ASTVผู้จัดการรายวัน - โฮมชอปปิ้งลอยตัว “โอช้อปปิ้ง” ไม่หวั่นกำลังซื้อตก มองเศรษฐกิจไทยยังแข็งแกร่ง ตลาดโฮมชอปปิ้งมีโอกาสโตในสถานการณ์วิกฤติสูง คาดปีนี้ทะลุ 10,000 ล้านบาท โอช้อปปิ้งมั่นใจสิ้นปีรายได้ร่วม 500 ล้านบาท หวังขึ้นแท่นผู้นำในอีก 3 ปีข้างหน้า ด้วยมาร์เก็ตแชร์ไม่ต่ำกว่า 20-25%
นายซอง นัก เจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอ็มเอ็ม ซีเจ โอ ช้อปปิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันตัวเลขจีดีพีของไทยอาจจะต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ หรือกำลังซื้อโดยรวมจะตกลง ช่องทางรีเทลได้รับผลกระทบ แต่หากมองในภาพรวมยังมั่นใจว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยยังแข็งแกร่ง ถึงแม้คนไทยส่วนใหญ่อาจจะมีหนี้เพิ่มจากนโยบายของรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นรถคันแรก
แต่มองว่าเป็นหนี้บนพื้นฐานของชีวิต ถ้าผ่านพ้นไปได้ ประเทศไทยจึงยังคงเป็นตลาดที่น่าสนใจของนักลงทุนต่างชาติอยู่ โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่ใช่ประเทศในอาเซียน ที่มองไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค
โดยเฉพาะในกลุ่มตลาดโฮมชอปปิ้ง ไทยถือเป็นอีกประเทศที่น่าลงทุน จากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง รวมถึงกำลังซื้อระดับกลางที่มีอยู่มาก ที่พร้อมจะเปิดใจยอมรับกับการซื้อขายผ่านช่องทางใหม่ๆ บวกกับปัจจุบันคนไทยนิยมซื้อผ่านออนไลน์ มีความซื่อสัตย์ต่อกันระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อที่มีความมั่นใจในการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น สถาบันการเงินให้การยอมรับและแข็งแกร่ง รวมถึงการเปิดเสรีของบรอดคาสติ้งไทย ที่ทำให้มีช่องรายการใหม่ๆเกิดขึ้นในเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียม ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดโฮมชอปปิ้งเป็นที่สนใจของนักลงทุนต่างประเทศ ที่กำลังจะเข้ามาลงทุนอีกหลายรายทั้งญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ โดยในปีนี้มองว่าภาพรวมตลาดโฮมชอปปิ้งจะสูงถึง 10,000 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 7,000 ล้านบาท
“จะเห็นได้ว่าในสถานการณ์กำลังซื้อตกลง แต่โฮมชอปปิ้งยังเติบโต มองว่ามาจากสินค้าที่ขายในโฮมชอปปิ้งเป็นสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน และสะดวกต่อการเลือกซื้อของผู้บริโภค รวมถึงมีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาในตลาดจึงทำให้ตลาดโตขึ้น เช่นเดียวกับในต่างประเทศที่พบว่าแม้เศรษฐกิจจะฝืดเคือง แต่หุ้นบริษัทเกี่ยวกับโฮมชอปปิ้งกลับพุ่งสูงขึ้น เป็นเพราะเศรษฐกิจไม่ดี คนออกจากบ้านน้อยลง การซื้อผ่านช่องทางรีเทลลดลง มีการล้างสต๊อกส่งต่อไปยังช่องทางโฮมชอปปิ้ง ทำให้เป็นโอกาสของโฮมชอปปิ้ง ที่สามารถทำการขายในราคาที่ดีได้”
นายซอง นัก เจ กล่าวต่อว่า ในส่วนของโอช้อปปิ้ง มองว่ากลุ่มลูกค้าที่ซื้อสินค้าของทางบริษัทจะยังคงมีกำลังซื้อใกล้เคียงกัน ขณะที่กลยุทธ์ที่จะใช้ในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะมีทั้ง 1.การเพิ่มรายการสด ผ่านช่องรายการที่ออกอากาศอยู่ให้มากขึ้น เช่น ทางช่อง 6 ของเวิร์คพ้อยท์ ทีวี และช่องรายการต่างๆทางเคเบิลทีวีกับ 100 ผู้ประกอบการที่เข้าร่วม รวมถึงช่อง0กับ จีเอ็มเอ็ม แซท เป็นต้น 2.ใช้สตาร์มาร์เก็ตติ้ง นำเสนอสินค้าผ่านดารา หรือขายสินค้าที่ดาราเป็นเจ้าของกิจการ 3.เพิ่มสินค้ากลุ่มใหม่เข้ามา เช่น ไอที เชื่อว่าจะช่วยทำให้ภาพรวมรายได้ในปีนี้อยู่ที่ 500 ล้านบาทได้ และในอีก 3 ปี จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดโฮมชอปปิ้ง ด้วยมาร์เก็ตแชร์ไม่ต่ำกว่า 20-25% หรือน่าจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท
นายซอง นัก เจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอ็มเอ็ม ซีเจ โอ ช้อปปิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันตัวเลขจีดีพีของไทยอาจจะต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ หรือกำลังซื้อโดยรวมจะตกลง ช่องทางรีเทลได้รับผลกระทบ แต่หากมองในภาพรวมยังมั่นใจว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยยังแข็งแกร่ง ถึงแม้คนไทยส่วนใหญ่อาจจะมีหนี้เพิ่มจากนโยบายของรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นรถคันแรก
แต่มองว่าเป็นหนี้บนพื้นฐานของชีวิต ถ้าผ่านพ้นไปได้ ประเทศไทยจึงยังคงเป็นตลาดที่น่าสนใจของนักลงทุนต่างชาติอยู่ โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่ใช่ประเทศในอาเซียน ที่มองไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค
โดยเฉพาะในกลุ่มตลาดโฮมชอปปิ้ง ไทยถือเป็นอีกประเทศที่น่าลงทุน จากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง รวมถึงกำลังซื้อระดับกลางที่มีอยู่มาก ที่พร้อมจะเปิดใจยอมรับกับการซื้อขายผ่านช่องทางใหม่ๆ บวกกับปัจจุบันคนไทยนิยมซื้อผ่านออนไลน์ มีความซื่อสัตย์ต่อกันระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อที่มีความมั่นใจในการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น สถาบันการเงินให้การยอมรับและแข็งแกร่ง รวมถึงการเปิดเสรีของบรอดคาสติ้งไทย ที่ทำให้มีช่องรายการใหม่ๆเกิดขึ้นในเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียม ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดโฮมชอปปิ้งเป็นที่สนใจของนักลงทุนต่างประเทศ ที่กำลังจะเข้ามาลงทุนอีกหลายรายทั้งญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ โดยในปีนี้มองว่าภาพรวมตลาดโฮมชอปปิ้งจะสูงถึง 10,000 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 7,000 ล้านบาท
“จะเห็นได้ว่าในสถานการณ์กำลังซื้อตกลง แต่โฮมชอปปิ้งยังเติบโต มองว่ามาจากสินค้าที่ขายในโฮมชอปปิ้งเป็นสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน และสะดวกต่อการเลือกซื้อของผู้บริโภค รวมถึงมีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาในตลาดจึงทำให้ตลาดโตขึ้น เช่นเดียวกับในต่างประเทศที่พบว่าแม้เศรษฐกิจจะฝืดเคือง แต่หุ้นบริษัทเกี่ยวกับโฮมชอปปิ้งกลับพุ่งสูงขึ้น เป็นเพราะเศรษฐกิจไม่ดี คนออกจากบ้านน้อยลง การซื้อผ่านช่องทางรีเทลลดลง มีการล้างสต๊อกส่งต่อไปยังช่องทางโฮมชอปปิ้ง ทำให้เป็นโอกาสของโฮมชอปปิ้ง ที่สามารถทำการขายในราคาที่ดีได้”
นายซอง นัก เจ กล่าวต่อว่า ในส่วนของโอช้อปปิ้ง มองว่ากลุ่มลูกค้าที่ซื้อสินค้าของทางบริษัทจะยังคงมีกำลังซื้อใกล้เคียงกัน ขณะที่กลยุทธ์ที่จะใช้ในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะมีทั้ง 1.การเพิ่มรายการสด ผ่านช่องรายการที่ออกอากาศอยู่ให้มากขึ้น เช่น ทางช่อง 6 ของเวิร์คพ้อยท์ ทีวี และช่องรายการต่างๆทางเคเบิลทีวีกับ 100 ผู้ประกอบการที่เข้าร่วม รวมถึงช่อง0กับ จีเอ็มเอ็ม แซท เป็นต้น 2.ใช้สตาร์มาร์เก็ตติ้ง นำเสนอสินค้าผ่านดารา หรือขายสินค้าที่ดาราเป็นเจ้าของกิจการ 3.เพิ่มสินค้ากลุ่มใหม่เข้ามา เช่น ไอที เชื่อว่าจะช่วยทำให้ภาพรวมรายได้ในปีนี้อยู่ที่ 500 ล้านบาทได้ และในอีก 3 ปี จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดโฮมชอปปิ้ง ด้วยมาร์เก็ตแชร์ไม่ต่ำกว่า 20-25% หรือน่าจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท