(12 มิ.ย.56)
กองทัพมวลชนตื่นรู้/กองทัพประชาชน “หน้ากากขาว” มาแล้ว
“สงครามมวลชน” เริ่มแล้ว
“ทุกฝ่าย” ...... มาแล้ว
มาร่วมทำ “สงครามมวลชน” !
.....................
การศึกครั้งนี้ ไม่มีเสียงนกหวีด มีแต่เสียง “กลองศึก”
จงใช้เสียงกลองศึกสยบข้าศึก
เรา”รบ”ชนะได้โดยไม่ต้องรบ
ด้วยพลังอำนาจมหาศาลของ “กองทัพประชาชน” ซึ่งเป็น “กองทัพมวลชนตื่นรู้”!
...........................
ข้อความข้างต้นที่ผู้เขียนลำดับมา ดังก้องอยู่ในห้วงสำนึกมาแล้วหลายวัน ภายหลังการเคลื่อนพลของ “กองทัพประชาชนหน้ากากขาว” ซึ่งก็คือ “กองทัพมวลชนตื่นรู้” ในทฤษฎี “สงครามมวลชน” ที่ผู้เขียนได้นำเสนอแก่แกนนำพันธมิตรฯตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว และนำเสนอสู่สาธารณะทางเว็บไซต์เอเอสทีวีผู้จัดการ (คอลัมน์ “มุมมองพันธมิตร”)ในเดือนถัดมา อีกทั้งยังได้จัดรวมไว้ในหนังสือเล่มเล็ก “ปรัชญาการเมืองพันธมิตรฯ” เผยแพร่ทั่วไปแล้วตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา
สิ่งที่ทำให้ผู้เขียนรู้สึกตื่นเต้น ไม่เพียงเพราะสิ่งที่กำลังมีกำลังเกิด สะท้อนความถูกต้องของทฤษฎี (ซึ่งโดยเนื้อแท้ก็คือการยืนยันถึงความถูกต้องของการขับเคลื่อนทางการเมืองของขบวนการการเมืองภาคประชาชนนำโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย) แต่ยังเพราะสถานการณ์ที่กำลังเปลี่ยนไป ภายหลังจากการขับเคลื่อนของกองทัพประชาชนหน้ากากขาว ดำเนินไปอย่างรวดเร็วมาก จนผู้เขียนไม่นิ่งพอที่จะสรุปได้ในภาพรวม !
อีกนัยหนึ่ง มันมีสิ่งใหม่ๆเกิดขึ้นมากภายในระยะเวลาอันสั้น จนไม่อาจใช้ข้อมูลที่เพิ่งได้มาเป็นฐานคิด
เช่นพอบอกว่า การชุมนุมเมื่อวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา ทั่วประเทศมีกี่จังหวัด? จำนวนมวลชนมีมากแค่ไหน ? พลันก็มีข้อมูลใหม่ตามมาว่า ในการชุมนุมของกองทัพประชาชนหน้ากากขาวทั่วประเทศในวันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายนที่จะถึงนี้ อาจมีเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ และสัปดาห์ถัดไปอีกล่ะ ?
หรือไม่ก็เรื่องที่มีการวินิจฉัยว่า “หน้ากากขาว” ไม่มีการนำ แต่พอการเคลื่อนพลสู่ถนนทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดเพียง 2 ครั้ง ก็ปรากฏว่า หน้าเฟสบุ๊ค “V For Thailand”ได้ทำหน้าที่เป็น “ศูนย์การนำ”การเคลื่อนพลไปแล้วโดยปริยาย
นั่นหมายถึงว่า ถ้าคุณสรุปชัดลงไปเลยว่า กองทัพประชาชนหน้ากากขาว ไร้แม่ทัพบัญชาการ ก็จะไม่ตรงกับความเป็นจริง
ในมุมมองของผู้เขียน การเกิดการนำหรือผู้นำในกองทัพประชาชนหน้ากากขาว กำลังดำเนินไปตาม “ความจำเป็น” ของการเคลื่อนไหว โดย “มวลชนตื่นรู้” และ “ทนไม่ไหว” มี “ความพร้อม”เต็มที่ ในการกระโดดเข้าร่วมทำ “สงครามมวลชน” ขอให้โบกธง ลั่นกลองรบ พวกเขาก็จะออกทำศึกโดยไม่รีรอ
นั่นหมายถึงว่า “ความพร้อม”ของมวลชนเช่นนี้ จะนำไปสู่ “สถานการณ์สุกงอม” ตามที่เรารอคอย !
ข้อสังเกตบางประการเกี่ยวกับกองทัพประชาชน “หน้ากากขาว”
1.ปรากฏการณ์ “หน้ากากขาว” สะท้อนถึงความทนไม่ไหวของประชาชนคนไทยทั่วไป ที่นับวัน “ตื่นรู้” ในความจริงของปัญหาประเทศไทย
คนไทยที่ “ตื่นรู้” รอบนี้ หมายถึงคนไทยทั่วไปในทุกวงการ ทุกระดับ ทุกสาขาอาชีพ โดยเฉพาะในกลุ่มคนวัยทำงาน ที่ความทนไม่ไหวได้พุ่งปรี๊ดด้วยแรงกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง จากพฤติกรรมโฉดชั่วของนักการเมืองในระบอบทักษิณ ตั้งแต่การ “เร่งเกม”กลืนกินประเทศไทยของนักโทษชายทักษิณในต่างแดน กับการเข็นนโยบายซื้อเสียงขายชาติของบรรดาลิ่วล้อที่คุมอำนาจบริหารในกระทรวงทบวงกรมต่างๆ เช่นการจำนำข้าว การกู้เงิน 2.2 ล้านๆมาสร้างทางรถไฟความเร็วสูง และการเข็นแผนแก้ปัญหาน้ำด้วยเงินมากถึง 3.5 แสนล้านบาท เป็นต้น ที่เต็มไปด้วยร่องรอยของการทุจริตโกงกิน ตลอดจนพฤติกรรมเถื่อนถ่อยของกลุ่มคนเสื้อแดง เคลื่อนไหวคุกคามศาลรัฐธรรมนูญ ตลอดจนการประกาศตนอย่างเป็นทางการของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ปฏิเสธอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ ฯลฯ
2. การสั่งสมของความตื่นรู้และทนไม่ไหว นำมาซึ่งปรากฏการณ์หน้ากากขาว ในรูปของ “ผีเสื้อกระพือปีก”
พลันที่ “หน้ากากขาว” ปรากฏตัวบนโลกไซเบอร์ พร้อมกับประกาศว่า “ขณะนี้กองทัพประชาชนได้ลุกขึ้นแล้ว ข้าขอประกาศว่า ข้าจะล้มล้างระบอบทักษิณให้หมดสิ้นไปจากประเทศไทย” ก็ได้สร้างปรากฏการณ์ยิ่งใหญ่ขึ้น ดุจ “ผีเสื้อกระพือปีก”
โดยเมื่อ “หน้ากากขาว” ยาตราทัพยึด “หน้าจอ” ของกลุ่มการเมืองในระบอบทักษิณ ทั้งพรรคเพื่อไทย และนักการเมืองสำคัญๆในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ตลอดจนของ “ลูกโอ๊ค” ทำให้พวกเขา รู้สึกช็อค ตกใจ สับสนอลหม่าน และทำอะไรไม่ถูก ตกอยู่ในสภาวะ “จนแต้ม”อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ต่อมาเมื่อนักรบไซเบอร์ “หน้ากากขาว” ยาตราทัพสู่ท้องถนน ก็ทำได้อย่างมากเพียงตั้งกลุ่ม “หน้ากากแดง”มาประชัน และแสดงอาการคุกคามในหลายๆทาง
ขณะที่ภาคประชาชน ทั้งในขบวนการการเมืองภาคประชาชน และ “พลังเงียบ” ที่นับวัน “ทนไม่ไหว” กับพฤติกรรมโฉดชั่วของนักการเมืองในระบอบทักษิณที่มุ่งโกงกินชาติบ้านเมืองในทุกโอกาสที่เปิดให้ สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนทุกหย่อมหญ้า ต่างพากันลิงโลด ดีใจ สะใจ ที่มี “กองทัพประชาชน” ในรูปของหน้ากากขาวแสดงตัวเป็นปฏิปักษ์กับระบอบทักษิณอย่างชัดเจน
