นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ คณะกรรมการจัดงาน World Expoได้ตัดสิทธิ์ประเทศไทย ออกจากการเป็นผู้เสนอตัวเป็นเจ้าภาพการจัดงาน World Expo 2020 ว่า เป็นการเสียโอกาสครั้งใหญ่ ซึ่งการประกาศเสนอตัวเป็นเจ้าภาพ เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีเมืองเข้าแข่งขัน 5 เมือง ซึ่งประเทศไทยเสนอ จ.พระนครศรีอยุธยา
เมื่อรัฐบาลนี้เข้ามาบริหาร ก็ยังมีการดำเนินการตามโครงการนี้ต่อ จนไปถึงขั้นตอนที่เจ้าหน้าที่ของ World Expo เข้ามาเยี่ยมประเทศไทย เพื่อไปตรวจสอบพื้นที่ สอบถามแนวความคิดโครงการ และพบปะกับฝ่ายต่างๆ รวมทั้งฝ่ายค้าน ซึ่งตนก็ได้สนับสนุนไปอย่างเต็มที่ว่า เป็นเรื่องที่น่าทำ เขาเองแสดงความประทับใจในแนวคิดที่เราจะเอาเรื่องของการพัฒนาที่สมดุล แนวพระราชดำริ เรื่องความพอเพียง การที่เราจะใช้พื้นที่ตรงนั้น หลังจากการแสดงนิทรรศการไปเป็นแหล่งเรียนรู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับโครงการตามแนวพระราชดำริ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า แต่สิ่งที่ขาดหายไปคือ ความแสดงความจริงจังของรัฐบาล ว่าอยากจะจัดงานนี้ และก็มีเสียงครหานินทา ที่ไม่อยากจะเป็นเจ้าภาพนั้น อาจเป็นเพราะว่า อยากให้ที่อื่นเป็นเจ้าภาพ แม้ฝ่ายค้านใช้การตั้งกระทู้ถามรัฐบาล ก็ยืนยันมีนโยบาย แต่วันนี้ชัดเจนแล้วว่า นายกรัฐมนตรี ไม่ทำหนังสือตอบไปยังคณะกรรมการฯ ที่สอบมา
ดังนั้นวันนี้ต้องฟ้องให้พี่น้องชาวอยุธยาทราบว่า รัฐบาลชุดนี้เป็นคนตัดสินใจไม่ให้อยุธยามีโอกาสในการที่จะเป็นเจ้าภาพ World Expo คนที่รับผิดชอบคือ รัฐบาล และนายกฯ ต้องตอบว่า มองว่าไม่คุ้มค่าหรืออย่างไร ถึงตัดสินใจตัดโอกาสของคนอยุธยา แต่ตนก็ไม่อยากจะวิเคราะห์ว่า เปิดโอกาสให้เมืองดูไบ เป็นเจ้าภาพ เพียงแต่เสียดายโอกาสของชาวอยุธยา
"ผมอยากจะเห็นว่า เวลามันมีเรื่องของการแสวงหาโอกาสให้กับประเทศ รัฐบาลจะต้องเอาจริงเอาจัง แล้วก็ไม่ต้องมาสนใจว่ามันเริ่มในรัฐบาลไหน ถ้าเป็นหน้าเป็นตาของประเทศ หากเริ่มแรกเห็นว่าไม่คุ้มจะจัดที่อยุธยา ก็บอกความจริงให้คนไทยว่า รัฐบาลไม่สนับสนุน แต่นี่กลับพยายามบอกว่า ไม่ได้มีปัญหาอะไร ถือว่าเป็นความใจแคบของรัฐบาลชุดนี้ ทำให้ไทยเสียโอกาส " นายอภิสิทธิ์ กล่าว
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า การที่รัฐบาลไม่ทำหนังสือตอบกลับไปยังคณะกรรมการจัดงาน ถือเป็นสิ่งที่ทำให้ประเทศไทยเสียหาย ทำให้งบประมาณที่จัดเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ การประชาสัมพันธ์หลายร้อยล้านบาท สูญเปล่า อีกทั้งยังเสียโอกาสทางเศรษฐกิจด้วย เพราะมีผลศึกษาของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ระบุชัดเจนว่า ถ้าไทยได้เป็นเจ้าภาพในครั้งนี้ จะมีรายได้โดยตรงมูลค่าถึง 2 หมื่นล้านบาท นำไปสู่การจ้างงานเพิ่มขึ้น 280,000 อัตรา และจีดีพี เพิ่มขึ้น 1.83 %
