** หลังรัฐบาลเห็นชอบกับข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ที่ปรับลดราคารับจำนำข้าวลดลงจากเดิม 15,000 บาทต่อตัน เหลือ 12,000 บาทต่อตัน พร้อมกับการจำกัดวงเงินรับจำนำไม่เกิน 500,000 บาทต่อครัวเรือน และให้มีผลตั้งแต่ 30 มิ.ย.-15 ก.ย. 56 เป็นต้นไป
พบว่ายังคงมีควันหลงเกิดขึ้นตามมาเป็นระลอก โดยเฉพาะที่รัฐบาลคงคาดไม่ถึง คือความคิดเห็น-ความรู้สึกของคนในสังคม ที่ไม่ใช่แค่พวกชาวนา-เกษตรกร ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงทันทีกับการปรับลดราคาดังกล่าว
แต่เป็นความเห็นของคนในสังคมระดับวงกว้าง ที่แสดงออกมาว่า ไม่ได้เห็นด้วยกับการถอยร่นของรัฐบาลในครั้งนี้
เลยทำให้จากเดิมที่รัฐบาลอาจคิดว่า การยอมเสียหน้าดังกล่าวเพราะดันทุรังใช้หลักเกณฑ์เดิมในการรับจำนำข้าวทำไปไม่ไหว อาจได้รับเสียงชื่นชมเห็นใจจากคนในสังคมบ้าง แต่กลับไม่เป็นอย่างที่รัฐบาลคิด
เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะข้อมูลข่าวสารเรื่องความล้มเหลว-ความผิดปกติในการดำเนินการโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลเพื่อไทย ได้ถูกตีแผ่นำเสนออย่างรอบด้าน ทำให้ประชาชนได้ข้อมูลข้อเท็จจริงว่า โครงการดังกล่าวมีข้อผิดพลาดทั้งกระบวนการทั้งหมดอย่างไร
โดยเฉพาะการดันทุรังของรัฐบาลเพื่อไทย ที่พยายามทำโครงการนี้ทั้งที่มีเสียงคัดค้านตั้งแต่แรก แต่ครม.ยิ่งลักษณ์ ก็ไขสือ หูทวนลม เพียงเพราะหวังผลเรื่องคะแนนเสียง โดยไม่คำนึงถึงหลักความเป็นจริงของภาระงบประมาณและเป็นโครงการที่ทำลายกลไกตลาดการขายข้าว-ส่งออกข้าวไทยไปต่างประเทศ
แถมตลอดเวลาที่ผ่านมาก็มีแต่เรื่องเน่าๆ กลิ่นไม่ดีในเรื่องโครงการรับจำนำข้าวออกมาตลอด ว่ามีเครือข่ายนักการเมืองในรัฐบาลเพื่อไทยได้รับประโยชน์มากมายสารพัดจากการทำโครงการนี้
**ทั้งเงินทอน เงินทุจริต เงินกินเปล่า กินตามน้ำ ไปเข้ากระเป๋าเครือข่ายนักการเมืองมากมายก่ายกอง จนเมื่อดันทุรังไปไม่ไหว
ประชาชนเห็นแผลเน่ามากมายเลยต้องยอมลดราคาลง เพราะพรรคพวกตัวเองกินอิ่มกันแล้ว เลยพักการกินให้น้อยลงก่อน เพื่อรอตั้งหลัก แล้วก็โยนปัญหาไปให้ชาวนารับเคราะห์แทน จากความห่วยแตกของรัฐบาลเอง
จึงไม่แปลกที่ทำไมแทนที่เมื่อรัฐบาลลดราคารับจำนำข้าวแล้ว กลับกลายเป็นว่า ไม่ได้ทำให้สถานการณ์รัฐบาลดีขึ้น เหตุก็เพราะประชาชนจำนวนมากรู้ทัน และเห็นแผลเน่าโครงการนี้กันหมดแล้ว
ผลก็เลยสะท้อนออกมาจากผลโพลหลายสำนักที่เปิดเผยผลสำรวจเรื่องความคิดเห็นประชาชน หลังรัฐบาลลดราคารับจำนำข้าวออกมา ที่ต่างก็บอกว่าไม่เห็นด้วยเป็นส่วนใหญ่ อันเป็นผลสำรวจที่เปิดเผยกันออกมาเมื่อ 22 มิ.ย. 56 ทั้งสิ้น
ทั้ง “นิด้าโพล”สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ที่เผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่อง “การปรับลดราคารับจำนำข้าว”ที่จากการสำรวจพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 59.62 ไม่เห็นด้วยกับการที่รัฐบาลลดราคาจำนำข้าว เพราะเห็นใจเกษตรกร ทำให้มีรายได้จากการขายข้าวลดลง อีกทั้งต้นทุนในการผลิตสูงขึ้น
