(18 มิ.ย.56)
ที่จั่วหัวเรื่องเช่นนี้ มิใช่เพราะผู้เขียนเพ้อเจ้อ แต่ด้วยเล็งเห็นว่า สถานการณ์โดยรวมของการต่อสู้กันระหว่าง “เขา” คือกลุ่มทุนสามานย์ในระบอบทักษิณกับ “เรา” คือขบวนการการเมืองภาคประชาชนที่มีพันธมิตรฯเป็นแกนนำ ได้ก้าวมาถึง “จุดหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญยิ่งยวด” แล้ว เมื่อเหตุการณ์ปรากฏชัดเจนว่า พวก “เขา” กำลังอยู่ในภาวะ “ขาลง” และ “เรา” ได้ก้าวสู่ภาวะ “ขาขึ้น” แล้วอย่างมีนัยสำคัญ
ในสายตาของผู้เขียน ทั้งหมดของ “เขา” และ “เรา” นี้ ได้สะท้อนถึงทิศทางการขับเคลื่อนของประเทศไทยในระยะเปลี่ยนผ่านนี้ อย่างชัดเจน
ทั้งนี้ ปรากฏการณ์ “กองทัพประชาชนหน้ากากขาว” สะท้อนสภาวะ “สุกงอม”ของสถานการณ์อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในเชิงยุทธศาสตร์ของการทำ “สงครามมวลชน” ถ้าทำความเข้าใจได้อย่างรอบด้าน จะช่วยให้การนำในขบวนการการเมืองภาคประชาชน ดำเนินไปในทิศทางที่ถูกต้อง กำหนดยุทธศาสตร์การเคลื่อนไหวได้สอดคล้องกับสถานการณ์เป็นจริง อย่างเหมาะเจาะไม่ช้าหรือเร็วเกินไป
ผู้เขียนมีเหตุผลยืนยันว่า สถานการณ์ปัจจุบัน มีความ “สุกงอม”แล้ว การขับเคลื่อนของขบวนการการเมืองภาคประชาชน ในรูปของ “กองทัพประชาชนหน้ากากขาว” สามารถดำเนินต่อเนื่อง พัฒนาขยายตัวต่อไป และเมื่อเชื่อมประสานกับขบวนการการเมืองภาคประชาชนโดยรวม ด้วยรูปแบบรองรับที่ทุกฝ่ายเห็นชอบ (เช่นการก่อตั้ง “สภาการเมืองประชาชน”) ก็จะสามารถยกระดับสู่การ “เผด็จศึก”ระบอบทักษิณได้ในที่สุด
นั่นหมายถึงว่า สถานการณ์ “สุกงอม”ที่เกิดขึ้นแล้วนี้ จะเป็น “เงื่อนไขจำเป็น” สำหรับการรวม “พลังอำนาจดี” ทั้งมวลมาอยู่บนเวทีเดียวกัน (สภาการเมืองประชาชน) ประกาศเจตนารมณ์ทางการเมืองของปวงชนชาวไทย ดำเนินการต่อสู้ “เผด็จศึก” ระบอบทักษิณให้หมดสิ้นไปจากประเทศไทย !