และเมื่อพวกเขาพากันก้าวลงสู่ถนน ก็ได้รับการขานรับอย่างรวดเร็ว เกิด “กองทัพประชาชนหน้ากากขาว”กลุ่มใหม่ๆ ขึ้นมาพร้อมๆกัน ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ดุจ “เห็ดหลังฝน” หรือ “ไฟลามทุ่ง”
จึงไม่แปลกที่ร้อยทั้งร้อยของบรรดา “เกจิ” จากค่ายต่างๆ พากัน “ฟันธง”ว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้“จุดติด” แล้ว! โดยนัยก็คือการลุกขึ้นสู้ของ “กองทัพประชาชนหน้ากากขาว” ครั้งนี้ เป็นที่ยอมรับและเข้าร่วมของมวลชนจำนวนมาก อย่างกว้างขวาง และรวดเร็ว ปานสายฟ้าแลบ และมีแนวโน้มขยายตัวใหญ่โตเป็น “ระเบิดใหญ่” ถล่มใส่ระบอบทักษิณ กระทั่งนำไปสู่จุดจบของระบอบทักษิณได้ในที่สุด
จุดเด่นของการเคลื่อนไหวทางการเมืองในภาคประชาชนครั้งนี้ อยู่ที่การ “เคลื่อนไหวโดยไร้ผู้นำ”ซึ่งสะท้อนกระบวนการวิวัฒนาการของการต่อสู้ อาจถือได้ว่าเป็นการ “นวัตกรรม”รูปแบบ ยุทธวิธีการต่อสู้ เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งของขบวนการการเมืองภาคประชาชน
จุดนี้ เมื่อพิจารณาในมุมมองของการเคลื่อนไหวของขบวนการการเมืองภาคประชาชนที่มีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นแกนนำ ตลอดห้วงแปดปีที่ผ่านมา ก็พอสรุปได้ว่า “นวัตกรรม”รูปแบบยุทธวิธีการต่อสู้ครั้งนี้ ไม่ว่าจะด้วยความบังเอิญหรือด้วยการเดินเกมอย่างมีแผน สะท้อนถึงอัจฉริยภาพของมวลชน “ตี่นรู้” และ “ทนไม่ไหว” สามารถตีฝ่าการปิดล้อมของกลไกอำนาจรัฐที่ใช้อำนาจในมือเล่นงานแกนนำพันธมิตรฯและองค์กรการเมืองภาคประชาชนอื่นๆ สามารถทำลายกำแพงปิดกั้นการเคลื่อนไหวของมวลชนพันธมิตรฯและองค์กรการเมืองภาคประชาชนอื่นๆได้สำเร็จ ทำให้มวลชนออกมาเคลื่อนไหวได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องรอแกนนำพันธมิตรฯหรือกลุ่มองค์กรใด “เป่านกหวีด”
นั่นหมายถึงว่า มวลชนสามารถรวมพล และเคลื่อนพลชนระบอบทักษิณได้อีกครั้ง เฉกเช่นที่กลุ่มพันธมิตรฯเคยกระทำสำเร็จมาแล้วในห้วงการขับไล่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรในปี 2549 และรัฐบาลสมัคร-สมชายในปี 2551
ลักษณะพิเศษของกิจกรรมทางการเมืองร่วมกันแบบใหม่ของ “กองทัพประชาชนหน้ากากขาว” อยู่ที่การใช้ “ใจถึงใจ” เป็นธงนำ นั่นคือ เมื่อคุณเห็นว่า จะต้องล้มล้างระบอบทักษิณให้สิ้นไปจากประเทศไทย ก็สามารถก้าวออกมาร่วมกันเป็น “กองทัพประชาชน”ได้ โดยไม่มีใครนำ และไม่มีใครตาม ทุกคนเดินไปด้วยกัน พร้อมๆ กัน
ณ วันนี้ พวกเขาจึงทำการสู้รบ ทำสงครามล้มล้างระบอบทักษิณร่วมกันด้วย “ใจ”ของตัวเอง แท้ๆ!
