เอเจนซีส์ – ผู้ประท้วงวัยหนุ่มสาวปะทะกับตำรวจกลางนครริโอเดจาเนโรเมื่อวันจันทร์ (17) ขณะที่ชาวบราซิลกว่า 200,000 คนร่วมชุมนุมในหลายเมืองใหญ่ของประเทศ เพื่อประท้วงการทุ่มงบหลายพันล้านดอลลาร์ในการเป็นเจ้าภาพการแข่งขันฟุตบอลคอนเฟเดอเรชันส์ คัพ และเวิลด์คัพ แต่กลับขึ้นค่าโดยสารรถเมล์และรถไฟใต้ดิน มิหนำซ้ำยังไม่เหลียวแลระบบการศึกษาและสาธารณสุข ปล่อยปละปัญหาคอร์รัปชั่นและการใช้ความรุนแรงของตำรวจ
การประท้วงทั่วบราซิลซึ่งนับเป็นการประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 20 ปีนั้น ดำเนินไปอย่างสงบเป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้การแสดงกำลังของประชาชนคราวนี้ปะทุขึ้นมาเนื่องจากกระแสความไม่พอใจในวงกว้าง ต่อต้นทุนมหาศาลในการเป็นเจ้าภาพการแข่งขันฟุตบอลระดับโลกรวม 2 รายการ นั่นคือ คอนเฟเดอเรชนส์ คัพ ซึ่งกำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้ ที่ถือเป็นการซ้อมใหญ่สำหรับการจัดแข่งขันฟุตบอลโลก อันจะมีขึ้นในปีหน้า ขณะที่บราซิลกำลังเผชิญปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมระหว่างคนจนกับคนรวย และโครงสร้างพื้นฐานเสื่อมสภาพ
อย่างไรก็ดี มีรายงานการทำลายทรัพย์สินในเมืองริโอเดจาเนโร และเมืองปอร์ตูอาเลเกร และตำรวจใช้ทั้งก๊าซน้ำตา สเปรย์พริกไทย และกระสุนยางเข้าสลายกลุ่มหนุ่มสาวสวมหน้ากากกลุ่มเล็กๆ ที่พยายามทำลายทรัพย์สินในบริเวณใกล้อาคารรัฐสภาท้องถิ่น ตลอดจนบางส่วนได้บุกเข้าไปในสภาด้วย
แต่ในที่อื่นๆ ของเมืองริโอเดจาเนโร ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองเจ้าภาพจัดการแข่งขันคอนเฟเดอเรชันส์ คัพ ตำรวจรายงานว่ามีประชาชนราว 100,000 คนเดินขบวนไปตามถนนริโอบรังโก
ส่วนที่เมืองหลวงบราซิลเลีย หนุ่มสาว 200 คนขึ้นไปบนหลังคารัฐสภาแห่งชาติช่วงสั้นๆ แต่หลังเจรจากับตำรวจ ผู้ชุมนุมก็ตกลงออกจากสถานที่ดังกล่าว บางคนตะโกนเรียกร้องให้ประธานาธิบดีดิลมา รุสเซฟ ลาออก
หลังจากนั้น มีหนุ่มสาวราว 5,000 คนจับมือเป็นโซ่มนุษย์ล้อมรัฐสภา และตำรวจต้องเข้าไปอารักขาอาคารดังกล่าว รวมถึงทำเนียบประธานาธิบดี
ที่เมืองเซาเปาลู เมืองหลวงทางเศรษฐกิจของบราซิลและเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นที่สุด มีผู้เดินขบวนอย่างสันติประมาณ 65,000 คน
นอกจากนั้นยังมีชาวบราซิลราว 3,000 คนชุมนุมหน้าศาลากลางเมืองปอร์ตูอาเลเกร อีก 30,000 คนเดินขบวนในเมืองเบโลโอรีซอนตี, 10,000 คนในเมืองกูรีตีบา และอีก 10,000 คนในเมืองเบเลง แบเสยังมีการประท้วงขนาดย่อมๆ ลงมาในฟอร์ตาเลซา, ซัลวาดอร์ และอีกหลายเมือง
ทางด้านประธานาธิบดีรุสเซฟแถลงผ่านบล็อกประธานาธิบดีของเธอว่า การประท้วงอย่างสันติเป็นการกระทำอันชอบธรรมและเป็นปกติวิสัยของหนุ่มสาว
ทว่า อัลโด เรเบโล รัฐมนตรีกีฬา เตือนว่า ทางการจะไม่ยอมให้ผู้ประท้วงขัดขวางการแข่งขันคอนเฟเดอเรชันส์ คัพ ที่มีทีมฟุตบอลจาก 8 ประเทศเข้าร่วมและจะสิ้นสุดปลายเดือนนี้ รวมทั้งฟุตบอลโลกในปีหน้า ตลอดจนมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนในปี 2016 ซึ่งรัฐบาลหวังว่า งานใหญ่เหล่านี้จะแสดงให้เห็นว่า บราซิลเป็นมหาอำนาจใหม่ในเวทีโลก