เพื่อให้เกิดความกระจ่าง ผู้เขียนขออธิบายเรื่อง “สถานการณ์สุกงอม” สำหรับการทำสงคราม “เผด็จศึก” ระบอบทักษิณ ที่ตั้งอยู่บนฐานของการ “รู้เขา รู้เรา” คือ “เราพร้อม” และ “เขาไม่พร้อม” ดังนี้
การเปลี่ยนแปลงประเทศไทยที่ประชาชนเป็น “เจ้าภาพ” ในรูปของขบวนการเมืองภาคประชาชนนำโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยครั้งนี้ “ความสุกงอม” ของสถานการณ์ อยู่ตรงที่
1. “เราพร้อม” หมายถึง “มวลชนพร้อม” เกิด “กองทัพมวลชนตื่นรู้” ขนาดใหญ่ อันเนื่องจากการสบทบกันเข้าของ “มวลชนตื่นรู้” กับ “มวลชนทนไม่ไหว” ที่เด่นชัดก็คือการอุบัติขึ้นของ “กองทัพประชาชนหน้ากากขาว” สร้างการตื่นตัวให้แก่ “พลังเงียบ”ในสังคมครั้งใหญ่ เกิดขยายตัวอย่างรวดเร็วของขบวนการการเมืองภาคประชาชน ด้วยความแรงและเร็วอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
การพองตัวดุจคลื่นยักษ์ “สึนามิ”ของขบวนการการเมืองภาคประชาชน จะนำไปสู่การสั่นไหวของกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ ทั้งในวงการรัฐ เอกชน ทั้งที่เป็นกลไกอำนาจรัฐ เช่นตำรวจ ทหาร ข้าราชการทุกหมู่เหล่า และกลไกอำนาจสังคม เช่นสื่อสายหลัก ทั้งสื่อโทรทัศน์และสื่อสิ่งพิมพ์ รวมทั้งสถาบันการศึกษาต่างๆ ตลอดจนกลไกทางธุรกิจการค้า เช่น สมาคมธุรกิจการค้าต่างๆ เป็นต้น ซึ่งเมื่อถึงจุดหนึ่ง พวกเขาก็จะประกาศตัวสนับสนุนหรือกระทั่งเข้าเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการการเมืองภาคประชาชน โค่นล้มระบอบทักษิณ
2. “เขาไม่พร้อม” หมายถึงกลุ่มอำนาจระบอบทักษิณได้ก้าวเข้าสู่สภาวะ “ขาลง”แล้ว เมื่อทักษิณ “เร่งเกม” จน “โอเวอร์ฮีท” บวกกับการบริหารประเทศของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ในคาถาของทักษิณผิดพลาดในเรื่องใหญ่ๆหลายเรื่อง เช่นเรื่องการจำนำข้าว การแก้ไขปัญหาน้ำ การกู้เงิน 2.2ล้านๆบาท เป็นต้น รวมทั้งการตายของนายเอกยุทธ อัญชันบุตร ก็เกี่ยวโยงถึงอำนาจการเมืองในระบอบทักษิณอย่างชัดเจน
เสียงวิพากษ์จากสังคมดังกระหึ่ม รัฐบาลและนักการเมืองโกงตกเป็นจำเลยสังคมชัดเจน ขณะที่กลไกอำนาจรัฐคือตำรวจ ยังไม่มีทิศทางรับมือกับ “กองทัพมวลชนตื่นรู้-ทนไม่ไหว”ระลอกใหม่ เช่น กองทัพประชาชนหน้ากากขาว
กล่าวได้ว่า ปัจจุบัน พวกเขายังสับสนงุนงงอยู่กับการผงาดขึ้นของกองทัพประชาชนหน้ากากขาว หันรีหันขวางทำอะไรไม่ถูก ปรับความคิดไม่ทัน ยังไม่มีหลัก และกว่าจะตั้งหลักได้ก็ต้องใช้เวลาอีกช่วงหนึ่ง
สรุปได้ว่า ณ เวลานี้ สถานการณ์ “สุกงอม” ได้ปรากฏแล้วโดยพื้นฐาน เกิด “เงื่อนไขจำเป็น”ที่จะรองรับการขับเคลื่อนในขั้นต่อไป โดยขบวนการฯภาคประชาชนสามารถช่วงชิงโอกาส ขยายตัว “ตะลุยต่อ” อย่างไม่กลัวหน้าอินทร์หน้าพรหม และอย่างกล้าหาญชาญชัย ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ซึ่งจะนำไปสู่การยกระดับความสุกงอมได้อย่างฮวบฮาบ ทั้งทางด้านปริมาณและคุณภาพ บวกกับการใช้เรื่องราว/เหตุการณ์ต่างๆ เช่นการฆาตกรรมคุณเอกยุทธ อัญชัญบุตร ความเสียหายจากนโยบายจำนำข้าว เป็นต้น ไปขยายผลทางด้านจิตวิทยา จากนี้ ไป“สร้างการตื่นรู้” และ “ยกระดับความทนไม่ไหวสู่ความตื่นรู้” ให้ “ความตื่นรู้” เป็นพลังชี้นำการเคลื่อนตัวของ “กองทัพมวลชนตื่นรู้” ในรูปแบบต่างๆอย่างกว้างขวางยิ่งๆขึ้น
การสับประยุทธ์ใหญ่ ในภาวะที่ “เราพร้อม” ขณะที่ “เขาไม่พร้อม” จะทำให้ เรา “เป็นต่อ”ได้ง่าย ผลักดันให้เหตุการณ์พลิกผันไปในทางที่ดีต่อ “เรา” เร็วขึ้น มากขึ้น หากดำเนินกลยุทธ์ได้ดี อาจถึงกับสามารถ “เผด็จศึก” ระบอบทักษิณได้ในชั่วพริบตาเดียว !