**และเห็นว่า ควรไปแก้ไขการทุจริตคอรัปชันของระบบขั้นตอนจะดีกว่า
ขณะที่ ร้อยละ 36.62 เห็นด้วย เพราะรัฐบาลไม่ต้องแบกค่าใช้จ่ายส่วนต่างราคาข้าว ซึ่งทำให้รัฐขายข้าวขาดทุน
ส่วน “สวนดุสิตโพล”ก็เช่นกัน ผลสำรวจสะท้อนออกมาว่า ประชาชนไม่เห็นด้วย 59.16 % เพราะมองว่าจะส่งผลกระทบต่อชาวนา ซึ่งได้รับความเดือดร้อนโดยตรง เนื่องจากมีการลงทุนซื้อปุ๋ย ซื้อยา ค่าน้ำมันไปแล้ว ชาวนาต้องสูญเสียรายได้ ขาดทุน ควรแก้ที่ต้นเหตุของปัญหาที่แท้จริงจะดีกว่า ไม่ใช่มาแก้ที่ปลายเหตุ
และสุดท้าย ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ หรือ กรุงเทพโพล ที่เผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ จำนวน 1,234 คน ในหัวข้อ "คะแนนนิยมเป็นอย่างไร หลังเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ดอนเมือง และผลงานรับจำนำข้าวขาดทุน" ผลสำรวจพบว่า คะแนนนิยมในตัว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อยู่ที่ร้อยละ 40.4 ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับผลสำรวจเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2555 ที่อยู่ที่ร้อยละ 51.2 เท่ากับลดลง 10.8
**เสียงสะท้อนดังกล่าว ออกมาในทิศทางเดียวกันว่าการถอยร่นของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ในครั้งนี้ ประชาชนมองว่าเป็นแค่การแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ก็น่าจะทำให้ยิ่งลักษณ์ คิดหนัก
เพราะกับของจริงผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงคือ ชาวนา เห็นได้ชัดว่าเสียงร้องระงมของชาวนา-เกษตรกร ตัวจริงเสียงจริง ทั่วประเทศ ต่างแสดงความไม่พอใจออกมากันจำนวนมาก
บางจังหวัดที่เป็นจังหวัดของส.ส.เพื่อไทย ก็เริ่มเคลื่อนไหวกันแล้ว มีการรวมตัวเตรียมส่งตัวแทนไปร่วมประชุมกับกลุ่มผู้นำชาวนาในภาคส่วนต่างๆ
ข่าวก็ว่ากลุ่มตัวแทนชาวนา 22 จังหวัดภาคกลาง ก็เตรียมส่งตัวแทนไปยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาลในสัปดาห์นี้ เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้กันแล้ว
ต้องดูว่า ที่ทั้งนายกรัฐมนตรี-จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย และแกนนำพรรคเพื่อไทย มีการสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด-นายอำเภอทั่วประเทศ เร่งลงไปทำความเข้าใจกับประชาชนโดยเร่งด่วน เพื่อชี้แจงเหตุผลความจำเป็นในเรื่องนี้ ซึ่งก็คือการสั่งอย่างไม่เป็นทางการว่า ให้คอยช่วยรัฐบาลกลบแผลเน่าให้ด้วย
รวมถึงที่สำคัญต้องพยายามสกัดไม่ให้มีม็อบชาวนา-เกษตรกร ออกมาโวยวายหรือเคลื่อนไหวรวมตัวแสดงความไม่พอใจรัฐบาล โดยเฉพาะหากถึงขั้นยกพวกมาประท้วงกันที่กรุงเทพฯ หน้าทำเนียบรัฐบาล ถ้าเกิดจังหวัดไหนทำพลาด ผู้ว่าฯ ในจังหวัดนั้น เชื่อได้เลยโดนขึ้นบัญชีย้ายปลายปีแน่นอน !