จุดเริ่มต้นของการประท้วงครั้งนี้มาจากความไม่พอใจที่มีการขึ้นค่าบริการระบบขนส่งมวลชนจาก 3 เรอัล (ประมาณ 43 บาท) เป็น 3.2 เรอัล (ประมาณ 46 บาท)เมื่อ 10 วันก่อนที่เซาเปาลู ก่อนที่คอนเฟเดอเรชันส์ คัพจะเริ่มต้นใน 6 เมืองใหญ่ของบราซิล
ความไม่สงบได้ลุกลามไปยังเมืองอื่นๆ อย่างรวดเร็ว หลังจากตำรวจเข้าสลายการชุมนุมดังกล่าวด้วยความรุนแรง โดยการประท้วงยังพุ่งเป้าไปที่งบ 1,500 ล้านดอลลาร์ที่รัฐบาลจัดสรรให้กับคอนเฟเดอเรชันส์ คัพและเวิลด์คัพ แทนที่จะจัดสรรให้กับระบบการศึกษาและสาธารณสุข จึงนำไปสู่การปะทะระหว่างผู้ชุมนุมกับตำรวจหน้าสนามกีฬาในบราซิลเลียและริโอเดจาเนโร ในนัดเปิดสนามการแข่งขันคอนเฟเดอเรชันส์ คัพ ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
การประท้วงใหญ่ครั้งนี้มีขึ้นขณะที่เศรษฐกิจบราซิลอยู่ในภาวะชะลอตัวลง โดยขยายตัวเพียง 0.6% ในไตรมาสแรกปีนี้ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นอยู่ที่ 6.5% ในเดือนที่ผ่านมา ซึ่งสูงกว่าขีดจำกัดที่ทางการตั้งเป้าไว้ นอกจากนี้ ประชาชนยังไม่พอใจปัญหาการคอร์รัปชั่นและการระบาดของอาชญากรรมรุนแรง รวมทั้งเครือข่ายขนส่งมวลชนที่มีผู้โดยสารแน่นขนัดที่ชาวบราซิลต้องเผชิญอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ปัญหาเหล่านี้สะท้อนออกมาในผลสำรวจล่าสุดที่ชี้ว่า ความนิยมในตัวรุสเซฟ โดยเฉพาะในหมู่หนุ่มสาวและผู้มีฐานะ ได้เสื่อมลงมาก แม้มีแนวโน้มว่า ประธานาธิบดีหญิงผู้นี้น่าจะยังคงได้รับเลือกตั้งกลับมาทำหน้าที่อีกสมัยในปีหน้าก็ตาม
การประท้วงทั่วบราซิลซึ่งนับเป็นการประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 20 ปีนั้น ดำเนินไปอย่างสงบเป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้การแสดงกำลังของประชาชนคราวนี้ปะทุขึ้นมาเนื่องจากกระแสความไม่พอใจในวงกว้าง ต่อต้นทุนมหาศาลในการเป็นเจ้าภาพการแข่งขันฟุตบอลระดับโลกรวม 2 รายการ นั่นคือ คอนเฟเดอเรชนส์ คัพ ซึ่งกำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้ ที่ถือเป็นการซ้อมใหญ่สำหรับการจัดแข่งขันฟุตบอลโลก อันจะมีขึ้นในปีหน้า ขณะที่บราซิลกำลังเผชิญปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมระหว่างคนจนกับคนรวย และโครงสร้างพื้นฐานเสื่อมสภาพ
อย่างไรก็ดี มีรายงานการทำลายทรัพย์สินในเมืองริโอเดจาเนโร และเมืองปอร์ตูอาเลเกร และตำรวจใช้ทั้งก๊าซน้ำตา สเปรย์พริกไทย และกระสุนยางเข้าสลายกลุ่มหนุ่มสาวสวมหน้ากากกลุ่มเล็กๆ ที่พยายามทำลายทรัพย์สินในบริเวณใกล้อาคารรัฐสภาท้องถิ่น ตลอดจนบางส่วนได้บุกเข้าไปในสภาด้วย
แต่ในที่อื่นๆ ของเมืองริโอเดจาเนโร ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองเจ้าภาพจัดการแข่งขันคอนเฟเดอเรชันส์ คัพ ตำรวจรายงานว่ามีประชาชนราว 100,000 คนเดินขบวนไปตามถนนริโอบรังโก