ณ วันนี้ ผู้นำของเขา ก็คือ “ใจ”ของเขาเอง ซึ่งก็คือใจที่บอกว่า “ข้าจะล้มล้างระบอบทักษิณให้หมดสิ้นไปจากประเทศไทย” !
3.ปรากฏการณ์หน้ากากขาว เป็นความต่อเนื่องจากปรากฏการณ์สนธิ
การปะทุขึ้นของกองทัพประชาชนหน้ากากขาว นับเป็นปรากฏการณ์สำคัญอีกครั้งหนึ่งของการขับเคลื่อนขบวนการการเมืองภาคประชาชน ที่มุ่งแก้ไขปัญหาประเทศชาติ ด้วยการล้มล้างอำนาจเผด็จการรัฐสภา ซึ่งปัจจุบันก็คือกลุ่มการเมืองในระบอบทักษิณ เพื่อเปิดทางไปสู่การปฏิรูปใหญ่ประเทศไทย
มันเป็นความต่อเนื่องของปรากฏการณ์สำคัญครั้งก่อนๆ โดยเฉพาะ “ปรากฏการณ์สนธิ” ในปี 2548-49 เมื่อคุณสนธิ ลิ้มทองกุล เริ่มจัดรายการ “เมืองไทยรายสัปดาห์” เปิดโปงพฤติกรรมฉ้อฉลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อันเป็นการ “จุดเทียนปัญญา” สร้างการตื่นรู้ให้แก่คนไทยเรือนแสนเรือนล้าน พากันตื่นตัว เข้าร่วมขบวนการพันธมิตรฯ ดำเนินการต่อสู้จนสามารถนำไปสู่การโค่นล้มรัฐบาลพรรคไทยรักไทย นำโดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และรัฐบาลหุ่นเชิด ยุคนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงษ์สวัสดิ์ ได้สำเร็จ
ความต่อเนื่องเช่นนี้ จะเชื่อมโยงขบวนการ “หน้ากากขาว” เข้ากับ ขบวนการ“พันธมิตรฯ”ได้อย่างเป็นธรรมชาติ เป็นแกนกลางของการกระชับความสามัคคีในระหว่างกลุ่มองค์กรต่างๆภายในขบวนการการเมืองภาคประชาชนในอนาคต
ทั้งนี้ ผู้เขียนเห็นว่า เพราะความแข็งแกร่งของพลังอำนาจดีในขบวนการการเมืองภาคประชาชน จะทำให้การประสานการทำงาน การเชื่อมความสามัคคีเป็นไปได้โดยตลอดรอดฝั่ง การแก้ไขปัญหาความไม่ลงรอยทางความคิดหรือแนวทางปฏิบัติจะได้รับการแก้ไขตั้งแต่เริ่มต้น ทีละเปลาะๆ ตามความจำเป็น
4.ยุทธศาสตร์การต่อสู้ในขั้นปัจจุบัน
ทุกฝ่ายชูธง “สามัคคี 100%” รวมพลังอำนาจดี เป็น “กองทัพมวลชนตื่นรู้” สนับสนุนและ เข้าร่วม “กองทัพประชาชนหน้ากากขาว” ดำเนิน “สงครามมวลชน” ต่อสู้ เอาชนะ ล้มล้างระบอบทักษิณให้หมดสิ้นไปจากประเทศไทย !