"การที่รัฐบาลไม่ยืนยันกลับไป เพราะต้องการหลีกทางให้ ยูเออี หรือ ดูไบ เป็นเจ้าภาพใช่หรือไม่ เพราะประเทศที่มีโอกาสอีกประเทศหนึ่งคือ ตุรกี แต่กำลังมีปัญหาความไม่สงบในบ้านเมืองอยู่ การตัดสินใจของรัฐบาลในครั้งนี้ ทำให้ไทยเสียโอกาสการเป็นเจ้าภาพงานระดับโลก ซึ่งคาดว่าจะมีผู้ชมกว่า 30 ล้านคน ที่จะได้เรียนรู้หลักเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่รัฐบาลไม่สนใจ และปฏิเสธโอกาสของประเทศไทย เพื่อเปิดโอกาสให้ประเทศอื่นเป็นเจ้าภาพแทน" น.ส.รัชดา กล่าว
ด้านนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า เท่าที่ทราบจากรายงานคณะผู้ดำเนินการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สปปน. โดยล่าสุด คณะกรรมการ เวิลด์เอ็กซ์โปใหญ่ ที่มีสำนักงานที่กรุงปารีส ได้เดินทางลงพื้นที่ เพื่อดูความพร้อมของประเทศไทย แต่ด้วยคณะทำงานฝ่ายไทย จัดเตรียมเอกสารรายงานการเตรียมความพร้อมที่ไม่มีคืบหน้า ส่งผลให้ไทยถูกตัดสิทธิ์
เมื่อถามว่าไทยจะยื่นขอให้พิจารณาใหม่ หรือไม่ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า คงไม่มีการยื่นเรื่องแข่งขันเป็นเจ้าภาพแล้ว ต่อข้อถามว่า การถูกตัดสิทธิ์ เป็นเพราะรัฐบาลมีนโยบายไม่ชัดเจน ในเรื่องนี้ใช่หรือไม่ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของ สปปน. ต้องทำการศึกษาเปรียบเทียบตัวเลข เรื่องการคุ้มทุนที่ต้องเสนอต่อ นายนิวัฒนธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องนี้จะมาบอกว่ารัฐบาลมีนโยบายไม่ชัด คงไม่ใช่ อย่างไรก็ตาม กระทรวงการต่างประเทศ พร้อมประสานงานและพร้อมติดต่อ คณะกรรมการเวิลด์เอ็กซ์โป ที่กรุงปารีส
เมื่อรัฐบาลนี้เข้ามาบริหาร ก็ยังมีการดำเนินการตามโครงการนี้ต่อ จนไปถึงขั้นตอนที่เจ้าหน้าที่ของ World Expo เข้ามาเยี่ยมประเทศไทย เพื่อไปตรวจสอบพื้นที่ สอบถามแนวความคิดโครงการ และพบปะกับฝ่ายต่างๆ รวมทั้งฝ่ายค้าน ซึ่งตนก็ได้สนับสนุนไปอย่างเต็มที่ว่า เป็นเรื่องที่น่าทำ เขาเองแสดงความประทับใจในแนวคิดที่เราจะเอาเรื่องของการพัฒนาที่สมดุล แนวพระราชดำริ เรื่องความพอเพียง การที่เราจะใช้พื้นที่ตรงนั้น หลังจากการแสดงนิทรรศการไปเป็นแหล่งเรียนรู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับโครงการตามแนวพระราชดำริ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า แต่สิ่งที่ขาดหายไปคือ ความแสดงความจริงจังของรัฐบาล ว่าอยากจะจัดงานนี้ และก็มีเสียงครหานินทา ที่ไม่อยากจะเป็นเจ้าภาพนั้น อาจเป็นเพราะว่า อยากให้ที่อื่นเป็นเจ้าภาพ แม้ฝ่ายค้านใช้การตั้งกระทู้ถามรัฐบาล ก็ยืนยันมีนโยบาย แต่วันนี้ชัดเจนแล้วว่า นายกรัฐมนตรี ไม่ทำหนังสือตอบไปยังคณะกรรมการฯ ที่สอบมา
ดังนั้นวันนี้ต้องฟ้องให้พี่น้องชาวอยุธยาทราบว่า รัฐบาลชุดนี้เป็นคนตัดสินใจไม่ให้อยุธยามีโอกาสในการที่จะเป็นเจ้าภาพ World Expo คนที่รับผิดชอบคือ รัฐบาล และนายกฯ ต้องตอบว่า มองว่าไม่คุ้มค่าหรืออย่างไร ถึงตัดสินใจตัดโอกาสของคนอยุธยา แต่ตนก็ไม่อยากจะวิเคราะห์ว่า เปิดโอกาสให้เมืองดูไบ เป็นเจ้าภาพ เพียงแต่เสียดายโอกาสของชาวอยุธยา
