นายกฯ และ รมว.กห.เปิดโครงการบัตรสินเชื่อชาวนา 2 ล้านใบ หวังจัดหาปัจจัยการผลิตที่มีคุณภาพ ลั่นเฟส 2 แจกเกษตรกรอื่นๆ รูดได้ทั่วไทย พ่วงประกันสุขภาพฟรี ก่อนบินดูเกษตรโซนนิง ชาวมันสำปะหลังหลั่งน้ำตาขอช่วยรับซื้อด่วน เจ้าตัวสั่งเกษตรดูแหล่งน้ำ โวกู้ 2 ล้านล้านถิ่นเนวินได้แน่ ชมชาวโคกกลางรอรับกลางฝน นั่ง ฮ.ไปต่อมหาสารคาม
วันนี้ (14 ก.ค.) ที่โรงเรียนบ้านโนนศิลา ต.ถลุงเหล็ก อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เมื่อเวลา 12.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ และ รมว.กลาโหม พร้อมคณะได้เดินทางเปิดโครงการบัตรสินเชื่อเกษตรกร และมอบบัตรสินเชื่อเกษตรกร ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ระยะ 2 จำนวน 2 ล้านบัตร วงเงิน 57 ล้านบาท มีเกษตรกรพื้นที่อีสานตอนล่างกว่า 15,000 คนร่วมงาน โดยนายกฯ กล่าวว่าโครงการบัตรสินเชื่อเกษตรกรเป็นนโยบายที่รัฐบาลต้องการสนับสนุนให้เกษตรกรสามารถจัดหาปัจจัยการผลิตทางการเกษตรที่มีคุณภาพ เช่น เมล็ดพันธุ์ข้าว ปุ๋ย ยาปราบศัตรูพืช และราคาที่เป็นธรรม เพื่อลดต้นทุนการผลิต แบ่งเบาภาระเกษตรกร เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้สะดวก จากระยะแรกที่ได้จัดทำสินเชื่อ 2 ล้านบัตรแล้วให้แก่เกษตรกรที่ปลูกข้าว ส่วนระยะที่ 2 ได้ให้กับเกษตรกรทุกอาชีพ ที่ปลูกยางพารา อ้อย ข้าวโพด มันสำปะหลัง รวมถึงอาชีพประมง ปศุสัตว์ และมีแผนการขยายร้านค้าที่ให้บริการรับบัตรให้ครอบคลุมทุกตำบล ไม่ต่ำกว่า 10,000 ร้านค้าทั่วประเทศ โดยมีสถานีบริการน้ำมัน ปตท.และบางจาก เข้าร่วมโครงการ และให้ผู้ถือบัตรได้รับการประกันสุขภาพและอุบัติเหตุฟรี
ต่อมาเวลา 17.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ต่อไปยังวัดพัฒนวนาราม ต.โคกกลาง อ.ลำปลายมาศ โดยได้ดูพื้นที่เกษตรโซนนิง ที่ได้เริ่มเป็นแห่งแรกของภาคอีสาน ตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งได้ปลูกข้าวนาปี อ้อย และมันสำปะหลัง ซึ่งเหมาะสมกับพื้นที่ที่มีน้ำน้อย จากนั้นรับฟังการบรรยายสรุปโครงการบริหารจัดการข้าวหอมมะลิอินทรีย์ ตามจุดยืนทางยุทธศาสตร์ของ จ.บุรีรัมย์ ด้านการส่งเสริมการผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัย และร่วมเสวนา “ข้าวอินทรีย์สู่สากล” โดยมีผู้เข้าร่วมเสวนา อาทิ ประธานสภาเกษตรกร จ.บุรีรัมย์ ผู้แทนโรงสีข้าว เกษตรจังหวัด ซึ่งตัวแทนเกษตรกร ได้เรียกร้องทั้งน้ำตาให้รัฐบาลดูแลเกษตกร และสร้างโรงแป้งมันสำปะหลังในจังหวัด เพื่อแปรรูปและรับซื้อผลผลิตจากชาวบ้าน
โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าว เพื่อลดต้นทุนการขนส่งให้ชาวบ้าน โดยมอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดไปดำเนินการ รัฐบาลเห็นว่าการทำเกษตรโซนนิงเป็นเรื่องที่ดี และควรจะขยายนโยบายนี้ ขณะเดียวกันในระยะยาวขอมอบให้กระทรวงเกษตรฯ และ กบอ.ช่วยแก้ไขปัญหาแหล่งน้ำให้ชาวบ้านด้วย ทั้งนี้หากโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ 2 ล้านล้านบาทแล้วเสร็จ ทาง จ.บุรีรัมย์ ก็ได้รับประโยชน์ด้วย เพราะมีรถไฟรางคู่เชื่อมจากโคราช มาถึงบุรีรัมย์ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการขนส่งผลผลิตทางการเกษตรได้อีกทางหนึ่ง
จากนั้น นายกรัฐมนตรี เดินทางไปพบปะประชาชนจำนวนมาก ที่ทำการ อบต.โคกกลาง โดยได้ปราศรัยท่ามกลางฝนที่ตกลงมาอย่างหนักว่า ขอบคุณที่ยังอยู่รอฟัง แม้ฝนจะตกหนัก รัฐบาลยืนยันจะร่วมกับจังหวัด ทำงานอย่างเต็มที่เพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และกินดีอยู่ดี
หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรี เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ไปยัง บึงกุย อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม เพื่อรับฟังภาพรวมแผนยุทธศาสตร์ของ จ.มหาสารคาม การพัฒนาเส้นทางคมนาคมเชื่อมโยงระเบียงเศรษฐกิจอาเซียน ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 208 (เส้นทาง อ.เมือง จ.มหาสารคาม - ต.ท่าพระ อ.เมือง จ.ขอนแก่น) และเยี่ยมชมจุดชมวิวบนชั้น 4 อาคารแปดเหลี่ยม และเปิดป้ายบึงกุยสะดืออีสาน ก่อนพบปะมวลชน และเข้าพักค้างคืนที่โรงแรมตักศิลา อ.เมือง จ.มหาสารคาม