รัฐบาล"ขาลง"ไม่มีทางขึ้นแล้ว!!

เกาะกระแส

00 นับเป็นอีกสัปดาห์หนึ่งที่ "คนไทยทนไม่ไหว" ใช้ "หน้ากากขาว"เป็นสัญลักษณ์ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต่อต้านระบอบทักษิณ ที่นับวันมีคนเข้าร่วมมากขึ้นเรื่อยๆ และที่น่าสังเกตก็คือคราวนี้เป็นการเคลื่อนไหวแบบเป็นธรรมชาติ แสดงออกในเชิงสัญลักษณ์ ไม่มีแกนนำไใ่มีการตั้งเวที ไม่มีแกนนำ แต่เป็นการออกมาของคนหลากหลายวัย โดยเฉพาะคนชั้นกลาง คนหนุ่มสาวที่มีข้อมูลมากมายอยู่ในหัวอยู่แล้ว ส่วนใหญ่เป็นการเคลื่อนไหวนัดหมายผ่านทางโลกไซเบอร์ "แสดงออกแล้วก็กลับบ้าน" กลับไปซ่อนตัวรวมกลุ่มแสดงความเห็นต่อต้าน รัฐบาลถ่อย คนถ่อยอยู่หน้าแป้นคอมพ์ต่อไป รอวันนัดหมายในสุดสัปดาห์ถัดไปอีก

00 หากบอกว่าการเคลื่อนไหวต่อต้านในลักษณะนี่แหละที่ถือว่าคลาสสิกที่สุด เพราะไม่มีตัวตนชัดเจน การสะกัดกั้นก็ทำไม่ได้ เพราะพวกเขาออกมาชุมนุมโดยสงบ ไม่ส่งเสียงดัง ไม่สร้างความรำคาญ ไม่ใช้การชุมนุมแบบกุ๊ย ขณะเดียวกันในเมื่อการชุมนุมของมวลชนแดงที่สนับสนุนระบอบทักษิณ อ้างว่าพวกเขาเป็นนักประชาธิปไตยก็ไม่เป็นไรก็ชุมนุมไป ถือว่าเป็นสิทธิทำได้ แต่ขณะเดียวกันในเมื่อกลุ่มต่อต้านที่ไม่เอาระบอบทักษิณ รู้เท่าทันแล้วไม่ยอมเป็นทาสและใช้สัญลักษณ์หน้ากากขาวออกมาชุมนุมแบบเงียบแต่ทรงพลังพวกเขาก็มีสิทธิ์ที่จะแสดงออกโดยชอบ ไม่ใช่หมายความว่าคำว่าประชาธิปไตยต้องแปะอยู่ที่หน้าผากคนเสื้อแดงเท่านั้น และขอโทษจนถึงบัดนี้ไม่รู้ว่าคนเสื้อแดงพวกนี้จะเข้าใจความหมายของประชาธิปไตยแค่ไหน

00 แต่ไม่เป็นไรยิ่งมีคนเสื้อแดงออกมาก่อกวน แสดงความถ่อยเถื่อนกับผู้ชุมนุมที่คัดค้านรัฐบาลมากขึ้นเท่าได มันก็ยิ่งเร่งให้ ระบอบทักษิณ พังเร็วขึ้นเท่านั้น เพราะที่ผ่านมาหากสังเกตให้ดี"ระบอบทักษิณจะอ่อนแอ "ทุกครั้งหากปล่อยให้" กาลเวลาได้ประจาน" ตัวตนออกมาเรื่อยๆ และยิ่งในยุคปัจจุบันที่มีการบันทึกหลักฐานและส่งต่อผ่าน"โซเชียลมีเดีย"ทำได้รวดเร็วและแพร่หลาย มันก็ยิ่งสั่นสะเทือน เหมือนกับที่รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ ทักษิณ ชินวัตร กำลังประสบอยู่ในเวลานี้ ไม่เชื่อก็ลองสังเกตข่าวที่ปรากฏในเวลานี้ล้วนแต่ "เป็นลบ" สะท้อนให้เห็นถึงความห่วยแตก การฉ้อฉลทั้งสิ้น และแม้ว่าจะพยายามครอบงำสื่อหลัก แต่ก็ไม่มีความหมาย เพราะโลกได้กลับตาลปัตร ชาวบ้านสามารถสื่อสารกันเอง ให้ข้อมูลเปิดโปงผ่านทางสื่อออนไลน์อย่างเฟซบุกส์ เป็นต้น ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการนำเสนอข้อมูลจริง หรือนำหลักฐานเก่าๆมานำเสนออีกครั้ง เท่านั้นเองแต่มันก็ได้ผล

00 ด้วยผลงานที่ไร้ประสิทธิภาพ นายกฯที่ถูกตั้งคำถามและมองเห็นว่ามีความ"บกพร่องด้านสติปัญญา" จนเริ่มทำให้เกิดความเวทนา มากกว่าความชิงชัง แต่ก็นั่นแหละมันก็ยิ่งไปเพิ่มน้ำหนักในเรื่องความไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้นำเพราะไร้ความสามารถ ขืนอยู่นานยิ่งทำให้บ้านเมืองเสียหาย ขณะเดียวกันเมื่อภาพผู้นำออกมมดังกล่าว มันก็ต้องมองไปถึงครม.การบริหารงานที่ต้องถูกเพ่งเล็งทันทีแบบที่่ไม่เคยเกิดมาก่อน เหมือนอย่างในปัจจุบันกำลังปรากฏออกมา เช่น จำนำข้าว รถคันแรก การทุจริต รวมไปถึง"รมต.บางคนที่พูดจาแต่ละทียิ่งเพิ่มแต้มสะสม "เรียกแขก"รายวันอย่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต และ ปลอดประสพ สุรัสวดี คนเหล่านี้เมื่อมาบวกกับผลงานในความรับผิดชอบที่ห่วยแตก มันก็ช่วยไม่ได้ที่ "ฉุดให้ดิ่งลงก้นเหว"ได้เร็วขึ้น

00 บรรยากาศที่เป็นแบบนี้แน่นอนว่าเป็นที่จับตาว่าจะต้องมีการปรับครม.แน่นอน อีกทั้งช่วงเวลาก็เหมาะเพราะเดินมาครึ่งเทอมพอดีนั่นคือใกล้จะครบ 2 ปีพอดี และเมื่ออยู่ในช่วงขาลงก็ต้องมีการเบี่ยงเบนซื้อเวลาด้วยการเปลี่ยนแปลงบางเก้าอี้ออกไปก่อน ถามว่าอาการหนักที่สุดตอนนี้ก็หนีไม่พ้น บุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ว่าจะถูกเด้งไปไหน ส่วนคนที่จะมาแทนให้จับตา วราเทพ รีตนากร ไว้ให้ดีแล้วกันว่าจะมาเสียบแทนหรือเปล่า อย่างน้อยก็เป็นการรักษาโควตาของ "เจ๊แดง" เอาไว้ก่อน ทำไปทำมาโครงการจำนำข้าวนี่แหละกลายเป็น "จุดอ่อน" และเสี่ยงต่อการลูกลดอันดับเครดิตจาก "มูดี้ส์" ให้จับตาปลายปีว่าผลจะออกมาอย่างไร ถ้าออกมาเป็นลบก็พังแน่"พี่แม้วจ๋า" สรุปกคือบรรยากาศทุกด้านของฝ่ายรัฐบาลตอนนี้มันช่างต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับช่วงชนะเลือกตั้งเมื่อสองปีก่อน และเมื่อขาลงแล้ว มันก็ฟื้นยากเสียด้วยซีพี่น้อง !!