"ผมอยากจะเห็นว่า เวลามันมีเรื่องของการแสวงหาโอกาสให้กับประเทศ รัฐบาลจะต้องเอาจริงเอาจัง แล้วก็ไม่ต้องมาสนใจว่ามันเริ่มในรัฐบาลไหน ถ้าเป็นหน้าเป็นตาของประเทศ หากเริ่มแรกเห็นว่าไม่คุ้มจะจัดที่อยุธยา ก็บอกความจริงให้คนไทยว่า รัฐบาลไม่สนับสนุน แต่นี่กลับพยายามบอกว่า ไม่ได้มีปัญหาอะไร ถือว่าเป็นความใจแคบของรัฐบาลชุดนี้ ทำให้ไทยเสียโอกาส " นายอภิสิทธิ์ กล่าว
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า การที่รัฐบาลไม่ทำหนังสือตอบกลับไปยังคณะกรรมการจัดงาน ถือเป็นสิ่งที่ทำให้ประเทศไทยเสียหาย ทำให้งบประมาณที่จัดเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ การประชาสัมพันธ์หลายร้อยล้านบาท สูญเปล่า อีกทั้งยังเสียโอกาสทางเศรษฐกิจด้วย เพราะมีผลศึกษาของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ระบุชัดเจนว่า ถ้าไทยได้เป็นเจ้าภาพในครั้งนี้ จะมีรายได้โดยตรงมูลค่าถึง 2 หมื่นล้านบาท นำไปสู่การจ้างงานเพิ่มขึ้น 280,000 อัตรา และจีดีพี เพิ่มขึ้น 1.83 %
"การที่รัฐบาลไม่ยืนยันกลับไป เพราะต้องการหลีกทางให้ ยูเออี หรือ ดูไบ เป็นเจ้าภาพใช่หรือไม่ เพราะประเทศที่มีโอกาสอีกประเทศหนึ่งคือ ตุรกี แต่กำลังมีปัญหาความไม่สงบในบ้านเมืองอยู่ การตัดสินใจของรัฐบาลในครั้งนี้ ทำให้ไทยเสียโอกาสการเป็นเจ้าภาพงานระดับโลก ซึ่งคาดว่าจะมีผู้ชมกว่า 30 ล้านคน ที่จะได้เรียนรู้หลักเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่รัฐบาลไม่สนใจ และปฏิเสธโอกาสของประเทศไทย เพื่อเปิดโอกาสให้ประเทศอื่นเป็นเจ้าภาพแทน" น.ส.รัชดา กล่าว
ด้านนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า เท่าที่ทราบจากรายงานคณะผู้ดำเนินการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สปปน. โดยล่าสุด คณะกรรมการ เวิลด์เอ็กซ์โปใหญ่ ที่มีสำนักงานที่กรุงปารีส ได้เดินทางลงพื้นที่ เพื่อดูความพร้อมของประเทศไทย แต่ด้วยคณะทำงานฝ่ายไทย จัดเตรียมเอกสารรายงานการเตรียมความพร้อมที่ไม่มีคืบหน้า ส่งผลให้ไทยถูกตัดสิทธิ์
เมื่อถามว่าไทยจะยื่นขอให้พิจารณาใหม่ หรือไม่ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า คงไม่มีการยื่นเรื่องแข่งขันเป็นเจ้าภาพแล้ว ต่อข้อถามว่า การถูกตัดสิทธิ์ เป็นเพราะรัฐบาลมีนโยบายไม่ชัดเจน ในเรื่องนี้ใช่หรือไม่ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของ สปปน. ต้องทำการศึกษาเปรียบเทียบตัวเลข เรื่องการคุ้มทุนที่ต้องเสนอต่อ นายนิวัฒนธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องนี้จะมาบอกว่ารัฐบาลมีนโยบายไม่ชัด คงไม่ใช่ อย่างไรก็ตาม กระทรวงการต่างประเทศ พร้อมประสานงานและพร้อมติดต่อ คณะกรรมการเวิลด์เอ็กซ์โป ที่กรุงปารีส