---------------------------
กองทัพมวลชนตื่นรู้/กองทัพประชาชน “หน้ากากขาว” มาแล้ว
“สงครามมวลชน” เริ่มแล้ว
“ทุกฝ่าย” ...... มาแล้ว
มาร่วมทำ “สงครามมวลชน” !
.....................
การศึกครั้งนี้ ไม่มีเสียงนกหวีด มีแต่เสียง “กลองศึก”
จงใช้เสียงกลองศึกสยบข้าศึก
เรา”รบ”ชนะได้โดยไม่ต้องรบ
ด้วยพลังอำนาจมหาศาลของ “กองทัพประชาชน” ซึ่งเป็น “กองทัพมวลชนตื่นรู้”!
...........................
ข้อความข้างต้นที่ผู้เขียนลำดับมา ดังก้องอยู่ในห้วงสำนึกมาแล้วหลายวัน ภายหลังการเคลื่อนพลของ “กองทัพประชาชนหน้ากากขาว” ซึ่งก็คือ “กองทัพมวลชนตื่นรู้” ในทฤษฎี “สงครามมวลชน” ที่ผู้เขียนได้นำเสนอแก่แกนนำพันธมิตรฯตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว และนำเสนอสู่สาธารณะทางเว็บไซต์เอเอสทีวีผู้จัดการ (คอลัมน์ “มุมมองพันธมิตร”)ในเดือนถัดมา อีกทั้งยังได้จัดรวมไว้ในหนังสือเล่มเล็ก “ปรัชญาการเมืองพันธมิตรฯ” เผยแพร่ทั่วไปแล้วตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา
สิ่งที่ทำให้ผู้เขียนรู้สึกตื่นเต้น ไม่เพียงเพราะสิ่งที่กำลังมีกำลังเกิด สะท้อนความถูกต้องของทฤษฎี (ซึ่งโดยเนื้อแท้ก็คือการยืนยันถึงความถูกต้องของการขับเคลื่อนทางการเมืองของขบวนการการเมืองภาคประชาชนนำโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย) แต่ยังเพราะสถานการณ์ที่กำลังเปลี่ยนไป ภายหลังจากการขับเคลื่อนของกองทัพประชาชนหน้ากากขาว ดำเนินไปอย่างรวดเร็วมาก จนผู้เขียนไม่นิ่งพอที่จะสรุปได้ในภาพรวม !
อีกนัยหนึ่ง มันมีสิ่งใหม่ๆเกิดขึ้นมากภายในระยะเวลาอันสั้น จนไม่อาจใช้ข้อมูลที่เพิ่งได้มาเป็นฐานคิด
เช่นพอบอกว่า การชุมนุมเมื่อวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา ทั่วประเทศมีกี่จังหวัด? จำนวนมวลชนมีมากแค่ไหน ? พลันก็มีข้อมูลใหม่ตามมาว่า ในการชุมนุมของกองทัพประชาชนหน้ากากขาวทั่วประเทศในวันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายนที่จะถึงนี้ อาจมีเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ และสัปดาห์ถัดไปอีกล่ะ ?
หรือไม่ก็เรื่องที่มีการวินิจฉัยว่า “หน้ากากขาว” ไม่มีการนำ แต่พอการเคลื่อนพลสู่ถนนทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดเพียง 2 ครั้ง ก็ปรากฏว่า หน้าเฟสบุ๊ค “V For Thailand”ได้ทำหน้าที่เป็น “ศูนย์การนำ”การเคลื่อนพลไปแล้วโดยปริยาย
นั่นหมายถึงว่า ถ้าคุณสรุปชัดลงไปเลยว่า กองทัพประชาชนหน้ากากขาว ไร้แม่ทัพบัญชาการ ก็จะไม่ตรงกับความเป็นจริง
ในมุมมองของผู้เขียน การเกิดการนำหรือผู้นำในกองทัพประชาชนหน้ากากขาว กำลังดำเนินไปตาม “ความจำเป็น” ของการเคลื่อนไหว โดย “มวลชนตื่นรู้” และ “ทนไม่ไหว” มี “ความพร้อม”เต็มที่ ในการกระโดดเข้าร่วมทำ “สงครามมวลชน” ขอให้โบกธง ลั่นกลองรบ พวกเขาก็จะออกทำศึกโดยไม่รีรอ
นั่นหมายถึงว่า “ความพร้อม”ของมวลชนเช่นนี้ จะนำไปสู่ “สถานการณ์สุกงอม” ตามที่เรารอคอย !
