วานนี้ (15 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเดินทางลงพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ และ มหาสารคาม ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้รับความสนใจจากประชาชนในพื้นที่อย่างมาก โดยเฉพาะคอหวยซึ่งต่างให้ความสนใจจดเลขทะเบียนรถที่นายกฯ ใช้ในการเดินทาง โดยในพื้นที่ จ.มหาสารคาม นายกฯ ใช้รถตู้ ยี่ห้อโฟล์ค สีดำ ทะเบียน นก 2222 กรุงเทพมหานคร ในการปฏิบัติภารกิจเดินทางไปสักการะพระพุทธมงคล ที่วัดพุทธมงคล อ.กันทรวิชัย จ. มหาสารคาม ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ต่างแห่จดเลขทะเบียนรถกันอย่างคึกคัก เนื่องจากวัดแห่งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เคยเดินทางมาและมีชาวบ้านนำเลขท้ายทะเบียนรถของอดีตนายกฯ หมายเลข 11 ไปแทงหวย จนถูกกันถ้วนหน้ามาแล้ว
มีรายงานว่า นายกรัฐมนตรี ใช้รถโฟล์ค ทะเบียน 6114 ,2222 ,3888 ที่ จ.บุรีรัมย์ ขณะที่ใช้รถทะเบียน 2222 ที่ จ.มหาสารคาม
ส่วนภารกิจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในการลงพื้นที่ จ.มหาสารคาม เวลา 08.40 น. เดินทางมาสักการะพระพุทธมงคล หรือที่ชาวบ้านเรียกพระยืน ที่วัดพุทธมงคล อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม ซึ่งเป็นพระพุทธรูปยืนใต้ต้นโพธิ์ มีลักษณะคล้ายงอกมาจากต้นโพธิ์ นายกฯ กราบนมัสการพระครูปัญญาวุฒิชัย เจ้าอาวาสวัดพุทธมงคล จากนั้นพระครูปัญญาวุฒิชัย ได้มอบพระพุทธรูปปางกันทรวิเชียร ให้กับแก่นายกฯ เพื่อความเป็นสิริมงคล
โดยนายกฯ ได้เล่าเรื่องการลงพื้นที่ครั้งนี้ พร้อมกับบอกว่ารู้สึกเหนื่อย แต่เมื่อเห็นประชาชนมาให้การต้อนรับจำนวนมากก็รู้สึกดีใจ และมีกำลังใจในการทำงาน ซึ่งพระครูปัญญาวุฒิชัย ได้ให้พรว่า ขอให้สมปรารถนาทุกประการ แม้จะเหนื่อยในการทำงาน ก็ขอให้สู้ และอดทนทำงานเพื่อประชาชน เพราะประชาชนเอาใจช่วยอยู่
จากนั้นเวลา 09.30 น.นายกฯ เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ การจัดทำแผนพัฒนา จ.บุรีรัมย์ และมหาสารคาม ที่โรงแรมตักศิลา อ.เมือง จ.มหาสารคาม โดยมอบนโยบายตอนหนึ่งว่า รัฐบาลกำหนดยุทธศาสตร์ประเทศใน 4 ด้าน ทั้งการสร้างรายได้ที่ยั่งยืน แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมและเศรษฐกิจ การเพิ่มปรับปรุงประสิทธิภาพหน่วยงานของรัฐ ซึ่งยุทธศาสตร์ต่างๆ จะต้องขับเคลื่อนจากจังหวัดเป็นจุดเริ่มต้น ดังนั้นอยากให้ทุกจังหวัดวิเคราะห์จุดเด่น และจุดด้อยเพื่อนำไปปรับปรุงต่อยอดเป็นยุทธศาสตร์จังหวัด โดยเฉพาะจุดเด่นต้องนำไปใช้เป็นต้นทุนในการพัฒนาต่อไปสำหรับการสร้างรายได้ที่ยั่งยืน ดังนั้นยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดจึงมีส่วนสำคัญในการร่วมขับเคลื่อนประเทศ จะต้องบูรณาการให้เกิดประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการใช้งบประมาณ นอกจากนี้จะต้องนำยุทธศาสตร์และแผนจากส่วนกลางของประเทศไปบูรณาการร่วมด้วย โดยเฉพาะเอาประโยชน์จากโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท และโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ 2 ล้านล้านบาท มาทำให้เกิดการจ้างงาน จ้างคนในระดับจังหวัด
ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีรับฟังผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 2 จังหวัด และภาคเอกชนในพื้นที่นำเสนอยุทธศาสตร์ต่อที่ประชุม
ซึ่ง จ.มหาสารคามเสนอแผนของจังหวัดขอรับการสนับสนุนงบประมาณกว่า 8,000 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการปรับปรุงเส้นทางคมนาคม 4 เส้นทางงบประมาณ กว่า 4,600 ล้านบาท โครงการป้องกันและบรรเทาอุทกภัยกุดเชียงสา-กุดเชียงบัง โดยชลประทาน และมหาวิทยาลัยมหาสารคามขอรับการสนับสนุนก่อสร้างโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยมหาสารคามงบประมาณกว่า 3,500 ล้านบาท
นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดมหาสารคาม เขต 3 เปิดเผยว่า การลงพื้นที่ของ นายกรัฐมนตรี ในครั้งนี้ จังหวัดได้มีการเตรียมข้อมูลเพื่อนำ เสนอถึงศักยภาพในด้านการคมนาคมขนส่ง โดยเฉพาะจังหวัดมหาสารคามเป็นจังหวัดที่อยู่กึ่งกลาง ได้ชื่อว่าเป็นสะดืออีสาน ที่มีการคมนาคมเชื่อมโยงไปสู่จังหวัดในภูมิภาคต่าง ๆ โดยเส้นทางสำคัญที่เป็นโครงการนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการปรับปรุงเป็นสี่ช่องจราจร ประกอบด้วย เส้นทางจากจังหวัดขอนแก่น-มหาสารคาม , เส้นทางจากอำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม-บุรีรัมย์ เชื่อมต่อไปยังท่าเรือ จังหวัดในภาคตะวันออก ตามเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจ ซึ่งจะสามารถขนส่งสินค้าทางการเกษตร โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิ มันสำปะหลัง และอ้อย ออกไปจำหน่ายยังภูมิภาคอื่นได้สะดวก
ทั้งนี้ โครงการปรับปรุงทางหลวงเพื่อเพิ่มศักยภาพการขนส่งของจังหวัดมหาสารคาม ที่จะนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรีนั้น นายยุทธพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ยังเป็นการรองรับโครงการสร้างทางรถไฟ ตาม พ.ร.บ.ไทยแลนด์ 2020 ที่เชื่อมระหว่างอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น- อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม -มุกดาหาร ด้วย
เวลา 11.15 น. ที่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม(มมส.) จ.มหาสารคาม นางสาวยิ่งลักษณ์ รับฟังการบรรยายสรุปจากอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคามและอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ถึงการจัดยุทธศาสตร์การเป็นศุนย์กลางการศึกษาในภูมิภาคของจังหวัดมหาสารคาม โดยนายกฯ กล่าวเน้นย้ำด้วยว่า ขอให้มหาวิทยาลัยผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพและเป็นไปตามยุทธศาสตร์ที่ตั้งไว้ โดยเน้นการสร้างประโยชน์ สร้างงาน สร้างรายได้ให้กับพื้นที่ โดยให้นำเรื่องอุตสาหกรรมแปรรูปเข้ามาส่งเสริมให้นักศึกษาเป็นเถ้าแก่น้อยให้ได้ และจากนั้นเวลา 12.00น. นายกฯและได้ลงมาพบปะกับนิสิตนักศึกษา 2 มหาวิทยาลัย ที่ด้านล่างของอาคาร คือ มมส.และมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม กว่า100คน โดยเน้นเรื่องกองทุนตั้งตัวได้ ที่รัฐบาลอยากเห็นบัณฑิตที่อยากเป็นเถ้าแก่น้อยในการเริ่มต้นประกอบอาชีพ ซึ่งมหาวิทยาลัยจะมีศูนย์บ่มเพาะ ให้ทุน และเป็นพี่เลี้ยงกับนักศึกษา โดยที่มหาวิทยาลัยและธนาคารจะมีทุนในการให้เงินก้อนแรกในการประกอบกิจการ จึงอยากให้นักศึกษาใช้โอกาสนี้ในการสร้างอนาคตของตัวเอง
ด้านตัวแทนนักศึกษา1 ใน 3 คนได้ ถามถึงเรื่องกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา(กยศ.) ที่จำนวนโควต้าไม่เพียงพอ เพราะปัจจุบันมีโควต้าเพียง 300 ทุน แต่นักศึกษาลงทะเบียนขอกู้ 1 - 2พันคน และขอให้เพิ่มอีก1,000 ทุนได้หรือไม่ และขอถามว่าทุนทำงานระหว่างเรียนซึ่งเมื่อ4-5ปีก่อนมีทุนที่ให้นักศึกษาทำงานในหน่วยงานในสังกัดของมหาวิทยาลัย แต่หลังจากนั้นกองทุนนี้ได้หายไป และจะสานต่อหรือไม่ โดยนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง ตอบคำถามแทนว่า กระทรวงการคลังและกยศ.กำลังจะปฏิรูประบบใหม่ภายในเดือนนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า การเดินทางมาในครั้งนี้ ปรากฏว่ามีรัฐมนตรีเช่น นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายพีรพันธุ์ พาลุสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไม่พบว่ามีนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมคณะมาเดินทางมาด้วย หลังจาดถูกตำหนิเรื่องการโพสต์รูปทานไอศกรีมลงในเฟซบุค.
