วานนี้ (18 ก.ค.) เวลา 11.10 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษก และทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง มีมติให้ยุติการพิจารณาคดีการหักบัญชีเงินเดือนส.ส. เพื่อบริจาคเข้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่า คดีนี้ ดีเอสไอ.ไม่มีอำนาจสอบ และเมื่อ กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ซึ่งมีอำนาจตรวจสอบโดยตรงสั่งยุติคดีนี้แล้ว นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ก็ควรยุติที่จะพิจารณาคดีนี้ ไม่ควรดันทุรังสอบต่อเพื่อเอาใจใครบางคน เพราะผลกรรมก็จะตกอยู่ที่เจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ และเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ต้องเลือกระหว่างความถูกต้อง หรือจะเลือกเข้าคุก ตนอยากให้นายธาริต เรียกพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ในคดีนี้มาประชุมร่วมกัน และอ่านหลักธรรมาภิบาล เรื่องหลักคุณธรรม และนิติธรรม ให้ทุกคนฟัง เพื่อที่คนอ่านจะได้สำนึกว่าการกระทำดังกล่าวไม่ถูกต้องด้วยหลักกฎหมาย และขัดต่อหลักนิติธรรม สวนทางคำขวัญของดีเอสไอ ว่า ต้องดูแลความสุขของคนไทย ด้วยหลักนิติธรรม
“พรรคประชาธิปัตย์ จะเดินหน้าฟ้องร้องดำเนินคดีกับ นายธาริต ทั้งต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ศาลอาญา และศาลปกครอง โดย จะเดินทางไปยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ นายธาริต และ พ.ต.อ.นิรันดร์ อดุลยาศักดิ์ ผบ.สำนักคดีอาญาดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ขัดต่อประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 หากป.ป.ช. พบว่า มีความผิดจะมีโทษทั้งจำและปรับ ที่สำคัญจะกระทบต่อตำแหน่งหน้าที่ด้วย จากนั้น 44 ส.ส.ของพรรค ที่ได้รับผลกระทบเรื่องนี้ จะแยกกันยื่นฟ้องนายธาริต ต่อศาลอาญา และจะยื่นฟ้องคณะกรรมการคดีพิเศษที่มี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในขณะที่เป็นอดีตรองนายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการดีเอสไอ ต่อศาลปกครอง แม้ว่า ร.ต.อ.เฉลิม จะอ้างว่าไม่ได้ร่วมลงมติให้คดีนี้เป็นคดีพิเศษ แต่เรามีหลักฐานชัดว่าร.ต.อ.เฉลิม นั่งเป็นประธานในการประชุมครั้งนั้นด้วย ดังนั้นหลังจากนี้ไป นายธาริต จะต้องขึ้นศาลอีกหลายคดี”นายราเมศ กล่าว
ด้านนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า จากการหารือกับ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เกี่ยวกับการเดินทางไปยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้สอบสวน นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีการหักบัญชีเงินเดือนของ ส.ส.บริจาคเข้าพรรคประชาธิปัตย์ ปรากฏว่า นายบัญญัติ เห็นว่า เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบเรื่องนี้โดยตรง เห็นว่า การกระทำของส.ส.ไม่ผิดกฎหมาย จึงควรจะชะลอเรื่องการร้องต่อ ป.ป.ช.เอาไว้ก่อน เพราะถือว่าเป็นข้อมูลใหม่ และจะทำหนังสือแจ้งข้อมูลใหม่นี้ ไปยังประธานคณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษ ที่ขณะนี้ยังไม่มีการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ เนื่องจาก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้ถูกโยกไปเป็น รมว.แรงงาน แล้ว โดยการทำหนังสือดังกล่าว จะขอให้ประธานคณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษ ยกเลิกมติการให้คดีเงินบริจาคเป็นคดีพิเศษ แต่หากประธานฯ คนใหม่ ยังไม่ดำเนินการใดๆ นายบัญญัติ ก็จะยื่นร้องต่อ ป.ป.ช. ต่อไป
-
“พรรคประชาธิปัตย์ จะเดินหน้าฟ้องร้องดำเนินคดีกับ นายธาริต ทั้งต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ศาลอาญา และศาลปกครอง โดย จะเดินทางไปยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ นายธาริต และ พ.ต.อ.นิรันดร์ อดุลยาศักดิ์ ผบ.สำนักคดีอาญาดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ขัดต่อประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 หากป.ป.ช. พบว่า มีความผิดจะมีโทษทั้งจำและปรับ ที่สำคัญจะกระทบต่อตำแหน่งหน้าที่ด้วย จากนั้น 44 ส.ส.ของพรรค ที่ได้รับผลกระทบเรื่องนี้ จะแยกกันยื่นฟ้องนายธาริต ต่อศาลอาญา และจะยื่นฟ้องคณะกรรมการคดีพิเศษที่มี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในขณะที่เป็นอดีตรองนายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการดีเอสไอ ต่อศาลปกครอง แม้ว่า ร.ต.อ.เฉลิม จะอ้างว่าไม่ได้ร่วมลงมติให้คดีนี้เป็นคดีพิเศษ แต่เรามีหลักฐานชัดว่าร.ต.อ.เฉลิม นั่งเป็นประธานในการประชุมครั้งนั้นด้วย ดังนั้นหลังจากนี้ไป นายธาริต จะต้องขึ้นศาลอีกหลายคดี”นายราเมศ กล่าว
ด้านนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า จากการหารือกับ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เกี่ยวกับการเดินทางไปยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้สอบสวน นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีการหักบัญชีเงินเดือนของ ส.ส.บริจาคเข้าพรรคประชาธิปัตย์ ปรากฏว่า นายบัญญัติ เห็นว่า เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบเรื่องนี้โดยตรง เห็นว่า การกระทำของส.ส.ไม่ผิดกฎหมาย จึงควรจะชะลอเรื่องการร้องต่อ ป.ป.ช.เอาไว้ก่อน เพราะถือว่าเป็นข้อมูลใหม่ และจะทำหนังสือแจ้งข้อมูลใหม่นี้ ไปยังประธานคณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษ ที่ขณะนี้ยังไม่มีการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ เนื่องจาก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้ถูกโยกไปเป็น รมว.แรงงาน แล้ว โดยการทำหนังสือดังกล่าว จะขอให้ประธานคณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษ ยกเลิกมติการให้คดีเงินบริจาคเป็นคดีพิเศษ แต่หากประธานฯ คนใหม่ ยังไม่ดำเนินการใดๆ นายบัญญัติ ก็จะยื่นร้องต่อ ป.ป.ช. ต่อไป
-