เกาะกระแส
00 คาดไม่ถึงเหมือนกันว่ารัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ"ระบอบทักษิณ"จะอยู่ในอาการ "ขาลง"ได่้อย่างรวดเร็วถึงขนาดนี้ เพราะลักษณะที่เป็นอยู่มันเป็นความเร็วใกล้เคียงในแบบ "ดิ่งเหว"เลยทีเดียว และต่อไปนี้ทุกสายตาจะจ้องมองไปที่ "นายกฯปู" เป็นตาเดียว จะลอยตัวทำสวยเดินเฉิดฉาย ท่องตามสคริปต์อีกต่อไปไม่ได้แล้ว ต้องใช้สติปัญญา ใช้ไหวพริบในการตอบคำถามนักข่าวมากกว่าเดิม ประเภทที่ว่า "เวลานี้เราได้บูรณาการปัญหากันทุกภาคส่วน" อะไรทำนองนี้มันเริ่มใช้ไม่ได้ เพราะจะดูตลก ถูกล้อเลียนได้ไม่ยาก หรือประเภทถ้าเป็นเรื่องข้าวมอบให้พาณิชย์ชี้แจง หรือให้คนนั้นคนนี้ชี้แจง บอกว่าได้สั่งการไปแล้ว คงทำไม่ได้อีกแล้ว แต่ปัญหาก็คือ ยิ่งพูดมันก็เหมือน"ประจานตัวเอง" ให้สังคมได้สังเกตเห็นสติปัญญาของตัวเองว่ามีแค่ไหน “มีความรู้รอบตัว”หรือไม่
00 เรื่องจำนำข้าวกำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่กับรัฐบาล และส่งผลกระทบไปถึงการกลับบ้านอย่างเท่ของ ทักษิณ ชินวัตร อย่างจัง และดีไม่ดี ที่โม้ว่าจะกลับบ้านก่อนสิ้นปี มันอาจกลายเป็นตรงกันข้าม นั่นคือจะมีคนในครอบครัวต้อง"อพยพไปสมทบที่ดูไบ" เพิ่มขึ้นอีกหลายคนหรือเปล่า เพราะผลกระทบจากนโยบายดังกล่าว ทำท่าขยายเป็นวงกว้าง กระทบกับความรู้สึกของชาวนา ที่รู้สึกเหมือน "ถูกต้ม ถูกลอยแพ" เอาดื้อๆ แน่นอนว่าถ้าถามรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย อยากลดราคาจำนำข้าวลงมาเหลือแค่ 12,000 บาทต่อตันหรือเปล่า ก็ต้องบอกว่าไม่อยากทำแบบนี้ แต่เป็นเพราะมันเดินหน้าต่อไปแบบเดิมไม่ไหว เพราะมันถึงทางตันแล้ว "เจ๊งแล้ว" จึงต้องหาทางออกกันอย่างที่เห็น และที่สำคัญ "เรื่องผลประโยชน์" ที่เคยได้รับ เมื่อไม่ได้ มันก็จะเกิดอาการ "หมางเมิน" ไม่สนิทใจเหมือนเก่า อาจจะไม่ถึงขั้นเกลียด แต่จะเฉยๆ ค่อยๆ ห่างออกไป เหมือนกับที่จะเกิดขึ้นกับชาวนาในอีกไม่นานนี้ จากเดิมที่เคยได้กำไรนิดหน่อย แต่เมื่อลดราคาจำนำลงมา หักค่าความชื้น หักค่าโน่น ค่านี่ สารพัดมันก็จะขาดทุน เพราะไม่มีชาวนารายย่อยคนไหนได้ราคาเต็มตามราคาจำนำ
00 อย่าได้แปลกใจที่เราได้เห็นปฏิกิริยาของชาวนาทั่วประเทศรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และที่สำคัญเมื่อรัฐบาลประกาศเปลี่ยนแปลงราคาใหม่ให้มีผลทันที รับรองโดยมติคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการไปแล้ว จะกลับลำอีกรอบก็ไม่ได้ ถึงได้บอกว่ารัฐบาลและพรรคเพื่อไทย กำลัง"ดิ่งเหว" ที่สำคัญนอกจากจะมีปัญหากับชาวนาที่เคยเป็นฐานเสียงหลักแล้วยังเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบอย่างเข้มข้นจากสังคมมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นกับรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร ในช่วงปลายปี 49 แต่เที่ยวนี้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ บรรยากาศแบบนั้นกลับมาเร็วเกินคาด และยิ่งพรรคเพื่อไทย และคนในรัฐบาลกำลังใช้วิชามาร โบ้ยว่าคนนั้นคนนี้บีบให้รัฐบาลต้องเปลี่ยน ต้องลดเงินจำนำลงเป็นเพราะปชป. นั้นยิ่งฟังก็ยิ่งทุเรศ และถ้าใครเชื่อ คนเสื้อแดงยังเชื่อแบบนั้นอีก มันก็สมควรแล้วที่ถูกเขาดูถูก !!
00 แน่นอนว่า เมื่อสภาพเป็นแบบนี้สิ่งที่ ทักษิณ ถนัดก็คือปรับครม. เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ และตัดตอนปัญหา อีกทั้งยังใช้เป็นวิธีการหมุนเวียนตัวบุคคลเข้ามา แบ่งสรรตำแหน่งกันตามช่วงเวลา ซึ่งคาดว่าในช่วงเดือนสิงหาคม หรือเร็วกว่านั้นน่าจะได้เวลาเหมาะ เพราะถือว่ารัฐบาลอยู่มาครบ 2 ปี และหากนับเวลาจากการปรับครม. คราวที่แล้วก็ผ่านมาราว 6 เดือน มันก็ต้องปรับเปลี่ยน ซึ่งถ้าให้จับตาก็ต้องเล็งเป้าไปที่ บุญทรง เตริยาภิรมย์ ว่าเมื่อพ้นจาก รมว.พาณิชย์ แล้วจะไปนั่งไปที่ไหน จะสลับกับ วราเทพ รัตนากร ที่กำลังทำหน้าที่เป็นรมต.ตัวจริงอยู่หรือไม่
00 น่าจับตาอยู่ที่ มท.1 ว่าจะเปลี่ยนแปลงจาก จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ไปเป็น เฉลิม อยู่บำรุง หรือไม่ เพราะเวลานี้กำลังขยันทำแต้มน่าดู ส่วนจะเป็น "แต้มลบ" หรือบวก ก็ลองคิดกันเอาเองว่าแต่ละเรื่องที่พูด ที่ทำนั้น น่าจะให้ เฉลิม ไปนั่งที่คลองหลอด หรือว่าให้พ้นไปไกลๆ อย่างไหนจะดีกว่ากัน ว่ากันว่าสำหรับคนอื่นที่เก้าอี้ร้อนก็ว่าไป แต่สำหรับ กิตติรัตน์ ณ ระนอง ตราบใดที่ ยิ่งลักษณ์ ยังอยู่ โต้งก็ต้องอยู่ เพราะขาดกันไม่ได้เสียแล้ว !!