มีรายงานว่า นายกรัฐมนตรี ใช้รถโฟล์ค ทะเบียน 6114 ,2222 ,3888 ที่ จ.บุรีรัมย์ ขณะที่ใช้รถทะเบียน 2222 ที่ จ.มหาสารคาม
ส่วนภารกิจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในการลงพื้นที่ จ.มหาสารคาม เวลา 08.40 น. เดินทางมาสักการะพระพุทธมงคล หรือที่ชาวบ้านเรียกพระยืน ที่วัดพุทธมงคล อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม ซึ่งเป็นพระพุทธรูปยืนใต้ต้นโพธิ์ มีลักษณะคล้ายงอกมาจากต้นโพธิ์ นายกฯ กราบนมัสการพระครูปัญญาวุฒิชัย เจ้าอาวาสวัดพุทธมงคล จากนั้นพระครูปัญญาวุฒิชัย ได้มอบพระพุทธรูปปางกันทรวิเชียร ให้กับแก่นายกฯ เพื่อความเป็นสิริมงคล
โดยนายกฯ ได้เล่าเรื่องการลงพื้นที่ครั้งนี้ พร้อมกับบอกว่ารู้สึกเหนื่อย แต่เมื่อเห็นประชาชนมาให้การต้อนรับจำนวนมากก็รู้สึกดีใจ และมีกำลังใจในการทำงาน ซึ่งพระครูปัญญาวุฒิชัย ได้ให้พรว่า ขอให้สมปรารถนาทุกประการ แม้จะเหนื่อยในการทำงาน ก็ขอให้สู้ และอดทนทำงานเพื่อประชาชน เพราะประชาชนเอาใจช่วยอยู่
จากนั้นเวลา 09.30 น.นายกฯ เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ การจัดทำแผนพัฒนา จ.บุรีรัมย์ และมหาสารคาม ที่โรงแรมตักศิลา อ.เมือง จ.มหาสารคาม โดยมอบนโยบายตอนหนึ่งว่า รัฐบาลกำหนดยุทธศาสตร์ประเทศใน 4 ด้าน ทั้งการสร้างรายได้ที่ยั่งยืน แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมและเศรษฐกิจ การเพิ่มปรับปรุงประสิทธิภาพหน่วยงานของรัฐ ซึ่งยุทธศาสตร์ต่างๆ จะต้องขับเคลื่อนจากจังหวัดเป็นจุดเริ่มต้น ดังนั้นอยากให้ทุกจังหวัดวิเคราะห์จุดเด่น และจุดด้อยเพื่อนำไปปรับปรุงต่อยอดเป็นยุทธศาสตร์จังหวัด โดยเฉพาะจุดเด่นต้องนำไปใช้เป็นต้นทุนในการพัฒนาต่อไปสำหรับการสร้างรายได้ที่ยั่งยืน ดังนั้นยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดจึงมีส่วนสำคัญในการร่วมขับเคลื่อนประเทศ จะต้องบูรณาการให้เกิดประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการใช้งบประมาณ นอกจากนี้จะต้องนำยุทธศาสตร์และแผนจากส่วนกลางของประเทศไปบูรณาการร่วมด้วย โดยเฉพาะเอาประโยชน์จากโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท และโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ 2 ล้านล้านบาท มาทำให้เกิดการจ้างงาน จ้างคนในระดับจังหวัด
ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีรับฟังผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 2 จังหวัด และภาคเอกชนในพื้นที่นำเสนอยุทธศาสตร์ต่อที่ประชุม
ซึ่ง จ.มหาสารคามเสนอแผนของจังหวัดขอรับการสนับสนุนงบประมาณกว่า 8,000 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการปรับปรุงเส้นทางคมนาคม 4 เส้นทางงบประมาณ กว่า 4,600 ล้านบาท โครงการป้องกันและบรรเทาอุทกภัยกุดเชียงสา-กุดเชียงบัง โดยชลประทาน และมหาวิทยาลัยมหาสารคามขอรับการสนับสนุนก่อสร้างโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยมหาสารคามงบประมาณกว่า 3,500 ล้านบาท
นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดมหาสารคาม เขต 3 เปิดเผยว่า การลงพื้นที่ของ นายกรัฐมนตรี ในครั้งนี้ จังหวัดได้มีการเตรียมข้อมูลเพื่อนำ เสนอถึงศักยภาพในด้านการคมนาคมขนส่ง โดยเฉพาะจังหวัดมหาสารคามเป็นจังหวัดที่อยู่กึ่งกลาง ได้ชื่อว่าเป็นสะดืออีสาน ที่มีการคมนาคมเชื่อมโยงไปสู่จังหวัดในภูมิภาคต่าง ๆ โดยเส้นทางสำคัญที่เป็นโครงการนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการปรับปรุงเป็นสี่ช่องจราจร ประกอบด้วย เส้นทางจากจังหวัดขอนแก่น-มหาสารคาม , เส้นทางจากอำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม-บุรีรัมย์ เชื่อมต่อไปยังท่าเรือ จังหวัดในภาคตะวันออก ตามเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจ ซึ่งจะสามารถขนส่งสินค้าทางการเกษตร โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิ มันสำปะหลัง และอ้อย ออกไปจำหน่ายยังภูมิภาคอื่นได้สะดวก
ทั้งนี้ โครงการปรับปรุงทางหลวงเพื่อเพิ่มศักยภาพการขนส่งของจังหวัดมหาสารคาม ที่จะนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรีนั้น นายยุทธพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ยังเป็นการรองรับโครงการสร้างทางรถไฟ ตาม พ.ร.บ.ไทยแลนด์ 2020 ที่เชื่อมระหว่างอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น- อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม -มุกดาหาร ด้วย
เวลา 11.15 น. ที่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม(มมส.) จ.มหาสารคาม นางสาวยิ่งลักษณ์ รับฟังการบรรยายสรุปจากอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคามและอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ถึงการจัดยุทธศาสตร์การเป็นศุนย์กลางการศึกษาในภูมิภาคของจังหวัดมหาสารคาม โดยนายกฯ กล่าวเน้นย้ำด้วยว่า ขอให้มหาวิทยาลัยผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพและเป็นไปตามยุทธศาสตร์ที่ตั้งไว้ โดยเน้นการสร้างประโยชน์ สร้างงาน สร้างรายได้ให้กับพื้นที่ โดยให้นำเรื่องอุตสาหกรรมแปรรูปเข้ามาส่งเสริมให้นักศึกษาเป็นเถ้าแก่น้อยให้ได้ และจากนั้นเวลา 12.00น. นายกฯและได้ลงมาพบปะกับนิสิตนักศึกษา 2 มหาวิทยาลัย ที่ด้านล่างของอาคาร คือ มมส.และมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม กว่า100คน โดยเน้นเรื่องกองทุนตั้งตัวได้ ที่รัฐบาลอยากเห็นบัณฑิตที่อยากเป็นเถ้าแก่น้อยในการเริ่มต้นประกอบอาชีพ ซึ่งมหาวิทยาลัยจะมีศูนย์บ่มเพาะ ให้ทุน และเป็นพี่เลี้ยงกับนักศึกษา โดยที่มหาวิทยาลัยและธนาคารจะมีทุนในการให้เงินก้อนแรกในการประกอบกิจการ จึงอยากให้นักศึกษาใช้โอกาสนี้ในการสร้างอนาคตของตัวเอง
ด้านตัวแทนนักศึกษา1 ใน 3 คนได้ ถามถึงเรื่องกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา(กยศ.) ที่จำนวนโควต้าไม่เพียงพอ เพราะปัจจุบันมีโควต้าเพียง 300 ทุน แต่นักศึกษาลงทะเบียนขอกู้ 1 - 2พันคน และขอให้เพิ่มอีก1,000 ทุนได้หรือไม่ และขอถามว่าทุนทำงานระหว่างเรียนซึ่งเมื่อ4-5ปีก่อนมีทุนที่ให้นักศึกษาทำงานในหน่วยงานในสังกัดของมหาวิทยาลัย แต่หลังจากนั้นกองทุนนี้ได้หายไป และจะสานต่อหรือไม่ โดยนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง ตอบคำถามแทนว่า กระทรวงการคลังและกยศ.กำลังจะปฏิรูประบบใหม่ภายในเดือนนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า การเดินทางมาในครั้งนี้ ปรากฏว่ามีรัฐมนตรีเช่น นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายพีรพันธุ์ พาลุสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไม่พบว่ามีนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมคณะมาเดินทางมาด้วย หลังจาดถูกตำหนิเรื่องการโพสต์รูปทานไอศกรีมลงในเฟซบุค.