xs
xsm
sm
md
lg

ชงรีดภาษีมือถือ-น้ำดำเข้าประกันสุขภาพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - นักวิชาการเสนอหากระเป๋าเงินใบให้ระบบประกันสุขภาพ เล็งเก็บภาษี "ค่ายมือถือ-ค่ายสัญญาณโทรศัพท์-น้ำอัดลม-ฟาสต์ฟูด" จากผู้ประกอบการ หวังสำรองป้องกันเหตุฉุกเฉินรัฐถังแตก

วานนี้ (1 ก.ค.) ที่มูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) นพ.ภูษิต ประคองสาย ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ(IHPP) กล่าวในการเสวนาสาธารณะ เรื่อง "คิดใหม่ระบบหลักประกันสุขภาพของไทย" ว่า การคิดใหม่ในเรื่องระบบประกันสุขภาพของไทยอาจเน้นใน 3 เรื่องหลัก คือ 1.ศึกษาความเป็นได้ในการหาแหล่งการคลังสุขภาพอื่นๆ เพื่อใช้ในระบบหลักประกันสุขภาพ อาทิ การเก็บภาษีธุรกรรมจากตลาดหลักทรัพย์ การเก็บภาษีจากอาหารที่ทำลายสุขภาพ เช่น น้ำอัดลม ฟาสต์ฟูด นอกจากนี้ อาจต้องทำการศึกษาความเป็นไปได้ในการเก็บภาษีจากการเดินทางโดยเครื่องบิน หรือการบริโภคสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น โทรศัพท์มือถือ หรือโทรคมนาคม โดยเป็นการเก็บจากผู้ประกอบกิจการไม่ใช่ผู้ใช้บริการ

2.ภาระโรคและสภาพการเจ็บป่วยของคนไทย โดยทิศทางการเจ็บป่วยจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรังและอุบัติเหตุเพิ่มมากขึ้น ขณะที่อัตราประชากรผู้สูงอายุก็สูงขึ้นเช่นกัน องค์กรประกันสุขภาพจึงต้องลงทุนในด้านการสร้างเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค ทั้งโรคติดต่อและโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง รวมทั้ง การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้ประชาชนทุกกลุ่มมีคุณภาพชีวิตที่ดี และ 3.พัฒนานโยบายหลักประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าวมากขึ้น เพราะปี 2555 กลุ่มคนเหล่านี้ยังไม่มีหลักประกันฯ อีกกว่า 2 ล้านคน แต่โรงพยาบาลของรัฐต้องให้บริการรักษาพยาบาล จนก่อภาระทางการเงินให้กับโรงพยาบาลหลายแห่ง โดยเฉพาะตามชายแดนและในจังหวัดที่มีแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก

"การหาแหล่งคลังใหม่ในเรื่องของการเก็บภาษีนั้น ควรระบุให้ชัดเจนว่านำมาใช้ในระบบหลักประกันสุขภาพ เหมือนกับที่มีการระบุว่านำภาษีเหล้า บุหรี่มาใช้เป็นกองทุนการสร้างเสริมสุขภาพ แทนที่จะใช้แหล่งเงินจากภาษีทั่วไปอย่างเดียว เพื่อที่ในอนาคตหากมีวิกฤติเศรษฐกิจหรือรายได้ของรัฐไม่เพียงพอ จะได้ไม่ต้องเกิดปัญหากับการคลังของระบบหลักประกันสุขภาพ" นพ.ภูษิต กล่าว

ดร.เดือนเด่น นิคมบริรักษ์ ผอ.วิจัยด้านการบริหารจัดการระบบเศรษฐกิจ ทีดีอาร์ไอ กล่าวว่า การลดความเหลื่อมล้ำของระบบหลักประกันสุขภาพไทยคือ ต้องมีระบบประกันสุขภาพระบบเดียว โดยไม่จำเป็นต้องรวม 3 กองทุน โดยให้ สปสช.เป็นแกนหลักในการพัฒนาระบบ จัดชุดสิทธิประโยชน์กลางที่เหมือนกันในทุกกองทุน แต่หากกองทุนใดต้องการให้สิทธิประโยชน์เพิ่ม ก็ให้ดำเนินการโดยระบุเป็นเงื่อนไขสิทธิพิเศษ (add ons) โดยทุกกองทุนจ่ายเงินด้านสุขภาพให้ สปสช.เป็นผู้บริหารจัดการ ส่วนการร่วมจ่ายของผู้ป่วย (co-payment) ถ้าเป็นระบบงบประมาณปลายปิดอย่างหลักประกันสุขภาพฯ หรือประกันสังคมไม่มีความจำเป็น เพราะไม่ได้ช่วยเรื่องการเงิน

นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ เลขาธิการมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ (มสช.) กล่าวว่า การออกแบบระบบประกันสุขภาพที่ดี ควรเน้นการพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิให้เข้มแข็ง ต้องทำให้ทั้ง 3 กองทุนเห็นตรงกันว่าการให้ประชาชนไปใช้บริการที่สถานพยาบาลปฐมภูมิก่อนไปสถานพยาบาลใหญ่ๆเป็นสิ่งสำคัญ และทั้ง 3 กองทุนจะต้องหาวิธีจ่ายเงินช่วยให้หน่วยบริการปฐมภูมิเข้มแข็ง เช่น การจ่ายงบประมาณให้หน่วยบริการต้องเอื้อให้เกิดนวัตกรรมการดูแลประชาชน จากนั้นพัฒนาระบบการส่งต่อ ที่เป็นเครือข่ายและยอมรับว่าจะรับส่งต่อภายใต้กติกาการเงินที่เหมือนกันทุกกองทุน ที่สำคัญ หน่วยบริการปฐมภูมิต้องมีทั้งภาครัฐและเอกชน ไม่ใช่ผูกขาดโดยกระทรวงสาธารณสุข
กำลังโหลดความคิดเห็น