ปตท.ยังคงเน้นลงทุนต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจโลกผันผวน ตั้งเป้า 5ปีนี้ใช้เม็ดเงินลงทุนในต่างประเทศ 40-50% ดันรายได้ 10ปีข้างหน้า มาจากต่างประเทศไม่น้อยกว่า 50% แย้มเตรียมออกหุ้นกู้สกุลบาท 1 หมื่นล้านบาทในครึ่งปีหลังนี้เพื่อไถ่ถอนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดชำระ แต่จะไม่มีการออกหุ้นกู้สกุลต่างประเทศอีกปีนี้
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงโดยเฉพาะจีน ทำให้ปตท.ต้องทบทวนแผนการลงทุนต่างๆเพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ แต่บริษัทฯยังคงเป้าหมายเติบโตจากต่างประเทศมากขึ้น โดยงบลงทุน 5 ปีข้างหน้า จะเป็นการลงทุนในต่างประเทศคิดเป็น 40-50%ของงบลงทุนทั้งหมด เพื่อรักษาการเติบโตของธุรกิจ ทำให้รายได้ของปตท.ใน 5 ปีจะเพิ่มขึ้นเป็น 4-5 ล้านล้านบาท จากปัจจุบันที่มีรายได้เกือบ 3 แสนล้านบาท และ 10ปีข้างหน้า รายได้ของปตท.จะมาจากต่างประเทศไม่ต่ำกว่า 50%จากปัจจุบันที่มีรายได้จากต่างประเทศเพียง 20-30%ของรายได้รวม
นอกจากนี้ ปตท.อยู่ระหว่างการทบทวนแผนการลงทุน 5ปี (2556-2560) จากเดิมที่ใช้เงินลงทุนรวม 3.6 แสนล้านบาท อาจต้องมีการปรับใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจโลกและทิศทางการใช้และราคาน้ำมันโลกที่เปลี่ยนแปลงไป หลังจากสหรัฐฯพบเชลล์แก๊สทำให้สหรัฐฯกลายเป็นผู้ส่งออกแทนการนำเข้าพลังงาน
โดยก่อนหน้านี้ บอร์ดปตท.ได้อนุมัติการลดแผนการลงทุนในปีนี้ลงจาก 98,845 ล้านบาทลงเหลือ 52,618 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการปรับแผนการดำเนินงานของการลงทุนในต่างประเทศที่ยังไม่ได้กำหนดโครงการที่ชัดเจน เนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีการเปลี่ยนแปลง
ส่วนการปรับโครงสร้างธุรกิจปิโตรเคมีในกลุ่มปตท.เพื่อควบรวมกิจการกันยังมีต่อเนื่อง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งขององค์กร ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาไปเรื่อยๆ รวมถึงการควบรวมกิจการระหว่าง บมจ.ไออาร์พีซี กับบมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอลด้วย ก็คงต้องศึกษาว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ แต่ทั้งนี้คงต้องเร่งสร้างความแข็งแกร่งของไออาร์พีซีก่อน
เชื่อว่าหากโครงการฟินิกซ์ที่ใช้เงินลงทุนกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐแล้วเสร็จในปี 2558 จะทำให้โรงกลั่นน้ำมันไออาร์พีซีเดินเครื่องจักรได้เต็มกำลังผลิต 1.2 แสนบาร์เรล/วันจากปัจจุบันที่กลั่นน้ำมันอยู่ 70-80%
ด้านนายสุรงค์ บูลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในครึ่งปีหลังนี้บริษัทฯไม่มีแผนจะออกหุ้นกู้สกุลต่างประเทศเพิ่มจากปลายปีที่แล้ว บริษัทออกหุ้นกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐ 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และหุ้นกู้อีก 300 ล้านดอลลาร์เมื่อต้นปี 2556 แต่จะมีการออกหุ้นกู้สกุลบาทวงเงิน 1 หมื่นล้านบาท เพื่อไถ่ถอนหุ้นกู้เดิมที่ครบกำหนดชำระในปลายปีนี้
ปัจจุบัน ปตท.มีสภาพคล่องดีอยู่ มีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E)ต่ำอยู่ที่ 0.4 เท่า และบริษัทฯได้ตัดลดงบเพื่อลงทุนซื้อกิจการในต่างประเทศปีนี้ลง ทำให้ไม่มีแรงกดดันให้ต้องเร่งออกหุ้นกู้ในต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้ภาวะตลาดการเงินยังไม่ค่อยดี ส่วนพอร์ตเงินกู้ในขณะนี้ได้เพิ่มเป็นสัดส่วนเงินบาทเป็นร้อยละ 70 เพื่อลดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนและสร้างความสมดุลกับรายได้ของบริษัท
วันนี้ (18 ก.ค.) นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานกรรมการ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) เป็นประธานในพิธีลงนามสัญญาเงินกู้ระหว่างบริษัท พีทีที ฟีนอล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ชั้นนำ ประกอบด้วย ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารออมสิน วงเงิน 7,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการก่อสร้างโรงงานผลิตสารฟีนอล เฟส 2 กำลังการผลิต 2 แสนตัน/ปี คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2558
