ตามคาดเฟดชะลอมาตรการQEช่วงสิ้นปี และเตรียมยุติในกลางปีหน้า กดหุ้นรูด35 จุด วอลุ่มเทรด7หมื่นล้าน ต่างชาติโกยต้นทุน-กำไรออกไปอีก 6.3 พันล้านบาท โบรกฯมองมีโอกาสรีบาวด์ หลังปรับตัวลงต่อเนื่องมานาน เหตุนักลงทุนรับรู้มาระยะหนึ่งแล้ว ด้าน “จรัมพร”ระบุช่วยเห็นภาพชัดเจนขึ้น ยอมรับระยะสั้นยังเป็นปัจจัยลบกดดันตลาด แนะปรับเกมรับมือบาทอ่อนค่า ด้านทองคำราคาวูบ 800 บาท
ภาวะหุ้นไทยวานนี้ (20 มิ.ย) ปิดที่ระดับ 1,402.19 จุด ลบไป35.51 จุด หรือ 2.47% ราคาสูงสุดอยู่ที่1,413.39 และต่ำสุดอยู่ที่ 1,390.33 จุด มูลค่าการซื้อขาย70,113.46ล้านบาท ปัจจัยมาจากถ้อยคำแถลงของเฟดที่ประกาศจะชะลอจำนวนวงเงินในการทำQE และเตรียมยกเลิกมาตรการดังกล่าวในช่วงกลางปีหน้า ส่งผลให้เกิดแรงเทขายในทุกตลาดหุ้นทั่วโลก
โดยมูลค่าการซื้อขายตามกลุ่มนักลงทุน โดยนักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ 6,354.35 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 483.31 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปในประเทศ ซื้อสุทธิ 5,233.58 ล้านบาท สถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 1,604.07 ล้านบาท
ขณะที่ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นในภูมิภาค ดัชนีเวทเต็ด ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 108.48 จุด หรือ 1.39% ปิดที่ 7,898.91 จุด , ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดลดลง 230.64 จุด หรือ 1.74% แตะที่ 13,014.58 จุด, ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต ตลาดหุ้นจีน ลดลง 59.43 จุด หรือ 2.77% ปิดที่ 2,084.02 จุด ,ดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกงลดลง 604.02 จุด หรือ 2.88% ปิดที่ 20,382.87 จุด
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ ประเมินทิศทางการลงทุนวันนี้ว่า แรงเทขายน่าจะลดลง ทำให้โดยรวมดัชนีน่าจะเคลื่อนไหวในลักษณะทรงตัว หรือมีโอกาสรีบาวด์ขึ้นมาบ้างหลังจากปรับตัวลงไปมาก เหตุผลหนึ่งมาจากนักลงทุนรับรู้การยุติQE ของเฟดมาแล้วในระดับหนึ่ง จากการเทขายอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา เช่นเดียวกับการอ่อนค่าของค่าเงินบาท โดยกลยุทธ์ลงทุนช่วงนี้แนะนำเข้าทยอยลงทุน
**ตลท.เชื่อไม่เกิดPanic Sell
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)เปิดเผยว่า การที่ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงแรงนั้นสอดคล้องกับตลาดหุ้นภูมิภาคและตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตอบรับผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ที่ระบุว่าจะมีการชะลอมาตรการ QE ในช่วงสิ้นปีนี้ และอาจจะยุติลงในช่วงกลางปีหน้า ซึ่งในแง่หนึ่งก็เห็นว่าสร้างความชัดเจนแล้ว หลังจากตลาดคาดการณ์กันมาระยะหนึ่ง แม้ขณะนี้จะมีเงินที่ไหลออกจากตลาดหุ้นไทยไปกว่า 5 หมื่นล้านบาท แต่ยังมองว่าเป็นส่วนน้อย หากเทียบกับมูลค่าตามมาร์เกตแคป 13 ล้านล้านบาท ซึ่งนักลงทุนต่างชาติมีสัดส่วนอยู่ประมาณ 37% และส่วนมากเป็นการลงทุนระยะยาวในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่
“โดยรวมเชื่อว่าจะไม่ทำให้เกิดการ panic sell ตามมา ปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นไทยยังดี และเชื่อว่าบริษัทจดทะเบียนของไทยยังสามารถทำกำไรท่ามกลางสถานการณ์ผันผวนได้ ตอนนี้ความอึมครึมหายไป ในที่สุดความกังวลก็จบลง ช่วงสั้นคงผลกระทบบ้าง แต่ทุกคนก็สามารถวางแผนการในอนาคตได้ ส่วนเงินบาทที่อ่อนค่าก็เป็นจังหวะที่ภาคธุรกิจส่งออกจะวางกลยุทธ์แผนธุรกิจเพื่อเดินหน้าต่อไปได้ เราควรมองว่าวิกฤติช่วงนี้เป็นโอกาส”