ทั้งนี้ “ทุกฝ่าย” สามารถเชื่อมประสานตนเองเข้ากับขบวนการ “กองทัพประชาชนหน้ากากขาว” ในรูปแบบที่เป็นไปได้ดีที่สุดต่อการทำ “สงครามมวลชน” โค่นล้มระบอบทักษิณ
ยุทธศาสตร์ใหญ่ของขบวนการการเมืองภาคประชาชนวันนี้ ก็คือ ทุกฝ่ายจงชูธง “สามัคคี 100%” รวมพลังอำนาจดี เป็น “กองทัพมวลชนตื่นรู้” หรือ “กองทัพประชาชนหน้ากากขาว” ดำเนิน “สงครามมวลชน” ต่อสู้ เอาชนะ ล้มล้างระบอบทักษิณให้หมดสิ้นไปจากประเทศไทย !
ใช้ “สงครามมวลชน” เผด็จศึกระบอบทักษิณ !
กองทัพมวลชนตื่นรู้ มาแล้ว
กองทัพประชาชนหน้ากากขาว มาแล้ว
“สงครามมวลชน” เริ่มแล้ว
“ทุกฝ่าย” ...... มาแล้ว
มาร่วมทำ “สงครามมวลชน” !
การศึกครั้งนี้ ไม่มีเสียงนกหวีด มีแต่เสียง “กลองศึก”
จงใช้เสียงกลองศึกสยบข้าศึก
“รบ”ชนะโดยไม่ต้องรบ
ด้วยพลังอำนาจมหาศาลของ “กองทัพประชาชน” ซึ่งเป็น “กองทัพมวลชนตื่นรู้”!
-------------------
ที่จั่วหัวเรื่องเช่นนี้ มิใช่เพราะผู้เขียนเพ้อเจ้อ แต่ด้วยเล็งเห็นว่า สถานการณ์โดยรวมของการต่อสู้กันระหว่าง “เขา” คือกลุ่มทุนสามานย์ในระบอบทักษิณกับ “เรา” คือขบวนการการเมืองภาคประชาชนที่มีพันธมิตรฯเป็นแกนนำ ได้ก้าวมาถึง “จุดหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญยิ่งยวด” แล้ว เมื่อเหตุการณ์ปรากฏชัดเจนว่า พวก “เขา” กำลังอยู่ในภาวะ “ขาลง” และ “เรา” ได้ก้าวสู่ภาวะ “ขาขึ้น” แล้วอย่างมีนัยสำคัญ
ในสายตาของผู้เขียน ทั้งหมดของ “เขา” และ “เรา” นี้ ได้สะท้อนถึงทิศทางการขับเคลื่อนของประเทศไทยในระยะเปลี่ยนผ่านนี้ อย่างชัดเจน
ทั้งนี้ ปรากฏการณ์ “กองทัพประชาชนหน้ากากขาว” สะท้อนสภาวะ “สุกงอม”ของสถานการณ์อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในเชิงยุทธศาสตร์ของการทำ “สงครามมวลชน” ถ้าทำความเข้าใจได้อย่างรอบด้าน จะช่วยให้การนำในขบวนการการเมืองภาคประชาชน ดำเนินไปในทิศทางที่ถูกต้อง กำหนดยุทธศาสตร์การเคลื่อนไหวได้สอดคล้องกับสถานการณ์เป็นจริง อย่างเหมาะเจาะไม่ช้าหรือเร็วเกินไป
ผู้เขียนมีเหตุผลยืนยันว่า สถานการณ์ปัจจุบัน มีความ “สุกงอม”แล้ว การขับเคลื่อนของขบวนการการเมืองภาคประชาชน ในรูปของ “กองทัพประชาชนหน้ากากขาว” สามารถดำเนินต่อเนื่อง พัฒนาขยายตัวต่อไป และเมื่อเชื่อมประสานกับขบวนการการเมืองภาคประชาชนโดยรวม ด้วยรูปแบบรองรับที่ทุกฝ่ายเห็นชอบ (เช่นการก่อตั้ง “สภาการเมืองประชาชน”) ก็จะสามารถยกระดับสู่การ “เผด็จศึก”ระบอบทักษิณได้ในที่สุด
นั่นหมายถึงว่า สถานการณ์ “สุกงอม”ที่เกิดขึ้นแล้วนี้ จะเป็น “เงื่อนไขจำเป็น” สำหรับการรวม “พลังอำนาจดี” ทั้งมวลมาอยู่บนเวทีเดียวกัน (สภาการเมืองประชาชน) ประกาศเจตนารมณ์ทางการเมืองของปวงชนชาวไทย ดำเนินการต่อสู้ “เผด็จศึก” ระบอบทักษิณให้หมดสิ้นไปจากประเทศไทย !
เพื่อให้เกิดความกระจ่าง ผู้เขียนขออธิบายเรื่อง “สถานการณ์สุกงอม” สำหรับการทำสงคราม “เผด็จศึก” ระบอบทักษิณ ที่ตั้งอยู่บนฐานของการ “รู้เขา รู้เรา” คือ “เราพร้อม” และ “เขาไม่พร้อม” ดังนี้
การเปลี่ยนแปลงประเทศไทยที่ประชาชนเป็น “เจ้าภาพ” ในรูปของขบวนการเมืองภาคประชาชนนำโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยครั้งนี้ “ความสุกงอม” ของสถานการณ์ อยู่ตรงที่
1. “เราพร้อม” หมายถึง “มวลชนพร้อม” เกิด “กองทัพมวลชนตื่นรู้” ขนาดใหญ่ อันเนื่องจากการสบทบกันเข้าของ “มวลชนตื่นรู้” กับ “มวลชนทนไม่ไหว” ที่เด่นชัดก็คือการอุบัติขึ้นของ “กองทัพประชาชนหน้ากากขาว” สร้างการตื่นตัวให้แก่ “พลังเงียบ”ในสังคมครั้งใหญ่ เกิดขยายตัวอย่างรวดเร็วของขบวนการการเมืองภาคประชาชน ด้วยความแรงและเร็วอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
การพองตัวดุจคลื่นยักษ์ “สึนามิ”ของขบวนการการเมืองภาคประชาชน จะนำไปสู่การสั่นไหวของกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ ทั้งในวงการรัฐ เอกชน ทั้งที่เป็นกลไกอำนาจรัฐ เช่นตำรวจ ทหาร ข้าราชการทุกหมู่เหล่า และกลไกอำนาจสังคม เช่นสื่อสายหลัก ทั้งสื่อโทรทัศน์และสื่อสิ่งพิมพ์ รวมทั้งสถาบันการศึกษาต่างๆ ตลอดจนกลไกทางธุรกิจการค้า เช่น สมาคมธุรกิจการค้าต่างๆ เป็นต้น ซึ่งเมื่อถึงจุดหนึ่ง พวกเขาก็จะประกาศตัวสนับสนุนหรือกระทั่งเข้าเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการการเมืองภาคประชาชน โค่นล้มระบอบทักษิณ
2. “เขาไม่พร้อม” หมายถึงกลุ่มอำนาจระบอบทักษิณได้ก้าวเข้าสู่สภาวะ “ขาลง”แล้ว เมื่อทักษิณ “เร่งเกม” จน “โอเวอร์ฮีท” บวกกับการบริหารประเทศของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ในคาถาของทักษิณผิดพลาดในเรื่องใหญ่ๆหลายเรื่อง เช่นเรื่องการจำนำข้าว การแก้ไขปัญหาน้ำ การกู้เงิน 2.2ล้านๆบาท เป็นต้น รวมทั้งการตายของนายเอกยุทธ อัญชันบุตร ก็เกี่ยวโยงถึงอำนาจการเมืองในระบอบทักษิณอย่างชัดเจน
เสียงวิพากษ์จากสังคมดังกระหึ่ม รัฐบาลและนักการเมืองโกงตกเป็นจำเลยสังคมชัดเจน ขณะที่กลไกอำนาจรัฐคือตำรวจ ยังไม่มีทิศทางรับมือกับ “กองทัพมวลชนตื่นรู้-ทนไม่ไหว”ระลอกใหม่ เช่น กองทัพประชาชนหน้ากากขาว