เช่นเดียวกับที่มีการสั่งให้ ส.ส.ของเพื่อไทย เร่งลงพื้นที่ไปทำความเข้าใจกับชาวนาในพื้นที่ตัวเองผ่านหัวคะแนนและชาวนาโดยตรง เพื่อสกัดแรงไม่พอใจดังกล่าวไม่ให้ลุกลามบานปลาย ก็คาดว่าการสั่งการดังกล่าวคงดูด้วยว่าหากจังหวัดไหนมีปฏิกิริยาลุกฮือมาก ส.ส.เพื่อไทย ในจังหวัดนั้น มีปัญหาแน่นอน
**ที่ต้องจับตาอีกหนึ่งฉากของเรื่องจำนำข้าวก็คือ การประชุม ส.ส.เพื่อไทย วันอังคารที่ 25 มิ.ย.นี้ ที่ตามข่าวบอกว่าที่ประชุมส.ส.ขอให้เรียก บุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ที่กำลังอยู่ในอาการ “บุญทรุด”รวมถึง วราเทพ รัตนากร รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี ที่รับหน้าเสื่อชี้แจงเรื่องรับจำนำข้าวให้รัฐบาล ต้องมาชี้แจงเรื่องเหตุผลความจำเป็นในการลดราคารับจำนำข้าวต่อที่ประชุม ส.ส.
จะมีข่าวว่ามีส.ส.เพื่อไทยจำนวนมาก โดยเฉพาะส.ส.อีสาน-และภาคกลาง จองคิวขอลุกขึ้นถาม “บุญทรง-วราเทพ”แต่ตัวหลักที่จะโดนเล่นงานหนัก คงเป็นบุญทรง แน่นอน
หากไม่มีสัญญาณสั่งอุ้มบุญทรงกลางที่ประชุมส.ส.เพื่อไทย ปล่อยให้ส.ส.รุมสับซักถามกันเต็มที่
**นั่นหมายถึง บุญทรง โดนลอยแพ เจ๊ไม่อุ้มแล้ว รอเก็บของออกจาก ก.พาณิชย์ ได้เลย ในการปรับครม.เร็วๆ นี้ !
พบว่ายังคงมีควันหลงเกิดขึ้นตามมาเป็นระลอก โดยเฉพาะที่รัฐบาลคงคาดไม่ถึง คือความคิดเห็น-ความรู้สึกของคนในสังคม ที่ไม่ใช่แค่พวกชาวนา-เกษตรกร ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงทันทีกับการปรับลดราคาดังกล่าว
แต่เป็นความเห็นของคนในสังคมระดับวงกว้าง ที่แสดงออกมาว่า ไม่ได้เห็นด้วยกับการถอยร่นของรัฐบาลในครั้งนี้
เลยทำให้จากเดิมที่รัฐบาลอาจคิดว่า การยอมเสียหน้าดังกล่าวเพราะดันทุรังใช้หลักเกณฑ์เดิมในการรับจำนำข้าวทำไปไม่ไหว อาจได้รับเสียงชื่นชมเห็นใจจากคนในสังคมบ้าง แต่กลับไม่เป็นอย่างที่รัฐบาลคิด
เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะข้อมูลข่าวสารเรื่องความล้มเหลว-ความผิดปกติในการดำเนินการโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลเพื่อไทย ได้ถูกตีแผ่นำเสนออย่างรอบด้าน ทำให้ประชาชนได้ข้อมูลข้อเท็จจริงว่า โครงการดังกล่าวมีข้อผิดพลาดทั้งกระบวนการทั้งหมดอย่างไร
โดยเฉพาะการดันทุรังของรัฐบาลเพื่อไทย ที่พยายามทำโครงการนี้ทั้งที่มีเสียงคัดค้านตั้งแต่แรก แต่ครม.ยิ่งลักษณ์ ก็ไขสือ หูทวนลม เพียงเพราะหวังผลเรื่องคะแนนเสียง โดยไม่คำนึงถึงหลักความเป็นจริงของภาระงบประมาณและเป็นโครงการที่ทำลายกลไกตลาดการขายข้าว-ส่งออกข้าวไทยไปต่างประเทศ
แถมตลอดเวลาที่ผ่านมาก็มีแต่เรื่องเน่าๆ กลิ่นไม่ดีในเรื่องโครงการรับจำนำข้าวออกมาตลอด ว่ามีเครือข่ายนักการเมืองในรัฐบาลเพื่อไทยได้รับประโยชน์มากมายสารพัดจากการทำโครงการนี้