ด้าน ม.ล.ทองมกุฎ ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นทั่วโลก ถือเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนที่จะเข้าลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานดี แต่ราคาถูก เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยยังดี กำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ยังขยายตัวสูงกว่าร้อยละ 10 ซึ่ง บล.ไทยพาณิชย์ ยังคงเป้าหมายดัชนีปลายปีนี้ที่ระดับ 1,550 จุด แต่ควรติดตามปัจจัยทางการเมืองที่ยังเป็นกดดันต่อตลาดหุ้นไทยในระยะต่อไป
“แรงขายของนักลงทุนต่างชาติ คาดว่ายังมีต่อเนื่อง หลังจากที่ต่างชาติปรับพอร์ตลดความเสี่ยง เพราะได้กำไรจากราคาหุ้นไทยที่ปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงมาตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่เชื่อว่าต่างชาติจะไม่ขายออกหมดทั้ง 100%”
**เงินบาทปิด 31.12 บาทคาดอ่อนค่าต่อ
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดวานนี้(20มิ.ย.)อยู่ที่ระดับ 31.12/15 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าลงจากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 31.03/05 บาท/ดอลลาร์ ปัจจัยหลักมาจากกรณีถ้อยแถลงของประธานเฟด ที่ออกมาส่งสัญญาณทยอยลดมาตรการ QE ภายในสิ้นปีนี้หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวตามที่คาดการณ์ไว้ และคาดว่าวันนี้(21มิ.ย.)เงินบาทก็ยังมีแนวโน้มอ่อนค่าต่อได้ เพราะดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าอย่างต่อเนื่องโดยเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 30.90-31.38 บาท/ดอลลาร์
**ทองคำวูบ 800 บาท
ขณะเดียวกันนอกเหนือจากราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลง จากความชัดเจนในเรื่องมาตรการQE ของเฟดแล้ว พบว่าราคาทองคำ ก็เป็นอีกสินทรัพย์ที่ปรับตัวลดลงมากเช่นกัน โดยวานนี้(20มิ.ย.) สมาคมค้าทองคำ ได้ปรับลดราคาทองคำลงมาถึง 8 ครั้ง มาอยู่ที่ ทองคำแท่ง รับซื้อ 19,050 บาท ขายออก 19,150 บาท ทองคำรูปพรรณ รับซื้อ18,768 บาท ขายออก 19,550 บาท ลดลง 800 บาท และหากคำนวณจากวันก่อน(19มิ.ย.) พบว่าราคาทองคำปรับมาแล้ว 950 บาท
ภาวะหุ้นไทยวานนี้ (20 มิ.ย) ปิดที่ระดับ 1,402.19 จุด ลบไป35.51 จุด หรือ 2.47% ราคาสูงสุดอยู่ที่1,413.39 และต่ำสุดอยู่ที่ 1,390.33 จุด มูลค่าการซื้อขาย70,113.46ล้านบาท ปัจจัยมาจากถ้อยคำแถลงของเฟดที่ประกาศจะชะลอจำนวนวงเงินในการทำQE และเตรียมยกเลิกมาตรการดังกล่าวในช่วงกลางปีหน้า ส่งผลให้เกิดแรงเทขายในทุกตลาดหุ้นทั่วโลก
โดยมูลค่าการซื้อขายตามกลุ่มนักลงทุน โดยนักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ 6,354.35 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 483.31 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปในประเทศ ซื้อสุทธิ 5,233.58 ล้านบาท สถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 1,604.07 ล้านบาท
ขณะที่ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นในภูมิภาค ดัชนีเวทเต็ด ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 108.48 จุด หรือ 1.39% ปิดที่ 7,898.91 จุด , ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดลดลง 230.64 จุด หรือ 1.74% แตะที่ 13,014.58 จุด, ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต ตลาดหุ้นจีน ลดลง 59.43 จุด หรือ 2.77% ปิดที่ 2,084.02 จุด ,ดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกงลดลง 604.02 จุด หรือ 2.88% ปิดที่ 20,382.87 จุด
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ ประเมินทิศทางการลงทุนวันนี้ว่า แรงเทขายน่าจะลดลง ทำให้โดยรวมดัชนีน่าจะเคลื่อนไหวในลักษณะทรงตัว หรือมีโอกาสรีบาวด์ขึ้นมาบ้างหลังจากปรับตัวลงไปมาก เหตุผลหนึ่งมาจากนักลงทุนรับรู้การยุติQE ของเฟดมาแล้วในระดับหนึ่ง จากการเทขายอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา เช่นเดียวกับการอ่อนค่าของค่าเงินบาท โดยกลยุทธ์ลงทุนช่วงนี้แนะนำเข้าทยอยลงทุน