ส่วนที่เมืองหลวงบราซิลเลีย หนุ่มสาว 200 คนขึ้นไปบนหลังคารัฐสภาแห่งชาติช่วงสั้นๆ แต่หลังเจรจากับตำรวจ ผู้ชุมนุมก็ตกลงออกจากสถานที่ดังกล่าว บางคนตะโกนเรียกร้องให้ประธานาธิบดีดิลมา รุสเซฟ ลาออก
หลังจากนั้น มีหนุ่มสาวราว 5,000 คนจับมือเป็นโซ่มนุษย์ล้อมรัฐสภา และตำรวจต้องเข้าไปอารักขาอาคารดังกล่าว รวมถึงทำเนียบประธานาธิบดี
ที่เมืองเซาเปาลู เมืองหลวงทางเศรษฐกิจของบราซิลและเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นที่สุด มีผู้เดินขบวนอย่างสันติประมาณ 65,000 คน
นอกจากนั้นยังมีชาวบราซิลราว 3,000 คนชุมนุมหน้าศาลากลางเมืองปอร์ตูอาเลเกร อีก 30,000 คนเดินขบวนในเมืองเบโลโอรีซอนตี, 10,000 คนในเมืองกูรีตีบา และอีก 10,000 คนในเมืองเบเลง แบเสยังมีการประท้วงขนาดย่อมๆ ลงมาในฟอร์ตาเลซา, ซัลวาดอร์ และอีกหลายเมือง
ทางด้านประธานาธิบดีรุสเซฟแถลงผ่านบล็อกประธานาธิบดีของเธอว่า การประท้วงอย่างสันติเป็นการกระทำอันชอบธรรมและเป็นปกติวิสัยของหนุ่มสาว
ทว่า อัลโด เรเบโล รัฐมนตรีกีฬา เตือนว่า ทางการจะไม่ยอมให้ผู้ประท้วงขัดขวางการแข่งขันคอนเฟเดอเรชันส์ คัพ ที่มีทีมฟุตบอลจาก 8 ประเทศเข้าร่วมและจะสิ้นสุดปลายเดือนนี้ รวมทั้งฟุตบอลโลกในปีหน้า ตลอดจนมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนในปี 2016 ซึ่งรัฐบาลหวังว่า งานใหญ่เหล่านี้จะแสดงให้เห็นว่า บราซิลเป็นมหาอำนาจใหม่ในเวทีโลก
จุดเริ่มต้นของการประท้วงครั้งนี้มาจากความไม่พอใจที่มีการขึ้นค่าบริการระบบขนส่งมวลชนจาก 3 เรอัล (ประมาณ 43 บาท) เป็น 3.2 เรอัล (ประมาณ 46 บาท)เมื่อ 10 วันก่อนที่เซาเปาลู ก่อนที่คอนเฟเดอเรชันส์ คัพจะเริ่มต้นใน 6 เมืองใหญ่ของบราซิล
ความไม่สงบได้ลุกลามไปยังเมืองอื่นๆ อย่างรวดเร็ว หลังจากตำรวจเข้าสลายการชุมนุมดังกล่าวด้วยความรุนแรง โดยการประท้วงยังพุ่งเป้าไปที่งบ 1,500 ล้านดอลลาร์ที่รัฐบาลจัดสรรให้กับคอนเฟเดอเรชันส์ คัพและเวิลด์คัพ แทนที่จะจัดสรรให้กับระบบการศึกษาและสาธารณสุข จึงนำไปสู่การปะทะระหว่างผู้ชุมนุมกับตำรวจหน้าสนามกีฬาในบราซิลเลียและริโอเดจาเนโร ในนัดเปิดสนามการแข่งขันคอนเฟเดอเรชันส์ คัพ ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
การประท้วงใหญ่ครั้งนี้มีขึ้นขณะที่เศรษฐกิจบราซิลอยู่ในภาวะชะลอตัวลง โดยขยายตัวเพียง 0.6% ในไตรมาสแรกปีนี้ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นอยู่ที่ 6.5% ในเดือนที่ผ่านมา ซึ่งสูงกว่าขีดจำกัดที่ทางการตั้งเป้าไว้ นอกจากนี้ ประชาชนยังไม่พอใจปัญหาการคอร์รัปชั่นและการระบาดของอาชญากรรมรุนแรง รวมทั้งเครือข่ายขนส่งมวลชนที่มีผู้โดยสารแน่นขนัดที่ชาวบราซิลต้องเผชิญอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ปัญหาเหล่านี้สะท้อนออกมาในผลสำรวจล่าสุดที่ชี้ว่า ความนิยมในตัวรุสเซฟ โดยเฉพาะในหมู่หนุ่มสาวและผู้มีฐานะ ได้เสื่อมลงมาก แม้มีแนวโน้มว่า ประธานาธิบดีหญิงผู้นี้น่าจะยังคงได้รับเลือกตั้งกลับมาทำหน้าที่อีกสมัยในปีหน้าก็ตาม