xs
xsm
sm
md
lg

คลังเคลียร์งบค้างท่อ2.5แสนล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - คลังเร่งเคลียร์งบค้างท่อกว่า 2.5 แสนล้านบาท ดึงเงินเข้าระบบหวังกระตุ้นเศรษฐกิจไตรมาสสุดท้าย จากสัญญาณการอ่อนตัว ทั้งการบริโภคและการส่งออก "พงษ์ภาณุ" แนะแบงก์ชาติควรลดดอกเบี้ยออกมาช่วยอีกแรง

นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า แนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจในครึ่งหลังปี 2556 กระทรวงการคลังในฐานะที่รับผิดชอบการเบิกจ่ายงบประมาณจะดูแลให้มีการเร่งการเบิกจ่ายมากขึ้น เพื่อให้มีเงินงบประมาณลงไปในระบบเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีงบประมาณ 2556 ซึ่งขณะนี้ยังมีเงินงบประมาณที่ค้างอยู่ประมาณ 2.5 แสนล้านบาท หรือประมาณ 2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่จะสามารถประคองเศรษฐกิจไม่ให้อ่อนตัวลงจากผลกระทบจากการบริโภคที่ชะลอลงและการส่งออกที่ลดลง หลังจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าชะลอลง โดยเฉพาะจีน ซึ่งงบดังกล่าวจะมาจาก 3 ส่วนคือ งบลงทุนในงบประมาณประจำปี 2556 งบลงทุนของรัฐวิสาหกิจและเงินกู้เพื่อการบริหารจัดการน้ำ

สำหรับงบลงทุนปี 2556 ที่มีทั้งสิ้น 4 แสนล้านบาท ซึ่งตั้งเป้าการเบิกจ่ายไว้ 80% หรือประมาณ 3 แสนกว่าล้านบาท แต่สิ้นเดือนมิถุนายนพบว่า เบิกจ่ายไปเพียง 2 แสนล้านบาท จึงเหลือ 1 แสนกว่าล้านบาทที่จะเร่งให้มีการเบิกจ่ายภายในเดือนกันยายนนี้ โดยส่วนราชการที่ยังมีปัญหาในการเบิกจ่ายงบประมาณคือ สำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) คณะกรรมการส่งเสริมการกระจายอำนาจที่เป็นงบอุดหนุน องค์กรปกครองท้องถิ่น (อปท.) องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) กรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท

“หน่วยงานเหล่านี้จะมีงบก่อสร้างจำนวนมาก แต่ติดปัญหาเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณ จากการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งกำหนดให้ใช้วิธีการประมูลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (อี-ออคชัน) หลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ ซึ่งจะหันมาใช้วิธีพิเศษก็ไม่ได้ จึงต้องมาดูว่าจะแก้ไปปัญหาต่างๆ อย่างไร ที่ไม่ใช่การผ่อนคลายกฎเกณฑ์ เพราะอาจจะมีปัญหาเรื่องความโปร่งใสได้ ซึ่งรัฐบาลได้แต่งตั้งคณะกรรมการเร่งรัดการเบิกจ่ายขึ้นมาดูเรื่องนี้โดยเฉพาะ โดยได้กำหนดระยะเวลาไว้ภายใน 30 กรกฎาคมนี้ หากยังไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันได้ ก็จะถูกตัดงบประมาณไปเลย ซึ่งคาดว่าจะมีประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท”นายพงษ์ภาณุกล่าว

สำหรับงบประมาณที่จะมาจากเงินกู้เพื่อการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทนั้น กระทรวงการคลังได้กู้ไปเบื้องต้นแล้ว 2.5 แสนล้านบาท เพื่อให้ในการปลูกป่าต้นน้ำทั่วประเทศ และได้ทำสัญญาเงินกู้อีก 3.25 แสนล้านบาท หลังศาลปกครองมีคำส่งให้จัดทำประชาพิจารณ์จากประชาชนในพื้นที่พร้อมทั้งจัดทำผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) และผลกระทบด้ายสุขภาพ (เอชไอเอ) จึงจะสามารถเบิกเงินกู้ได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมดของโครงการ ขณะนี้จึงจะมาคัดกรองว่า โครงการใดที่จะต้องทำตามมติศาลและโครงการใดที่สามารถเดินหน้าได้และสามารถเบิกจ่ายงบประมาณได้โดยไม่ขัดมติศาล ซึ่งคาดว่าน่าจะสามารถเบิกจ่ายได้ประมาณ 2 หมื่นล้านบาทในสิ้นปีงบประมาณ หรืออาจจะล่าช้าเล็กน้อย แต่ก็จะทันในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2556ได้.
กำลังโหลดความคิดเห็น