xs
xsm
sm
md
lg

ขู่!ยุบสภากู้2ล้านล.ไม่ผ่าน พท.ใช้คนไทยเป็นตัวประกัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (16 ก.ค.) นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง กล่าวภายหลังหารือกับเจ้าหน้าที่จากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิสว่า ตัวแทนมูดี้ส์ได้เข้ารับฟังข้อมูลภาพรวมทางเศรษฐกิจด้านต่างๆ ของประเทศไทย ซึ่งได้ยืนยันไปว่ารัฐบาลจะเดินหน้าลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 2 ล้านล้านบาทตามที่ได้วางแผนงานไว้ โดยจะดูแลหนี้สาธารณะไม่ให้เกิน 50% ต่อผลผลิตมวลรวมในประเทศ(จีดีพี) และมีเป้าหมายที่จะจัดทำงบสมดุลภายในปี 60
ทั้งนี้ เชื่อว่าทางมูดี้ส์ฯ จะเข้าใจ ทั้งนี้ เชื่อว่าหากสามารถเดินหน้าโครงการดังกล่าวได้ตามแผนงาน รวมถึงโครงการบริหารจัดการน้ำ และมีการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐตามที่กำหนดไว้ก็จะทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ดี ไม่แผ่วลงอย่างที่มีผู้กังวล และหากเกรงว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวทางธนาคารแห่งประเทศไทยและธนาคารพาณิชย์ก็น่าจะช่วยลดดอกเบี้ยเพื่อทำให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้ดี
นายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย และกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรีและประธานกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทยระบุว่าหากร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทไม่ผ่านสภาอาจนำไปสู่การยุบสภา ว่า ความจริงแล้วไม่มีอะไร แต่เป็นการพูดในหลักการ เพราะรัฐบาลให้ความสำคัญกับร่างกฎหมายที่ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทเพื่อใช้ในโครงการปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานประเทศ ซึ่งขณะนี้อยู่ในชั้นพิจารณาของกรรมาธิการ ก่อนนำกลับเข้าสู่การพิจารณาในวาระ 2 และ 3 หากไม่ผ่านความเห็นของสภา ก็เหมือนกฎหมายงบประมาณทั่วไป ที่เป็นสิทธิของรัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภาได้ และเหตุที่ต้องยุบสภาเพราะเป็นกฎหมายสำคัญ เมื่อสภาไม่ไว้วางใจ รัฐบาลในฐานะผู้ริเริ่มก็ต้องแสดงความรับผิดชอบยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชน เพื่อถามความเห็นผ่านการลงคะแนนเลือกตั้ง ถ้าประชาชนเลือกพรรคเพื่อไทยเป็นเสียงส่วนใหญ่ ก็เท่ากับพรรคทำถูกต้อง เราก็ผลักดันโครงการต่อ นี่เป็นหลักการพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตย
เมื่อถามถึงกรณีที่ว่าหากร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านถูกคว่ำโดยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญหรือองค์กรอิสระ นายสามารถ กล่าวว่า ตามขั้นตอนเมื่อร่างพ.ร.บ.ผ่านความเห็นของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา นายกรัฐมนตรีต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ ภายใน 20 วัน ก่อนประกาศบังคับใช้ ยกเว้นกรณีที่มีผู้เข้าชื่อร้องคัดค้านต่อศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งฝ่ายค้านประกาศมาตลอดว่าเรื่องนี้ต้องจบที่ศาลรัฐธรรมนูญแน่ ดังนั้นแม้ร่างพ.ร.บ.กู้เงินนี้จะผ่านรัฐสภา ฝ่ายค้านก็จะยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ต่อไปก็อยู่ที่ศาลแล้วว่าจะวินิจฉัยอย่างไร เมื่อยุคที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลก็เคยออกพ.ร.ก.กู้เงิน ในโครงการไทยเข้มแข็ง ขณะที่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมีผลผูกพันทุกองค์กรและเป็นบรรทัดฐาน ถ้าศาลวินิจฉัยให้ร่างกฎหมายตกไป นายกรัฐมนตรีก็นำขึ้นทูลเกล้าฯไม่ได้ เช่นเดียวกันรัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีก็ต้องรับผิดชอบ โดยนายกรัฐมนตรีลาออก หรือประกาศยุบสภา
“สิ่งที่ผมพูดทั้งหมดเป็นหลักการ แต่ยอมรับว่าพรรคเพื่อไทยต้องเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ เมื่อดูจากกรณีคำร้องคัดค้านแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 จนถึงขณะนี้ศาลก็ยังไม่มีคำวินิจฉัย ก็ยังไม่รู้จะออกหัวหรือก้อย เมื่อรัฐธรรมนูญให้อำนาจอีกฝ่าย เราก็ต้องเตรียมพร้อม” นายสามารถ กล่าว.
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) แถลงภายหลังการประชุมวิปฝ่ายค้าน ว่า ตามที่คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย(คปก.) ได้ส่งความเห็นเกี่ยวกับร่างพ.ร.บ. 2 ล้านล้านบาท มายังวิปฝ่ายค้าน ซึ่งฝ่ายค้านได้มีการพิจารณาความเห็นดังกล่าว และสรุปได้ว่าการออกพ.ร.บ.ดังกล่าว ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 169 และขัดต่อกฎหมาย จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลรับฟังความเห็นและนำความเห็นของคปก.ไปพิจารณา
ส่วนฝ่ายค้านจะติดตามว่ารัฐบาลจะดำเนินโครงการดังกล่าวเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ 57 และ 67 หรือไม่ ทั้งนี้ในเบื้องต้นในการพิจารณาในวาระ 2 พบว่า รัฐบาลยังไม่ได้ปฏิบติให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญทั้ง 2 มาตราโดยครบถ้วน ซึ่งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 7 หน่วยงาน มีเพียง 3 หน่วยงานที่ได้ศึกษาผลกระทบซึ่งก็ทำเพียงบางส่วนเท่านั้น
นอกจากนี้ ทางฝ่ายค้านก็จะติดตามเรื่องความไม่โปร่งใสในการดำเนินโครงการตั้งแต่เริ่มต้นและจะติดตามเรื่องการดำเนินการในขั้นกรรมาธิการที่มีปรับลด งบที่ปรึกษามาเพิ่มให้เป็นงบเผื่อเหลือเผื่อขาด ทำให้งบประมาณส่วนนี้เพิ่มขึ้น 1 เท่าตัวเป็น 21,050 ล้านบาท ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ก็ได้ยื่นแปรญัตติในเรื่องนี้ไว้ถึง 108 คน
กำลังโหลดความคิดเห็น