**ตลท.เชื่อไม่เกิดPanic Sell
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)เปิดเผยว่า การที่ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงแรงนั้นสอดคล้องกับตลาดหุ้นภูมิภาคและตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตอบรับผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ที่ระบุว่าจะมีการชะลอมาตรการ QE ในช่วงสิ้นปีนี้ และอาจจะยุติลงในช่วงกลางปีหน้า ซึ่งในแง่หนึ่งก็เห็นว่าสร้างความชัดเจนแล้ว หลังจากตลาดคาดการณ์กันมาระยะหนึ่ง แม้ขณะนี้จะมีเงินที่ไหลออกจากตลาดหุ้นไทยไปกว่า 5 หมื่นล้านบาท แต่ยังมองว่าเป็นส่วนน้อย หากเทียบกับมูลค่าตามมาร์เกตแคป 13 ล้านล้านบาท ซึ่งนักลงทุนต่างชาติมีสัดส่วนอยู่ประมาณ 37% และส่วนมากเป็นการลงทุนระยะยาวในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่
“โดยรวมเชื่อว่าจะไม่ทำให้เกิดการ panic sell ตามมา ปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นไทยยังดี และเชื่อว่าบริษัทจดทะเบียนของไทยยังสามารถทำกำไรท่ามกลางสถานการณ์ผันผวนได้ ตอนนี้ความอึมครึมหายไป ในที่สุดความกังวลก็จบลง ช่วงสั้นคงผลกระทบบ้าง แต่ทุกคนก็สามารถวางแผนการในอนาคตได้ ส่วนเงินบาทที่อ่อนค่าก็เป็นจังหวะที่ภาคธุรกิจส่งออกจะวางกลยุทธ์แผนธุรกิจเพื่อเดินหน้าต่อไปได้ เราควรมองว่าวิกฤติช่วงนี้เป็นโอกาส”
ด้าน ม.ล.ทองมกุฎ ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นทั่วโลก ถือเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนที่จะเข้าลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานดี แต่ราคาถูก เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยยังดี กำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ยังขยายตัวสูงกว่าร้อยละ 10 ซึ่ง บล.ไทยพาณิชย์ ยังคงเป้าหมายดัชนีปลายปีนี้ที่ระดับ 1,550 จุด แต่ควรติดตามปัจจัยทางการเมืองที่ยังเป็นกดดันต่อตลาดหุ้นไทยในระยะต่อไป
“แรงขายของนักลงทุนต่างชาติ คาดว่ายังมีต่อเนื่อง หลังจากที่ต่างชาติปรับพอร์ตลดความเสี่ยง เพราะได้กำไรจากราคาหุ้นไทยที่ปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงมาตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่เชื่อว่าต่างชาติจะไม่ขายออกหมดทั้ง 100%”
**เงินบาทปิด 31.12 บาทคาดอ่อนค่าต่อ
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดวานนี้(20มิ.ย.)อยู่ที่ระดับ 31.12/15 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าลงจากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 31.03/05 บาท/ดอลลาร์ ปัจจัยหลักมาจากกรณีถ้อยแถลงของประธานเฟด ที่ออกมาส่งสัญญาณทยอยลดมาตรการ QE ภายในสิ้นปีนี้หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวตามที่คาดการณ์ไว้ และคาดว่าวันนี้(21มิ.ย.)เงินบาทก็ยังมีแนวโน้มอ่อนค่าต่อได้ เพราะดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าอย่างต่อเนื่องโดยเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 30.90-31.38 บาท/ดอลลาร์
**ทองคำวูบ 800 บาท
ขณะเดียวกันนอกเหนือจากราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลง จากความชัดเจนในเรื่องมาตรการQE ของเฟดแล้ว พบว่าราคาทองคำ ก็เป็นอีกสินทรัพย์ที่ปรับตัวลดลงมากเช่นกัน โดยวานนี้(20มิ.ย.) สมาคมค้าทองคำ ได้ปรับลดราคาทองคำลงมาถึง 8 ครั้ง มาอยู่ที่ ทองคำแท่ง รับซื้อ 19,050 บาท ขายออก 19,150 บาท ทองคำรูปพรรณ รับซื้อ18,768 บาท ขายออก 19,550 บาท ลดลง 800 บาท และหากคำนวณจากวันก่อน(19มิ.ย.) พบว่าราคาทองคำปรับมาแล้ว 950 บาท