xs
xsm
sm
md
lg

ฆ่าโหด"พ่อ-แม่"ต่อหน้าลูก4ขวบ "มาร์ค"แนะรัฐตอบโต้"บีอาร์เอ็น"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยิงลูกจ้างอบต.คลองมานิง จ.ปัตตานี เสียชีวิตกลางดึกเสียชีวิต รุ่งเช้ายิงผญบ.เจ็บสาหัส ตกบ่ายสังหารโหด 2 สามี-ภรรยาต่อหน้าลูกชายวัย 4 ขวบ บนถนนตากใบ-สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ด้านหน่วยงานความมั่นคงจับตาเผาโรงเรียน-ยิงครู คณะทำงานส่งเสริมสันติภาพเดือนรอมฎอน แถลง 14 วันแรก มี 4 เหตุการณ์เกี่ยวข้องความมั่นคง สรุปพูดคุยสันติภาพมีผล ด้าน"มาร์ค" แนะรัฐบาลตอบโต้บีอาร์เอ็น-แสดงจุดยืนต่อชาวโลก

เมื่อเวลา 01.00 น. วานนี้(23 ก.ค.) พ.ต.อ.ต่วนเดร์ จุฑานันท์ ผกก.สภ.เมือง จ.ปัตตานี รับแจ้งเหตุคนถูกยิงหน้าบ้านเลขที่ 84/1 บ้านสะมาลา หมู่3 ต.คลองมานิง จึงไปตรวจสอบพบผู้บาดเจ็บนอนจมกองเลือด จึงรีบนำส่งโรงพยาบาลปัตตานี และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทราบชื่อนายหามะ เจะอาแว อายุ 41 ปี อยู่บ้านหลังดังกล่าว ถูกยิงด้วยปืนอาก้าเข้าลำตัว 2 นัด สาเหตุอยู่ระหว่างสืบสวนว่าเกี่ยวกับเหตุความไม่สงบหรือไม่ เพราะผู้ตายทำงานเป็นลูกจ้างองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)คลองมานิง มีประวัติเกี่ยวกับยาเสพติด

เวลา 08.30 น. พ.ต.อ.วสันต์ พวงน้อย ผกก.สภ.ยะรัง จ.ปัตตานี รับแจ้งมีคนถูกยิงในสวนยางหมู่ 1 ต.วัด คนเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาลยะรัง ทราบชื่อนายสะรี มะมิง อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35 หมู่ 5 ต.แว้ง อ.ยะรัง ถูกยิงเข้าแขนขวา 2 นัด แพทย์ส่งต่อโรงพยาบาลปัตตานี สอบสวนทราบว่า นายสะรี เป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ก่อนเกิดเหตุกรีดยางพาราอยู่ตามลำพัง คนร้ายใช้ปืนกระหน่ำยิงหลายนัดแล้ววิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์หนีไป

เวลา 13.10 น. พ.ต.อ.ประยงค์ โคตรสาขา ผกก.สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุคนถูกยิงเสียชีวิตบนถนนตากใบ-สุไหงโก-ลก บ้านโคกมือบา หมู่ 5 ต.โฆษิต จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบศพนายช่วย เดิมหมวก อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 64/4 ถนนรักษ์ชนะอุทิศ ต.สุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ถูกยิงด้วยปืนขนาด 11 มม. ที่ศีรษะและลำตัว ส่วนน.ส.ประภา สงวนพันธุ์ อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นภรรยา ถูกยิงที่หลังและลำตัว โดยบุตรชายอายุ 4 ขวบ คือ ด.ช.ปีใหม่ เดิมหมวก บาดเจ็บจากรถล้ม นั่งร้องไห้อยู่ข้างศพ และพบปลอกกระสุนปืน 1 ปลอก

สอบถามด.ช.ปีใหม่ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุบิดาขับรถจักรยานยนต์ออกจากบ้าน โดยมารดานั่งซ้อนท้าย และตนนั่งกลาง เพื่อไปทำหนังสือเดินทางที่อ.ตากใบ ถึงที่เกิดเหตุคนร้าย 2 คน ขับรถจักรยานยนต์ตามมา แล้วเรียกให้จอด ทำทีสอบถามเส้นทาง เมื่อสบโอกาสคนนั่งซ้อนท้ายชักปืน 11 ม.ม. ออกมาจยิงใส่จนรถล้มคว่ำ จากนั้นคนร้ายลงจากรถมาเก็บปลอกกระสุน ก่อนที่จะขับรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ สีดำแดง ทะเบียน ขฉน 86 นราธิวาส ของบิดาหลบหนีไป เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มก่อความไม่สงบ

เวลา 15.45 น. ร.ต.ท.ปรีชา ราชโยธา ร้อยเวรสภ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุคนร้ายวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหาร ที่หมู่ 5 บ้านไอร์กือนอ ต.ศรีบรรพต จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบบริเวณริมถนน ห่างจากโรงเรียนตาดีกา ประมาณ 50 เมตรมีหลุมระเบิดลึก 70 เซนติเมตร กว้าง 80 เซนติเมตร เศษซากชิ้นส่วนระเบิดแสวงเครื่อง จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ

ส่วนความคืบหน้าเหตุคนร้ายยิงนายทรงชัย พรหมจันทร์ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 209/3 หมู่ 1 ต.บูกิต อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส และนางนิตยา ฝ่ายนารีผล อายุ 35 ปี ภรรยา เสียชีวิตในท่านั่งคุกเข่าขอชีวิต บนถนนในหมู่บ้านฮูลูปาเระ หมู่ 1 ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เหตุเกิดวันที่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมานั้น ล่าสุดศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10 จ.ยะลา ตรวจสอบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. 10 ปลอก พบว่ามีลักษณะเดียวกับที่คนร้ายเคยใช้ปืนกระบอกเดียวกันยิงนายคมสันติ์ โฉมยงค์ อายุ 40 ปี ครูคศ.2 โรงเรียนบ้านบองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เสียชีวิต เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2555 และใช้ยิงนางฉัตรสุดา นิลสุวรรณ อายุ 32 ปี ครูคศ.2 โรงเรียนบ้านตาโง๊ะ ต.มะรือโบออก อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เสียชีวิตเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2555 ซึ่งสภ.ระแงะ และสภ.เจาะไอร้อง ออกหมายจับนายมะสุเพียน มามะ อยู่บ้านเลขที่ 166/2 บ้านยานิง หมู่ 2 ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง แกนนำอาร์เคเค ที่ถูกวิสามัญเสียชีวิตเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคมที่ผ่านมา จึงเชื่อว่าเป็นฝีมือของสมาชิกแนวร่วมที่แก้แค้นให้นายมะสุเพียน

รายงานข่าวจากฝ่ายความมั่นคง เปิดเผยว่า แกนนำกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดน เรียกประชุมแนวร่วมระดับนำตั้งแต่วันที่ 22 กรกฎาคม ที่หมู่บ้านหนึ่งในอ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี ได้ข้อสรุปให้สมาชิกก่อวินาศกรรมตอบโต้รัฐ ที่ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขหยุดยิงช่วงเดือนรอมฎอน โดยเป้าหมายนอกจากกองกำลังแล้ว ให้โจมตีเป้าหมายอ่อนแอได้ โดยเฉพาะข้าราชการฝ่ายพลเรือน เผาโรงเรียน อาคารสำนักงานราชการ ลอบยิงรายวัน ไม่ว่าครูหรือข้าราชการอื่น

ด้านพล.ต.ชรินทร์ อมรแก้ว รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ส่วนหน้า แถลงว่า เหตุความไม่สงบที่เกิดขึ้น 14 วันช่วงเดือนรอมฎอน วันที่ 10-23 กรกฎาคม พบว่ามีเพียง 4 เหตุที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2555 มีเหตุความมั่นคง 16 เหตุ จะเห็นได้ว่าลดลงถึง 12 เหตุ จึงสรุปได้ว่าการพูดคุยสันติภาพ มีผลให้เหตุรุนแรงช่วงเดือนรอมฎอนลดลงได้จริง ส่วนอีก 20 เหตุตรวจสอบขั้นต้นแล้วยืนยันว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ขัดแย้งด้านการเมืองท้องถิ่น และยาเสพติด กรณีล่าสุดยิงชาวไทยพุทธ 2 คนเสียชีวิตที่อ.ตากใบ จ.นราธิวาส จะตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลควรทำ คือ ต้องพูดคุยกับทางมาเลเซียในฐานะผู้อำนวยความสะดวก ว่ากติกาควรเป็นอย่างไร รัฐบาลต้องแสดงจุดยืนให้โลกเข้าใจด้วย เพราะเวลาที่บีอาร์เอ็นกล่าวหา ก็หวังผลในการที่จะให้โลกเข้าใจผิด เพื่อจะได้ยกระดับของปัญหา

"การสื่อสารของรัฐบาลไทยต้องหนักแน่น เช่น ยืนยันว่าไม่มีนโยบายใช้ความรุนแรง และตรวจสอบให้เกิดความมั่นใจ ว่าทุกคนปฏิบัติตาม รัฐบาลต้องเร่งแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ ตอบโต้ข้อกล่าวหาของบีอาร์เอ็นโดยเร็ว ควบคู่ไปกับการประท้วงการรวมอ.สะเดา จ.สงขลา เข้าไปในพื้นที่ไม่สงบด้วย เพราะขณะนี้องค์การความร่วมมืออิสลามหรือโอไอซี เริ่มออกมามีบทบาทเรื่องนี้มากขึ้น"

ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามหลักการแล้วผู้ที่เหมาะสมจะชี้แจงหรือให้ข่าว ควรเป็นผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง คือ พล.ต.อ ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี และ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ซึ่งมีความรู้ และความเชี่ยวชาญในเรื่องความมั่นคงเป็นอย่างดี ที่สำคัญเวลาพูดเรื่องความมั่นคง มีความน่าเชื่อถือมากกว่านายอภิสิทธิ์ หากนายอภิสิทธิ์อยากทำตัวให้มีประโยชน์ ควรกลับไปทบทวนว่าการให้ข่าวของพรรคประชาธิปัตย์ที่ผ่านมา ส่งผลเสียต่อการแก้ปัญหาภาคใต้อย่างไรบ้าง โดยเฉพาะโฆษกพรรคที่เรียกกลุ่มบีอาร์เอ็นว่าโจร ซึ่งสมช.ระบุว่าอาจเป็นการสร้างเงื่อนไขความรุนแรง ทำให้ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่เดือดร้อน ทั้งยังทำลายบรรยากาศการพูดคุย
กำลังโหลดความคิดเห็น