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเป็นการลงทุนขยายกำลังการผลิตฟีนอล เพื่อรับรองรับความต้องการผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น ทั้งจากในประเทศและภูมิภาคอาเซียน ตลอดจนสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล โดยการผลิตฟีนอลจะใช้ผลิตภัณฑ์ เบนซีน และโพรพิลีน เป็นวัตถุดิบหลัก
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงโดยเฉพาะจีน ทำให้ปตท.ต้องทบทวนแผนการลงทุนต่างๆเพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ แต่บริษัทฯยังคงเป้าหมายเติบโตจากต่างประเทศมากขึ้น โดยงบลงทุน 5 ปีข้างหน้า จะเป็นการลงทุนในต่างประเทศคิดเป็น 40-50%ของงบลงทุนทั้งหมด เพื่อรักษาการเติบโตของธุรกิจ ทำให้รายได้ของปตท.ใน 5 ปีจะเพิ่มขึ้นเป็น 4-5 ล้านล้านบาท จากปัจจุบันที่มีรายได้เกือบ 3 แสนล้านบาท และ 10ปีข้างหน้า รายได้ของปตท.จะมาจากต่างประเทศไม่ต่ำกว่า 50%จากปัจจุบันที่มีรายได้จากต่างประเทศเพียง 20-30%ของรายได้รวม
นอกจากนี้ ปตท.อยู่ระหว่างการทบทวนแผนการลงทุน 5ปี (2556-2560) จากเดิมที่ใช้เงินลงทุนรวม 3.6 แสนล้านบาท อาจต้องมีการปรับใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจโลกและทิศทางการใช้และราคาน้ำมันโลกที่เปลี่ยนแปลงไป หลังจากสหรัฐฯพบเชลล์แก๊สทำให้สหรัฐฯกลายเป็นผู้ส่งออกแทนการนำเข้าพลังงาน
โดยก่อนหน้านี้ บอร์ดปตท.ได้อนุมัติการลดแผนการลงทุนในปีนี้ลงจาก 98,845 ล้านบาทลงเหลือ 52,618 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการปรับแผนการดำเนินงานของการลงทุนในต่างประเทศที่ยังไม่ได้กำหนดโครงการที่ชัดเจน เนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีการเปลี่ยนแปลง
ส่วนการปรับโครงสร้างธุรกิจปิโตรเคมีในกลุ่มปตท.เพื่อควบรวมกิจการกันยังมีต่อเนื่อง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งขององค์กร ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาไปเรื่อยๆ รวมถึงการควบรวมกิจการระหว่าง บมจ.ไออาร์พีซี กับบมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอลด้วย ก็คงต้องศึกษาว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ แต่ทั้งนี้คงต้องเร่งสร้างความแข็งแกร่งของไออาร์พีซีก่อน
เชื่อว่าหากโครงการฟินิกซ์ที่ใช้เงินลงทุนกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐแล้วเสร็จในปี 2558 จะทำให้โรงกลั่นน้ำมันไออาร์พีซีเดินเครื่องจักรได้เต็มกำลังผลิต 1.2 แสนบาร์เรล/วันจากปัจจุบันที่กลั่นน้ำมันอยู่ 70-80%
ด้านนายสุรงค์ บูลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในครึ่งปีหลังนี้บริษัทฯไม่มีแผนจะออกหุ้นกู้สกุลต่างประเทศเพิ่มจากปลายปีที่แล้ว บริษัทออกหุ้นกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐ 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และหุ้นกู้อีก 300 ล้านดอลลาร์เมื่อต้นปี 2556 แต่จะมีการออกหุ้นกู้สกุลบาทวงเงิน 1 หมื่นล้านบาท เพื่อไถ่ถอนหุ้นกู้เดิมที่ครบกำหนดชำระในปลายปีนี้
ปัจจุบัน ปตท.มีสภาพคล่องดีอยู่ มีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E)ต่ำอยู่ที่ 0.4 เท่า และบริษัทฯได้ตัดลดงบเพื่อลงทุนซื้อกิจการในต่างประเทศปีนี้ลง ทำให้ไม่มีแรงกดดันให้ต้องเร่งออกหุ้นกู้ในต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้ภาวะตลาดการเงินยังไม่ค่อยดี ส่วนพอร์ตเงินกู้ในขณะนี้ได้เพิ่มเป็นสัดส่วนเงินบาทเป็นร้อยละ 70 เพื่อลดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนและสร้างความสมดุลกับรายได้ของบริษัท
วันนี้ (18 ก.ค.) นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานกรรมการ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) เป็นประธานในพิธีลงนามสัญญาเงินกู้ระหว่างบริษัท พีทีที ฟีนอล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ชั้นนำ ประกอบด้วย ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารออมสิน วงเงิน 7,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการก่อสร้างโรงงานผลิตสารฟีนอล เฟส 2 กำลังการผลิต 2 แสนตัน/ปี คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2558
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเป็นการลงทุนขยายกำลังการผลิตฟีนอล เพื่อรับรองรับความต้องการผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น ทั้งจากในประเทศและภูมิภาคอาเซียน ตลอดจนสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล โดยการผลิตฟีนอลจะใช้ผลิตภัณฑ์ เบนซีน และโพรพิลีน เป็นวัตถุดิบหลัก