ข้อสังเกตบางประการเกี่ยวกับกองทัพประชาชน “หน้ากากขาว”
1.ปรากฏการณ์ “หน้ากากขาว” สะท้อนถึงความทนไม่ไหวของประชาชนคนไทยทั่วไป ที่นับวัน “ตื่นรู้” ในความจริงของปัญหาประเทศไทย
คนไทยที่ “ตื่นรู้” รอบนี้ หมายถึงคนไทยทั่วไปในทุกวงการ ทุกระดับ ทุกสาขาอาชีพ โดยเฉพาะในกลุ่มคนวัยทำงาน ที่ความทนไม่ไหวได้พุ่งปรี๊ดด้วยแรงกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง จากพฤติกรรมโฉดชั่วของนักการเมืองในระบอบทักษิณ ตั้งแต่การ “เร่งเกม”กลืนกินประเทศไทยของนักโทษชายทักษิณในต่างแดน กับการเข็นนโยบายซื้อเสียงขายชาติของบรรดาลิ่วล้อที่คุมอำนาจบริหารในกระทรวงทบวงกรมต่างๆ เช่นการจำนำข้าว การกู้เงิน 2.2 ล้านๆมาสร้างทางรถไฟความเร็วสูง และการเข็นแผนแก้ปัญหาน้ำด้วยเงินมากถึง 3.5 แสนล้านบาท เป็นต้น ที่เต็มไปด้วยร่องรอยของการทุจริตโกงกิน ตลอดจนพฤติกรรมเถื่อนถ่อยของกลุ่มคนเสื้อแดง เคลื่อนไหวคุกคามศาลรัฐธรรมนูญ ตลอดจนการประกาศตนอย่างเป็นทางการของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ปฏิเสธอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ ฯลฯ
2. การสั่งสมของความตื่นรู้และทนไม่ไหว นำมาซึ่งปรากฏการณ์หน้ากากขาว ในรูปของ “ผีเสื้อกระพือปีก”
พลันที่ “หน้ากากขาว” ปรากฏตัวบนโลกไซเบอร์ พร้อมกับประกาศว่า “ขณะนี้กองทัพประชาชนได้ลุกขึ้นแล้ว ข้าขอประกาศว่า ข้าจะล้มล้างระบอบทักษิณให้หมดสิ้นไปจากประเทศไทย” ก็ได้สร้างปรากฏการณ์ยิ่งใหญ่ขึ้น ดุจ “ผีเสื้อกระพือปีก”
โดยเมื่อ “หน้ากากขาว” ยาตราทัพยึด “หน้าจอ” ของกลุ่มการเมืองในระบอบทักษิณ ทั้งพรรคเพื่อไทย และนักการเมืองสำคัญๆในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ตลอดจนของ “ลูกโอ๊ค” ทำให้พวกเขา รู้สึกช็อค ตกใจ สับสนอลหม่าน และทำอะไรไม่ถูก ตกอยู่ในสภาวะ “จนแต้ม”อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ต่อมาเมื่อนักรบไซเบอร์ “หน้ากากขาว” ยาตราทัพสู่ท้องถนน ก็ทำได้อย่างมากเพียงตั้งกลุ่ม “หน้ากากแดง”มาประชัน และแสดงอาการคุกคามในหลายๆทาง
ขณะที่ภาคประชาชน ทั้งในขบวนการการเมืองภาคประชาชน และ “พลังเงียบ” ที่นับวัน “ทนไม่ไหว” กับพฤติกรรมโฉดชั่วของนักการเมืองในระบอบทักษิณที่มุ่งโกงกินชาติบ้านเมืองในทุกโอกาสที่เปิดให้ สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนทุกหย่อมหญ้า ต่างพากันลิงโลด ดีใจ สะใจ ที่มี “กองทัพประชาชน” ในรูปของหน้ากากขาวแสดงตัวเป็นปฏิปักษ์กับระบอบทักษิณอย่างชัดเจน