**ทั้งเงินทอน เงินทุจริต เงินกินเปล่า กินตามน้ำ ไปเข้ากระเป๋าเครือข่ายนักการเมืองมากมายก่ายกอง จนเมื่อดันทุรังไปไม่ไหว
ประชาชนเห็นแผลเน่ามากมายเลยต้องยอมลดราคาลง เพราะพรรคพวกตัวเองกินอิ่มกันแล้ว เลยพักการกินให้น้อยลงก่อน เพื่อรอตั้งหลัก แล้วก็โยนปัญหาไปให้ชาวนารับเคราะห์แทน จากความห่วยแตกของรัฐบาลเอง
จึงไม่แปลกที่ทำไมแทนที่เมื่อรัฐบาลลดราคารับจำนำข้าวแล้ว กลับกลายเป็นว่า ไม่ได้ทำให้สถานการณ์รัฐบาลดีขึ้น เหตุก็เพราะประชาชนจำนวนมากรู้ทัน และเห็นแผลเน่าโครงการนี้กันหมดแล้ว
ผลก็เลยสะท้อนออกมาจากผลโพลหลายสำนักที่เปิดเผยผลสำรวจเรื่องความคิดเห็นประชาชน หลังรัฐบาลลดราคารับจำนำข้าวออกมา ที่ต่างก็บอกว่าไม่เห็นด้วยเป็นส่วนใหญ่ อันเป็นผลสำรวจที่เปิดเผยกันออกมาเมื่อ 22 มิ.ย. 56 ทั้งสิ้น
ทั้ง “นิด้าโพล”สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ที่เผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่อง “การปรับลดราคารับจำนำข้าว”ที่จากการสำรวจพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 59.62 ไม่เห็นด้วยกับการที่รัฐบาลลดราคาจำนำข้าว เพราะเห็นใจเกษตรกร ทำให้มีรายได้จากการขายข้าวลดลง อีกทั้งต้นทุนในการผลิตสูงขึ้น
**และเห็นว่า ควรไปแก้ไขการทุจริตคอรัปชันของระบบขั้นตอนจะดีกว่า
ขณะที่ ร้อยละ 36.62 เห็นด้วย เพราะรัฐบาลไม่ต้องแบกค่าใช้จ่ายส่วนต่างราคาข้าว ซึ่งทำให้รัฐขายข้าวขาดทุน
ส่วน “สวนดุสิตโพล”ก็เช่นกัน ผลสำรวจสะท้อนออกมาว่า ประชาชนไม่เห็นด้วย 59.16 % เพราะมองว่าจะส่งผลกระทบต่อชาวนา ซึ่งได้รับความเดือดร้อนโดยตรง เนื่องจากมีการลงทุนซื้อปุ๋ย ซื้อยา ค่าน้ำมันไปแล้ว ชาวนาต้องสูญเสียรายได้ ขาดทุน ควรแก้ที่ต้นเหตุของปัญหาที่แท้จริงจะดีกว่า ไม่ใช่มาแก้ที่ปลายเหตุ
และสุดท้าย ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ หรือ กรุงเทพโพล ที่เผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ จำนวน 1,234 คน ในหัวข้อ "คะแนนนิยมเป็นอย่างไร หลังเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ดอนเมือง และผลงานรับจำนำข้าวขาดทุน" ผลสำรวจพบว่า คะแนนนิยมในตัว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อยู่ที่ร้อยละ 40.4 ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับผลสำรวจเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2555 ที่อยู่ที่ร้อยละ 51.2 เท่ากับลดลง 10.8