กล่าวได้ว่า ปัจจุบัน พวกเขายังสับสนงุนงงอยู่กับการผงาดขึ้นของกองทัพประชาชนหน้ากากขาว หันรีหันขวางทำอะไรไม่ถูก ปรับความคิดไม่ทัน ยังไม่มีหลัก และกว่าจะตั้งหลักได้ก็ต้องใช้เวลาอีกช่วงหนึ่ง
สรุปได้ว่า ณ เวลานี้ สถานการณ์ “สุกงอม” ได้ปรากฏแล้วโดยพื้นฐาน เกิด “เงื่อนไขจำเป็น”ที่จะรองรับการขับเคลื่อนในขั้นต่อไป โดยขบวนการฯภาคประชาชนสามารถช่วงชิงโอกาส ขยายตัว “ตะลุยต่อ” อย่างไม่กลัวหน้าอินทร์หน้าพรหม และอย่างกล้าหาญชาญชัย ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ซึ่งจะนำไปสู่การยกระดับความสุกงอมได้อย่างฮวบฮาบ ทั้งทางด้านปริมาณและคุณภาพ บวกกับการใช้เรื่องราว/เหตุการณ์ต่างๆ เช่นการฆาตกรรมคุณเอกยุทธ อัญชัญบุตร ความเสียหายจากนโยบายจำนำข้าว เป็นต้น ไปขยายผลทางด้านจิตวิทยา จากนี้ ไป“สร้างการตื่นรู้” และ “ยกระดับความทนไม่ไหวสู่ความตื่นรู้” ให้ “ความตื่นรู้” เป็นพลังชี้นำการเคลื่อนตัวของ “กองทัพมวลชนตื่นรู้” ในรูปแบบต่างๆอย่างกว้างขวางยิ่งๆขึ้น
การสับประยุทธ์ใหญ่ ในภาวะที่ “เราพร้อม” ขณะที่ “เขาไม่พร้อม” จะทำให้ เรา “เป็นต่อ”ได้ง่าย ผลักดันให้เหตุการณ์พลิกผันไปในทางที่ดีต่อ “เรา” เร็วขึ้น มากขึ้น หากดำเนินกลยุทธ์ได้ดี อาจถึงกับสามารถ “เผด็จศึก” ระบอบทักษิณได้ในชั่วพริบตาเดียว !
ทั้งนี้ “ทุกฝ่าย” สามารถเชื่อมประสานตนเองเข้ากับขบวนการ “กองทัพประชาชนหน้ากากขาว” ในรูปแบบที่เป็นไปได้ดีที่สุดต่อการทำ “สงครามมวลชน” โค่นล้มระบอบทักษิณ
ยุทธศาสตร์ใหญ่ของขบวนการการเมืองภาคประชาชนวันนี้ ก็คือ ทุกฝ่ายจงชูธง “สามัคคี 100%” รวมพลังอำนาจดี เป็น “กองทัพมวลชนตื่นรู้” หรือ “กองทัพประชาชนหน้ากากขาว” ดำเนิน “สงครามมวลชน” ต่อสู้ เอาชนะ ล้มล้างระบอบทักษิณให้หมดสิ้นไปจากประเทศไทย !
ใช้ “สงครามมวลชน” เผด็จศึกระบอบทักษิณ !
กองทัพมวลชนตื่นรู้ มาแล้ว
กองทัพประชาชนหน้ากากขาว มาแล้ว
“สงครามมวลชน” เริ่มแล้ว
“ทุกฝ่าย” ...... มาแล้ว
มาร่วมทำ “สงครามมวลชน” !
การศึกครั้งนี้ ไม่มีเสียงนกหวีด มีแต่เสียง “กลองศึก”
จงใช้เสียงกลองศึกสยบข้าศึก
“รบ”ชนะโดยไม่ต้องรบ
ด้วยพลังอำนาจมหาศาลของ “กองทัพประชาชน” ซึ่งเป็น “กองทัพมวลชนตื่นรู้”!
-------------------