และเมื่อพวกเขาพากันก้าวลงสู่ถนน ก็ได้รับการขานรับอย่างรวดเร็ว เกิด “กองทัพประชาชนหน้ากากขาว”กลุ่มใหม่ๆ ขึ้นมาพร้อมๆกัน ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ดุจ “เห็ดหลังฝน” หรือ “ไฟลามทุ่ง”
จึงไม่แปลกที่ร้อยทั้งร้อยของบรรดา “เกจิ” จากค่ายต่างๆ พากัน “ฟันธง”ว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้“จุดติด” แล้ว! โดยนัยก็คือการลุกขึ้นสู้ของ “กองทัพประชาชนหน้ากากขาว” ครั้งนี้ เป็นที่ยอมรับและเข้าร่วมของมวลชนจำนวนมาก อย่างกว้างขวาง และรวดเร็ว ปานสายฟ้าแลบ และมีแนวโน้มขยายตัวใหญ่โตเป็น “ระเบิดใหญ่” ถล่มใส่ระบอบทักษิณ กระทั่งนำไปสู่จุดจบของระบอบทักษิณได้ในที่สุด
จุดเด่นของการเคลื่อนไหวทางการเมืองในภาคประชาชนครั้งนี้ อยู่ที่การ “เคลื่อนไหวโดยไร้ผู้นำ”ซึ่งสะท้อนกระบวนการวิวัฒนาการของการต่อสู้ อาจถือได้ว่าเป็นการ “นวัตกรรม”รูปแบบ ยุทธวิธีการต่อสู้ เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งของขบวนการการเมืองภาคประชาชน
จุดนี้ เมื่อพิจารณาในมุมมองของการเคลื่อนไหวของขบวนการการเมืองภาคประชาชนที่มีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นแกนนำ ตลอดห้วงแปดปีที่ผ่านมา ก็พอสรุปได้ว่า “นวัตกรรม”รูปแบบยุทธวิธีการต่อสู้ครั้งนี้ ไม่ว่าจะด้วยความบังเอิญหรือด้วยการเดินเกมอย่างมีแผน สะท้อนถึงอัจฉริยภาพของมวลชน “ตี่นรู้” และ “ทนไม่ไหว” สามารถตีฝ่าการปิดล้อมของกลไกอำนาจรัฐที่ใช้อำนาจในมือเล่นงานแกนนำพันธมิตรฯและองค์กรการเมืองภาคประชาชนอื่นๆ สามารถทำลายกำแพงปิดกั้นการเคลื่อนไหวของมวลชนพันธมิตรฯและองค์กรการเมืองภาคประชาชนอื่นๆได้สำเร็จ ทำให้มวลชนออกมาเคลื่อนไหวได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องรอแกนนำพันธมิตรฯหรือกลุ่มองค์กรใด “เป่านกหวีด”
นั่นหมายถึงว่า มวลชนสามารถรวมพล และเคลื่อนพลชนระบอบทักษิณได้อีกครั้ง เฉกเช่นที่กลุ่มพันธมิตรฯเคยกระทำสำเร็จมาแล้วในห้วงการขับไล่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรในปี 2549 และรัฐบาลสมัคร-สมชายในปี 2551
ลักษณะพิเศษของกิจกรรมทางการเมืองร่วมกันแบบใหม่ของ “กองทัพประชาชนหน้ากากขาว” อยู่ที่การใช้ “ใจถึงใจ” เป็นธงนำ นั่นคือ เมื่อคุณเห็นว่า จะต้องล้มล้างระบอบทักษิณให้สิ้นไปจากประเทศไทย ก็สามารถก้าวออกมาร่วมกันเป็น “กองทัพประชาชน”ได้ โดยไม่มีใครนำ และไม่มีใครตาม ทุกคนเดินไปด้วยกัน พร้อมๆ กัน
ณ วันนี้ พวกเขาจึงทำการสู้รบ ทำสงครามล้มล้างระบอบทักษิณร่วมกันด้วย “ใจ”ของตัวเอง แท้ๆ!
