xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“เป็ดเหลิม” สาวไส้ “ไอ้ทวี” แน่นอก “อดคุมตำรวจ-มั่นคง” ลดชั้นนั่ง รมว.จับกัง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-เกิดอาการเมนส์มาขึ้นมาทีเดียว สำหรับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่ถูกนายใหญ่แห่งดูไบ ลดชั้นจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ให้ไปนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน งานนี้ทำเอาเป็ดเหลิมออกอาการหัวเสียเป็นการใหญ่ เพราะตัวของเป็ดเหลิมเองก็ได้ส่งสัญญาณความไม่พอใจออกมาชัดเจน ตั้งแต่ได้ยินข่าวร้ายดังกล่าวของตัวเอง เจ้าตัวถึงกับเปรยแบบน้อยอกน้อยใจด้วยว่า “ขาดฉันแล้วเธอจะรู้สึก...”

อาการงอนยกแรกของเป็ดเหลิมคือการดื้อแพ่ง ไม่เดินทางไปร่วมถ่ายภาพหมู่กับคณะรัฐมนตรีใหม่ที่ได้รับโปรดเกล้าฯ บริเวณหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ตามมาด้วยไม่เข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยอ้างว่าลากิจเพื่อไปตรวจสุขภาพ

ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นมองได้ว่าเป็นการประท้วงที่ถูกนายใหญ่ลดเกรดให้มาคุมแค่กระทรวงแรงงาน ซึ่งคนที่เคยนั่งเก้าอี้สำคัญมาอย่างโชกโชนอย่างเป็ด เหลิมด้วยแล้ว ย่อมรู้ซึ้งดีว่าอะไรเป็นอะไร เพราะการเป็นรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลสำนักงานแห่งชาตินั้น ทำให้เป็ดเหลิมมีอำนาจใหญ่คับบ้านคับเมือง ต่างจากการเป็นรมว.จับกัง ซึ่งถือว่า เกรดห่างชั้นกันมาก

แน่นอน เมื่อสูญเสียอำนาจและควบคุมสติของตัวเองไม่ได้ เป็ดเหลิมจึงตอบโต้กับด้วยการออกมาาสาวไส้และแฉขบวนการเจาะยาง ชนิดที่ให้เห็นตัวละครหมดไส้หมดเปลือกหลังจากสับขาหลอกโบ้ยตีกินว่าเป็นอิทธิพลของกลุ่มทุนล้มรัฐบาลที่ทำให้ตัวเองตกเก้าอี้รองนายกฯอันดับหนึ่ง แต่แล้วก็สะกดอารมณ์ไม่อยู่ จัดชุดใหญ่เปิดหน้าจวก “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ถึงขั้นให้เรียกในที่สาธารณะว่า “ไอ้วี” กันเลยทีเดียวทั้งที่สัปดาห์เวลาพูดถึง คำก็ “บิ๊กวี” สองคำก็ “บิ๊กวี” อยู่แท้ๆ เรียกว่ากลับลำหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว

“ไอ้ทวีจะไม่ให้เกียรติผมก็ได้ แต่ต้องให้เกียรติคณะทำงานด้วย แต่หากคุณไม่พอใจผม ก็ไปวิ่งเต้นโยกย้ายผมเลย สุดท้ายไอ้ทวี มันก็ทำได้ มันเอาความเท็จไปฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ และยิ่งลักษณ์ จนเป็นที่มาของการปรับ ครม.ให้ผมออกจากเก้าอี้ แล้วเอา พล.ต.อ.ประชา มาแทน เพราะไอ้ทวี เป็นคนไปฟ้องว่า ไอ้เฉลิมเป็นคนตั้งบ่อน ตำรวจก็ไม่พอใจ นักข่าวที่สนิทกันก็มาถาม ผมก็ไม่แก้ตัว แต่ให้มึงไปถาม ผบ.ตร. ถาม ผบช.น. หรือ ผบก.ภ.จว.ว่า ผมเปิดบ่อนจริงหรือไม่ ผมขอสาปแช่งเลยว่า ใครเอาเรื่องนี้มาใส่ร้ายผม ขอให้มันฉิบหายเจ็ดชั่วโคตร”

นั่นเป็นประโยคอันเกี้ยวกราดที่เป็ดเหลิมส่งตรงไปถึง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง

ยิ่งไปกว่านั้น “สารวัตรเหลิม” ยังฉุนอย่างมาก ที่ทั้งพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง และพล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาสมช. ไม่เคยรายงานความคืบหน้าการพูดคุยสันติภาพกับ “กลุ่มบีอาร์เอ็น” ให้ฟังเลยแม้แต่น้อย ซึ่งข้อมูลที่พอรู้บ้างว่าคุยอะไรกัน ส่วนใหญ่จะมาจาก สันติบาล มากกว่า ไม่ได้รู้จากปากของคู่หู ทวี-แมว ซึ่งนั้นก็หมายความว่าการทำงานดูจะไม่ได้เป็นเอกภาพเลยด้วยซ้ำ ในสายตา นายใหญ่ดูไบหากเป็ดเหลิมยังนั่งควบเก้าอี้รองนายกฯอยู่

ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากผลประเมินพบว่า ประเด็นที่กลายเป็นชนวนเหตุให้ต้องปรับ เป็ดเหลิม ออกจากเก้าอี้รองนายกฯมีหลายประเด็นด้วยกัน

เริ่มจากล้มเหลวในงานด้านความมั่นคง โดยเฉพาะกรณีการแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แกนนำในพรรคเพื่อไทยมองว่า ร.ต.อ.เฉลิม มีภารกิจที่ต้องรับผิดชอบชัดเจนแต่กลับไม่ทำ พยายามชักเข้าชักออก โดยเฉพาะการเดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เอากันตามตรงยังลงไปน้อยกว่านายกรัฐมนตรีด้วยซ้ำ กระทั่งไม่ได้รับการยอมรับจากทีมงาน ซึ่งข้อนี้ก็เห็นๆกันอยู่ว่า เป็ดเหลิมเอาจริงเอาจังกับปัญหาภาคใต้มากแค่ไหน

อีกเรื่องก็คือ ตัวเป็ดเหลิมเองนั้น ทีมงานดับไฟใต้ก็หาได้ฟังคำสั่งเป็ดเหลิมไม่ โดยเฉพาะเรื่องเจรจากับกลุ่มบีอาร์เอ็น ทำให้เป็ดเหลิมต้องสร้างอาณาจักรของตัวเองขึ้นมา ด้วยการดึงคนใกล้ชิดหลายๆ คนเข้าไปมีตำแหน่งแห่งหนใน “ศปก.กปต.” หรือศูนย์ปฏิบัติการคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ตนเองเป็นผู้อำนวยการ (ผอ.)

เริ่มจากอดีตรองผบ.ตร.ที่สนิทแนบแน่นกันมานานอย่าง พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ตามด้วย นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ อดีตแกนนำคนเสื้อแดง ที่ได้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายประชา ประสพดี รมช.มหาดไทย ที่มาในโควตากระทรวงมหาดไทย หนึ่งในหน่วยงานหลักของ ศปก.กปต. แต่ที่เจ้าตัวพลาดแบบเต็มๆ คือการไปตั้ง พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รองผบ.ทบ. เข้าไปเป็นผู้ช่วย ผอ.ศปก.กปต. ทั้งๆ ที่ พล.อ.ดาว์พงษ์ ไม่ต่างอะไรกับของแสลงของคนเสื้อแดง งานนี้ทำให้หลายฝ่ายไม่พอใจเป็ดเหลิม

ความเห็นต่างกันระหว่าง ร.ต.อ.เฉลิม กับ พ.ต.อ.ทวี มีมาตลอด บางครั้งข้อมูลบางเรื่องก็ไม่มีการรายงานให้สารวัตรเหลิมรู้ เพราะมีหลายครั้งที่สารวัตรเหลิมให้สัมภาษณ์เห็นต่างกับทีมที่ไปพูดคุยสันติภาพจนมีการตอบโต้กันใน “ศูนย์ปฏิบัติการคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้”(ผอ.ศปก.กปต.) ถึงขั้นสารวัตรเหลิมหลุดปากในที่ประชุมว่า “ถ้าทำงานแบบนี้ย้ายผมออกเลย”

มาถึงขณะนี้คงไม่ต้องบอกว่า นายใหญ่แห่งดูไบคงจะถือหางฝั่ง พ.ต.อ.ทวีมากกว่าในเรื่องการยกหน้าที่เดินหน้าแก้ปัญหาความไม่สงบ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และนายใหญ่ มั่นใจว่า พ.ต.อ.ทวี จะช่วยในการดีลทางลับกับกลุ่มบีอาร์เอ็นและมาเลเซีย ได้ดีกว่าเป็ดเหลิมอย่างไม่ต้องสงสัย

นอกจากนี้ ปมปัญหาของเป็ดเหลิมยังไม่หมดแค่นั้น

แม้แต่การบริหารงานในส่วนที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายใหญ่แห่งดูไบไม่ค่อยจะพอใจการขยายฐานอำนาจในแวดวงสีกากีของเป็ดเหลิมเท่าใดนัก เพราะด้วยนิสัยของเป็ดเหลิมด้วยแล้ว ไม่แปลกที่จะทำให้ตำรวจน้อยใหญ่ต่างวิ่งเข้าหา ทำให้นายใหญ่ดูไบต้องรีบตัดทอนอำนาจลง เพราะหากปล่อยไว้นาน จนสามารถจับกุมก้อนอย่างเหนี่ยวแน่น พลังการต่อรองเรื่องต่างๆ ก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ซึ่งจุดนี้นายใหญ่แห่งดูไบก็น่าจะทราบดีและต้องตัดไฟแต่ต้นลม