**เสียงสะท้อนดังกล่าว ออกมาในทิศทางเดียวกันว่าการถอยร่นของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ในครั้งนี้ ประชาชนมองว่าเป็นแค่การแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ก็น่าจะทำให้ยิ่งลักษณ์ คิดหนัก
เพราะกับของจริงผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงคือ ชาวนา เห็นได้ชัดว่าเสียงร้องระงมของชาวนา-เกษตรกร ตัวจริงเสียงจริง ทั่วประเทศ ต่างแสดงความไม่พอใจออกมากันจำนวนมาก
บางจังหวัดที่เป็นจังหวัดของส.ส.เพื่อไทย ก็เริ่มเคลื่อนไหวกันแล้ว มีการรวมตัวเตรียมส่งตัวแทนไปร่วมประชุมกับกลุ่มผู้นำชาวนาในภาคส่วนต่างๆ
ข่าวก็ว่ากลุ่มตัวแทนชาวนา 22 จังหวัดภาคกลาง ก็เตรียมส่งตัวแทนไปยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาลในสัปดาห์นี้ เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้กันแล้ว
ต้องดูว่า ที่ทั้งนายกรัฐมนตรี-จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย และแกนนำพรรคเพื่อไทย มีการสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด-นายอำเภอทั่วประเทศ เร่งลงไปทำความเข้าใจกับประชาชนโดยเร่งด่วน เพื่อชี้แจงเหตุผลความจำเป็นในเรื่องนี้ ซึ่งก็คือการสั่งอย่างไม่เป็นทางการว่า ให้คอยช่วยรัฐบาลกลบแผลเน่าให้ด้วย
รวมถึงที่สำคัญต้องพยายามสกัดไม่ให้มีม็อบชาวนา-เกษตรกร ออกมาโวยวายหรือเคลื่อนไหวรวมตัวแสดงความไม่พอใจรัฐบาล โดยเฉพาะหากถึงขั้นยกพวกมาประท้วงกันที่กรุงเทพฯ หน้าทำเนียบรัฐบาล ถ้าเกิดจังหวัดไหนทำพลาด ผู้ว่าฯ ในจังหวัดนั้น เชื่อได้เลยโดนขึ้นบัญชีย้ายปลายปีแน่นอน !
เช่นเดียวกับที่มีการสั่งให้ ส.ส.ของเพื่อไทย เร่งลงพื้นที่ไปทำความเข้าใจกับชาวนาในพื้นที่ตัวเองผ่านหัวคะแนนและชาวนาโดยตรง เพื่อสกัดแรงไม่พอใจดังกล่าวไม่ให้ลุกลามบานปลาย ก็คาดว่าการสั่งการดังกล่าวคงดูด้วยว่าหากจังหวัดไหนมีปฏิกิริยาลุกฮือมาก ส.ส.เพื่อไทย ในจังหวัดนั้น มีปัญหาแน่นอน
**ที่ต้องจับตาอีกหนึ่งฉากของเรื่องจำนำข้าวก็คือ การประชุม ส.ส.เพื่อไทย วันอังคารที่ 25 มิ.ย.นี้ ที่ตามข่าวบอกว่าที่ประชุมส.ส.ขอให้เรียก บุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ที่กำลังอยู่ในอาการ “บุญทรุด”รวมถึง วราเทพ รัตนากร รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี ที่รับหน้าเสื่อชี้แจงเรื่องรับจำนำข้าวให้รัฐบาล ต้องมาชี้แจงเรื่องเหตุผลความจำเป็นในการลดราคารับจำนำข้าวต่อที่ประชุม ส.ส.
จะมีข่าวว่ามีส.ส.เพื่อไทยจำนวนมาก โดยเฉพาะส.ส.อีสาน-และภาคกลาง จองคิวขอลุกขึ้นถาม “บุญทรง-วราเทพ”แต่ตัวหลักที่จะโดนเล่นงานหนัก คงเป็นบุญทรง แน่นอน
หากไม่มีสัญญาณสั่งอุ้มบุญทรงกลางที่ประชุมส.ส.เพื่อไทย ปล่อยให้ส.ส.รุมสับซักถามกันเต็มที่
**นั่นหมายถึง บุญทรง โดนลอยแพ เจ๊ไม่อุ้มแล้ว รอเก็บของออกจาก ก.พาณิชย์ ได้เลย ในการปรับครม.เร็วๆ นี้ !