ณ วันนี้ ผู้นำของเขา ก็คือ “ใจ”ของเขาเอง ซึ่งก็คือใจที่บอกว่า “ข้าจะล้มล้างระบอบทักษิณให้หมดสิ้นไปจากประเทศไทย” !
3.ปรากฏการณ์หน้ากากขาว เป็นความต่อเนื่องจากปรากฏการณ์สนธิ
การปะทุขึ้นของกองทัพประชาชนหน้ากากขาว นับเป็นปรากฏการณ์สำคัญอีกครั้งหนึ่งของการขับเคลื่อนขบวนการการเมืองภาคประชาชน ที่มุ่งแก้ไขปัญหาประเทศชาติ ด้วยการล้มล้างอำนาจเผด็จการรัฐสภา ซึ่งปัจจุบันก็คือกลุ่มการเมืองในระบอบทักษิณ เพื่อเปิดทางไปสู่การปฏิรูปใหญ่ประเทศไทย
มันเป็นความต่อเนื่องของปรากฏการณ์สำคัญครั้งก่อนๆ โดยเฉพาะ “ปรากฏการณ์สนธิ” ในปี 2548-49 เมื่อคุณสนธิ ลิ้มทองกุล เริ่มจัดรายการ “เมืองไทยรายสัปดาห์” เปิดโปงพฤติกรรมฉ้อฉลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อันเป็นการ “จุดเทียนปัญญา” สร้างการตื่นรู้ให้แก่คนไทยเรือนแสนเรือนล้าน พากันตื่นตัว เข้าร่วมขบวนการพันธมิตรฯ ดำเนินการต่อสู้จนสามารถนำไปสู่การโค่นล้มรัฐบาลพรรคไทยรักไทย นำโดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และรัฐบาลหุ่นเชิด ยุคนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงษ์สวัสดิ์ ได้สำเร็จ
ความต่อเนื่องเช่นนี้ จะเชื่อมโยงขบวนการ “หน้ากากขาว” เข้ากับ ขบวนการ“พันธมิตรฯ”ได้อย่างเป็นธรรมชาติ เป็นแกนกลางของการกระชับความสามัคคีในระหว่างกลุ่มองค์กรต่างๆภายในขบวนการการเมืองภาคประชาชนในอนาคต
ทั้งนี้ ผู้เขียนเห็นว่า เพราะความแข็งแกร่งของพลังอำนาจดีในขบวนการการเมืองภาคประชาชน จะทำให้การประสานการทำงาน การเชื่อมความสามัคคีเป็นไปได้โดยตลอดรอดฝั่ง การแก้ไขปัญหาความไม่ลงรอยทางความคิดหรือแนวทางปฏิบัติจะได้รับการแก้ไขตั้งแต่เริ่มต้น ทีละเปลาะๆ ตามความจำเป็น
4.ยุทธศาสตร์การต่อสู้ในขั้นปัจจุบัน
ทุกฝ่ายชูธง “สามัคคี 100%” รวมพลังอำนาจดี เป็น “กองทัพมวลชนตื่นรู้” สนับสนุนและ เข้าร่วม “กองทัพประชาชนหน้ากากขาว” ดำเนิน “สงครามมวลชน” ต่อสู้ เอาชนะ ล้มล้างระบอบทักษิณให้หมดสิ้นไปจากประเทศไทย !
---------------------------