แถมยังปฏิเสธไม่ได้ว่าปากของเป็ดเหลิมนั้น ได้เป็นตัวเรียกแขก หาเหาใส่หัวให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ไม่เว้นวัน มีการแสดงความเห็นหลายๆ ครั้งที่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาล โดยเฉพาะการสร้างปัญหาทางการเมือง เช่น การให้สัมภาษณ์เรื่องกลุ่มที่จ้องโค่นล้มรัฐบาล หรือการให้สัมภาษณ์ชี้นำคดีอุ้มฆ่า นายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจและนักเคลื่อนไหวทางการเมืองชื่อดัง จนทำให้ไม่มีใครเชื่อตำรวจ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก แถมคดียังถูกโยงไปถึงฝ่ายการเมือง ส่งผลต่อภาพลบต่อรัฐบาล

ด้วยเหตุผลทั้งหลายทั้งปวงที่กล่าวมาก็เพียงพอแล้วที่นายใหญ่แห่งดูไบจะมีใบสั่งให้เป็ดเหลิมระเห็จออกจากตำแหน่งในฝันของเป็ดเหลิม

อย่างไรก็ตาม เมื่อหันมามองตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีที่เป็ดเหลิมต้องเสียไปเปรียบเทียบคนที่มารับไม้ต่อก็คือ “พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก” ก็ยิ่งเห็นนัยชัดเจน เพราะกล่าวสำหรับพล.ต.อ.ประชานั้นมีความใกล้ชิดกับ นช.ทักษิณเป็นอย่างมาก ซึ่งการเลือกอินทรีอีสานมาดูแลงานตำรวจหนึ่งในหน่วยกลไกสำคัญ เบื้องต้นคงเป็นเพราะพล.ต.อ.ประชา น่าจะเหมาะกับเนื้องานความมั่นคงสายตำรวจ เคยเป็นอดีตอธิบดีกรมตำรวจ(อ.ตร.) คนสุดท้าย และอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) คนแรกของกรมปทุมวัน ซึ่งน่าจะทำให้เข้ากันได้ง่ายกับตำรวจในปัจจุบัน โดยเฉพาะกับพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ซึ่งเคยเป็นลูกน้องเก่าพล.ต.อ.ประชา ทำให้การประสานการทำงานร่วมกันคล่องตัว ไม่ว่าจะเป็นหน้างานบังคับใช้กฎหมาย หรือการแต่งตั้งโยกย้าย

การเข้ามาของ พล.ต.อ.ประชา ในฐานะฝ่ายการเมืองกำกับ ตร. ครั้งนี้ ถูกคาดการณ์ว่า จะทำให้ภาพของตำรวจเปลี่ยนไปจากห้วง 2 ปีที่ผ่านมา ด้วยบุคลิก
ส่วนตัวของ พล.ต.อ.ประชา นิ่ง สุขุม ลึก สอดคล้องเข้าขากับบุคลิกของ พล.ต.อ.อดุลย์ ผบ.ตร.คนปัจจุบัน และน่าจะเป็นการทำงานด้วยความคล่องตัวกว่าในยุคของ สารวัตรเฉลิม

ขณะเดียวกัน ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ จากนี้ไปให้จับตาอาการอกหักของสารวัตรเหลิม โดยเฉพาะในสภาที่จะเปิดประชุมในวันที่ 1 สิงหาคม มีกฎหมายสำคัญเตรียมเข้าสู่การพิจารณาหลายฉบับ ทั้งเรื่อง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม, พ.ร.บ.ปรองดอง แรงจูงใจในการผลักดันกฎหมายที่ สารวัตรเหลิมเคยเป็นตัวตั้งตัวตี เพื่อนำทักษิณกลับบ้านแบบเท่ๆ จะยังคงอยู่ในอุดมการณ์เหมือนเดิมหรือไม่

ภาพองครักษ์พิทักษ์ยิ่งลักษณ์ในสภาฯ สารวัตรเหลิมจะยังคงออกหน้าปกป้องให้อยู่หรือไม่ เพราะบัดนี้การเป็นรองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และดูแลความมั่นคง ตำแหน่งในฝันของสารวัตรเหลิมได้หมดลงไปแล้ว

และถ้าจะคาดเดาความเป็นยี่ห้อเป็ดเหลิมที่ถูกแทงหลังครั้งนี้คงเจ็บถึงทรวง ก็คาดการณ์ได้ว่า เป็ดเหลิมเองคงจะทำตัวโลว์โปรไฟล์ งดออกหน้าเป็นหนังหน้าไฟให้รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปอีกนาน เรียกว่าเป็ดเหลิมไม่ออกมาซัดคนในรัฐบาลกันเองน่าจะเป็นบุญโขของรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ด้วยซ้ำไป


กำลังโหลดความคิดเห็น