xs
xsm
sm
md
lg

พิรุธ!เพื่อไทยแก้เกมกู้เงินไม่ผ่าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (25 มิ.ย.) ที่รัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงกรณีที่นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาคนที่ 1 เปิดเผยปฏิทินการประชุมสภาสมัยสามัญทั่วไป ในเดือนสิงหาคมนี้ว่า จะนำร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ขึ้นมาพิจารณาทันที แต่ในวาระการประชุมต้องพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย (พท.) ซึ่งถูกเลื่อนขึ้นมาเป็นอันดับแรก ดังนั้น การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทเป็นลำดับแรก ทำให้มองได้ว่ารัฐบาลกลัวว่าหากพิจารณากฎหมายนิรโทษกรรมก่อน อาจนำไปสู่อุบัติเหตุทางการเมืองได้ สุดท้ายก็ไม่ได้กู้เงิน หลายคนกังวลว่าจะเป็นการกู้มาโกง และเริ่มมีกลิ่นว่าจะมีการแบ่งเค้กชิ้นเล็กๆ ให้กับ ส.ส.บางส่วน ถ้าเป็นจริงขอความกรุณาอย่าทำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุที่ประธานวิปฝ่ายค้านพูดถึง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เพราะมีรายงานข่าวเข้ามาว่า มีการพยายามตกลงกันนอกรอบว่าจะให้ ส.ส.ที่เป็นกรรมาธิการ (กมธ.) ทุกพรรครวมทั้งฝ่ายค้านด้วย มีสิทธิที่จะตั้งงบในส่วนที่เป็นโครงการในพื้นที่ 1-3 โครงการที่เกี่ยวข้องกับระบบการคมนาคม ในวงเงินรายละไม่เกิน 100 ล้านบาท ซึ่งหาก กมธ.คนใดมีกิจการรับเหมาเอง ก็จะได้กำไรเต็มเม็ดเต็มหน่วยไม่เกิน 30% หรือ 30 ล้านบาทขึ้นไป หรือไม่ก็สามารถไปบอกผู้รับเหมาในพื้นที่ว่าเป็นโครงการที่ตนเสนอ และสามารถมารับงานได้โดยถูกต้อง เพื่อกินส่วนแบ่งค่าหัวคิว ข้อเสนอนี้กระทำขึ้นเพื่อหวังให้ พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทดังกล่าวผ่านการพิจารณาได้สะดวกขึ้น ทั้งนี้ กมธ.ทั้งสิ้น 30 กว่าคนเท่ากับผันงบในส่วนนี้ประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยเฉพาะสัดส่วนของ กมธ.พรรคประชาธิปัตย์จะได้ช่วยสนับสนุน โดยอาจไม่มีการสงวนความเห็นต่างมากมายนัก เพื่อให้ พ.ร.บ.กู้เงินผ่านได้ง่ายขึ้น นายจุรินทร์จึงมีการแถลงข่าวเพื่อปรามไม่ให้คนของฝ่ายค้านไปร่วมในกรณีดังกล่าว มิเช่นนั้นอาจถูกแฉร่วมกระบวนการด้วย
ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ครม.มีมติแต่งตั้ง นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะทำงานประเมินผลเพื่อศึกษาการดำเนินการภายใต้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 (ไทยเข้มแข็ง) โดยมี นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นคณะทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่จากสำนักงบประมาณ และ กรมบัญชีกลาง เพื่อประเมินผลโครงการไทยเข้มแข็งว่ามีโครงการอะไรดำเนินการไปแล้วบ้าง และก่อประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมอะไรบ้าง
มีการตั้งคำถามว่าเหตุใด โครงการตามพ.ร.ก. ไทยเข้มเข็ง เต็มไปด้วยปัญหาในรูปแบบต่างๆ ทั้งผู้รับเหมาละทิ้งโครงการ การยกเลิกโครงการ การปรับแบบก่อสร้าง ทำให้ต้องขอเพิ่มวงเงินงบประมาณในภายหลัง เช่น การเสนอตั้งศูนย์ประชุมนานาชาติ ที่ จ.ภูเก็ต สมัยรัฐบาลที่ผ่านมา สุดท้ายก็ไม่ผ่านการประเมิน ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) เนื่องจากพื้นที่ก่อสร้าง เป็นพื้นที่วางไข่ของเต่าทะเล ทำให้ต้องยกเลิกโครงการไป รวมถึงโครงการอื่นๆ ที่ ครม. ต้องอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติม อาทิ การขอเปลี่ยนแปลงวงเงินโครงการศูนย์ครูใต้ จากวงเงิน เดิม 142 ล้านบาท เป็น 149 ล้านบาท ที่ จ.ยะลา การจัดสรรเงินสำรองค่าก่อสร้างโรงอาหารห้องประชุม ของโรงเรียนมัธยมวานรนิวาส วงเงินประมาณ 11 ล้านบาท
นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงว่า นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ จัดเตรียมทำยุทธศาสตร์จังหวัด โดยนายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่จ.ยโสธรและจ.มุกดาหาร ในวันอาทิตย์ที่ 30 มิ.ย. และวันจันทร์ที่ 1 ก.ค. นี้ เพื่อนำร่องการบริหารงานในรูปแบบจังหวัด โดยจะลงพื้นที่ในแต่ละจังหวัดไปเรื่อยๆ ว่าแต่ละจังหวัดมีอะไรบ้าง หรือ value change และต้องการให้ทุกจังหวัดบูรณาการงานให้สอดคล้องกัน พร้อมมอบหมายให้รัฐมนตรีลงพื้นที่ด้วย โดยเฉพาะกระทรวงเกษตรฯ อุตสาหกรรม มหาดไทย คมนาคม คลัง รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ รวมถึงปลัดกระทรวง หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันทำเวิร์คช็อป หน่วยงานละ 2 คน ส่วนหน่วยงานหรือกระทรวงอื่น 1 คน
นอกจากนี้ เลขาฯ ครม. ได้เสนอที่ประชุมเรื่องการประชุมครม.สัญจร ในจ.พระนครศรีอยุธยา ในวันที่ 18-19 ก.ค.นี้ เนื่องจากเดือนหน้ามีวันหยุดหลายวัน โดยให้รวมวันประชุมครม.อังคารที่ 16, 23 ก.ค. มารวมไว้คราวเดียวกันกับวันที่ 18-19 ก.ค.ด้วย
อีกด้านที่รัฐสภา น.ส.สุพัชรี ธรรมเพชร ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.2557 แถลงว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณางบประมาณในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ ในส่วนของ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เรื่องการจัดซื้อรถตู้ ขนาด 12 ที่นั่ง (ดีเซล) จำนวน 1,000 คัน ในราคา 2,343,724,000 บาท เฉลี่ยคันละ 2 ล้านบาท โดยเลขา สพฐ. ได้ยืนยันต่อกมธ.ว่ามีการจัดพิมพ์เอกสารตัวเลข ผิดจริงตามที่พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปราย ในวาระ 1 ซึ่งเรื่องดังกล่าว กรรมาธิการฯทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล ได้วิจารณ์อย่างกว้างขวาง อาทิ ราคารถที่สูงเกินไป อีกทั้งยังเห็นว่าจะไม่เหมาะสม โดยกรรมาธิการฯเสียงข้างมาก ต้องการให้ปรับเปลี่ยนจากรถตู้ 12 ที่นั่ง มาเป็นรถบัสแทน เนื่องจากสามารถจุนักเรียนได้มากกว่า 30 คนขึ้นไป โดยประธานในที่ประชุมให้แขวนเรื่องนี้ไว้ก่อนแล้วให้คณะอนุกรรมาธิการด้านการศึกษาไปพิจารณาก่อนนำกลับเข้าสู่กมธชุดใหญ่ต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.สามารถ ม่วงศิริ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ โฆษก กมธ.งบประมาณ ฯ กล่าวว่า ในส่วนของแท็บเล็ต ที่ต้องแจกให้ครบทั้ง ป.1 และ ม.1 ซึ่งกรรมาธิการฯ ได้วิจารณ์อย่างกว้างขวาง เกี่ยวกับเรื่องของสเปก ที่พบว่าบางแห่งไม่สามารถนำไปใช้ได้จริง เพราะไม่มีไฟฟ้านั้น ปรากฏว่า ผู้ชี้แจงบอกว่าสามารถใช้ได้โดยให้ครูชาร์ตไฟแท็บเล็ตมาจากบ้านให้พร้อมใช้งาน หรือใช้วิธีติดแผงโซล่าเซลแทน ทำให้กมธ.ชุดใหญ่ ต้องแขวนเรื่องแล้วมอบหมายคณะอนุกรรมาธิการด้านการศึกษาไปพิจารณาก่อนนำกลับเข้าสู่กมธชุดใหญ่ต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น