภิบาล (Good Governance) ระบบคุณธรรม (Merit System) รวมไปถึงความสามารถและความมีอาวุโสในการปฏิบัติงาน จึงได้รวมตัวพนักงาน ททท. เพื่อยื่นหนังสือถึง ผู้ว่าการ ททท. และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อขอทราบหลักเกณฑ์การพิจารณาและขอให้ทบทวนการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้
นายณัฐพงศ์ กล่าวด้วยว่า ตามที่ รัฐบาลได้มอบหมายให้ ททท.สร้างรายได้จากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้ถึงเป้าหมาย 2.2 ล้านล้านบาทภายในปี 2558 ซึ่งถือได้ว่าเป็นเป้าหมายที่ต้องมีวิสัยทัศน์และมีความสามารถทางวิชาชีพ รวมทั้งความสามารถในการบริหารงานทุกๆ ด้าน เพื่อให้มั่นใจว่าบุคลากรของ ททท. จะสามารถปฏิบัติงานเพื่อให้บรรลุภารกิจได้ตามเป้าหมายดังกล่าว การพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายในครั้งนี้จึงถือว่ามีผลกระทบต่อขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานของบุคลากรในองค์กรและอาจมีผลทำให้ ททท. ไม่สามารถดำเนินงานตามนโยบายดังกล่าวได้
รายงานข่าวแจ้งว่า ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 11.30 น. นายสุรพล เศวตเศรนี ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้เดินทางมารับหนังสือร้องเรียนจาก สรรท. พร้อมกล่าวว่า การรวมตัวกันเรียกร้องของพนักงานในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 53 ปีนับตั้งแต่มีการก่อตั้ง ททท. ซึ่งตนขอยืนยันว่าการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้เป็นไปด้วยความโปร่งใสและไม่มีประเด็นทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่จะขอนำเรื่องไปพิจารณาอีกครั้งเพราะการทบทวนมติบอร์ดเป็น อำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยพร้อมจะชี้แจงให้พนักงานทราบเหตุผลภายในสัปดาห์นี้
ต่อมา นายณัฐพงศ์ พร้อมตัวแทน สรรท. และพนักงาน ททท. ประมาณ 50 คนได้เดินทางไปยังกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อมอบหนังสือร้องเรียนต่อ นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดย นายสมศักย์ กล่าวว่า ตนไม่มีส่วนในเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้และจะไม่เข้าไปแทรกแซงแต่อย่างใด เนื่องจากยึดหลักปฏิบัติตามข้อบังคับมาตรา 15 ของ ททท. แต่จะสอบถามเหตุผลไปยังผู้ว่าการ ททท. ในฐานะเป็นหนึ่งในบอร์ด ททท. ตามคำร้องขอของ สหภาพฯ เนื่องจากอำนาจการแต่งตั้งโยกย้ายขึ้นอยู่กับบอร์ด ถ้าผู้เกี่ยวข้องสามารถชี้แจงเหตุผลและความเหมาะสมได้ก็คงไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด โดยพร้อมจะปรึกษาร่วมกับฝ่ายกฎหมายเพื่อพิจารณายกร่างการทบทวนครั้งนี้ในวันพรุ่งนี้ (25 ก.ค.56)
“ผมเชื่อว่าการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้เป็นไปด้วยความโปร่งใสอย่างแน่นอน เพราะตามระเบียบของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน มีการกำหนดอย่างชัดเจนว่าในการสรรหาผู้ดำรงตำแหน่งใดๆ จะต้องพิจารณารายชื่ออย่างน้อย 3 บุคคลจากบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถทั้งหมด เพียงแต่พนักงานส่วนใหญ่อาจเห็นว่าไม่เหมาะสมอย่างผิดฝาผิดตัว จึงทำให้เกิดประวัติศาสตร์การรวมตัวเรียกร้องครั้งใหญ่นับตั้งแต่ก่อตั้ง ททท. มา 53 ปี จึงขึ้นกับอยู่กับดุลยพินิจของผู้เสนอรายชื่อคณะผู้บริหารชุดนี้ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป”