xs
xsm
sm
md
lg

คดีเอกยุทธกับคำเตือนของเฉลิม

เผยแพร่:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ

เรื่องอุ้มฆ่านี่ไม่น่าเป็นเรื่องที่ทำกันง่ายๆ นะครับ ต้องทำเป็นขบวนการอย่างน้อยต้องมีไม่ต่ำกว่า 4-5 คน

แต่เมืองไทยนี่ดูเป็นเรื่องที่ทำกันง่ายๆ นะครับ

ตั้งแต่ยุคป๋าลอ-ชลอ เกิดเทศ กรณีสองแม่ลูกศรีธนะขัณฑ์ มาถึงนักธุรกิจซาอุฯ อุ้มฆ่าทนายสมชาย และคนตัวเล็กตัวน้อยอีกหลายคน ที่เราเคยได้ยินข่าว ส่วนใหญ่พอสาวไปสาวมาก็เป็นฝีมือของคนในเครื่องแบบทั้งนั้น รวมทั้งเรื่องมุสลิมทางใต้ที่นายตำรวจซึ่งเป็นใหญ่เป็นโตตอนนี้เคยสร้างวิบากกรรมเอาไว้จนลามเป็นไฟใต้ดับไม่ลงจนถึงเดี๋ยวนี้

กระทั่งมาถึงกรณีของคุณเอกยุทธ อัญชันบุตร เจ้าของเว็บไซต์ไทยอินไซเดอร์ ซึ่งเป็นคู่ปรับคนสำคัญของระบอบทักษิณ คนเปิดโปงกรณี ว.5 ที่โฟร์ซีซั่นอันลือลั่น

ผมเห็นคนเสื้อแดงบางคนโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กทำนองว่า ตายไปก็ดีเพราะเป็นคนโกงประชาชน ผมเองก็ไม่ได้ชื่นชมคุณเอกยุทธครับ จากพฤติกรรมที่คุณเอกยุทธทำเอาไว้ในอดีต แต่ถ้าเรายังเชื่อว่าบ้านเมืองควรมีกฎกติกา ผมคิดว่าต่อให้เป็นโจรที่มีพฤติกรรมชั่วช้ากว่านี้ เราก็ไม่ควรยินดีหรือสะใจกับเหตุการณ์อุ้มฆ่าที่เกิดขึ้น ลองนึกว่าถ้ามันเกิดกับญาติของเรา เราจะรู้สึกอย่างไร

ไม่ว่าเขาจะเป็นคนดีหรือไม่ดี มีความคิดทางการเมืองตรงกับเราหรือไม่ เรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นไม่ว่าบ้านนี้เมืองไหนครับ

คดีเอกยุทธมีข้อน่าสังเกตที่น่าสนใจหลายอย่าง วันพุธ (12 มิ.ย.) ตำรวจออกข่าวว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.จะเปิดห้องแถลงข่าวคดีนี้เวลา 10 โมงเช้าวันพฤหัสบดี แต่ถึงเวลาจริงกลับเปลี่ยนเป็นการยืนตอบคำถามนักข่าวเพียง 3 ข้อ ชื่นชมการทำงานของตำรวจ แล้วปิดคดีว่าเป็นการฆ่าชิงทรัพย์ของคนขับรถ แล้วตัดบทจบ

ผู้สื่อข่าวพยายามถามต่อว่าเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดบ้านนายเอกยุทธอยู่ไหน พล.ต.อ.อดุลย์ตอบเลี่ยงว่า “พอแล้วๆ” ก่อนจะเดินขึ้นรถเดินทางออกจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลทันที

น่าสังเกตนะครับก่อนหน้านั้นตั้งแต่วันอังคารตอนที่ยังไม่พบศพ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีได้ออกมาตั้งข้อสันนิฐานทันทีว่า 1. เจ้าหน้าที่รัฐไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง 2. ไม่ได้เป็นการสร้างสถานการณ์ของนายเอกยุทธ 3. ถูกฆาตกรรมชิงทรัพย์ ซึ่งตนให้น้ำหนักการถูกฆาตกรรมชิงทรัพย์มากกว่า เนื่องจากมีการเบิกเงินจำนวน 5 ล้านบาท ถือเป็นเงินจำนวนมากแล้วออกไปกับคนขับรถ

ดูจาก 3 ข้อของเฉลิมแล้วดูจะเป็นการฟันธงที่เร็วผิดปกติของอดีตนายตำรวจกองปราบปรามที่มักคุยว่าตัวเองเชี่ยวชาญในการสืบสวนสอบสวนเหนือกว่าใคร

ข้อ 1 กับข้อ 3 นี่แปลกมากครับ คือร.ต.อ.เฉลิมรีบสรุปทันทีเลยว่า เจ้าหน้าที่รัฐไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง กับรีบสรุปในทำนองว่านายสันติภาพเป็นคนลงมือเพื่อหวังผลจากเงินจำนวน 5 ล้านบาท

วันพุธพอพบศพ เฉลิมก็แถลงซ้ำอีกว่า ชัดเจนแล้วว่านายเอกยุทธเสียชีวิตแล้ว ซึ่งเกิดจากนายสันติภาพ เพ็งด้วง คนขับรถ เป้าประสงค์คือเรื่องเงินจำนวน 5 ล้านบาท ขบวนการได้มีการเตรียมตัวตั้งแต่จับตัวไป แล้วนำตัวไปไว้แถวหนองจอกเพื่อเอามาเบิกเงิน จากนั้นลงไปภาคใต้ ซึ่งมีพิรุธ ขณะที่บิดาของนายสันติภาพได้รับสารภาพแล้วว่ารับเงินจากลูกชายไปจำนวน 2 ล้านบาท ไม่มีสาระอะไรที่สลับซับซ้อน เป็นแต่เพียงว่านายเอกยุทธรับคนมาอยู่ใกล้ชิดไม่ได้ศึกษาประวัติ เลี้ยงลูกน้องไม่ได้ใจ โดยมีทรัพย์จำนวน 5 ล้านบาทเป็นแรงจูงใจ ไม่มีอย่างอื่น

อย่าลืมนะครับว่า เฉลิมนั้นเป็นรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อให้สัมภาษณ์ชี้นำแบบมั่นอกมั่นใจขนาดนั้นถึง 2 วันซ้อน ตำรวจจะทำคดีนี้อย่างไร ดังนั้นไม่แปลกหรอกครับที่วันรุ่งขึ้น ผบ.ตร.ก็ให้สัมภาษณ์ปิดคดีในทำนองเดียวกัน

ผมว่ามันเป็นเรื่องที่จบง่ายไปหน่อยหรือเปล่าครับ

จากที่ฟังทนายสุวัตร อภัยภักดิ์เล่า บอกว่าก่อนจะสารภาพนายสันติภาพให้การโยกโย้วกวนไปมา ต้องทั้งขู่ทั้งปลอบจึงจะสารภาพ แต่ระหว่างพูดคุยซักถามนั้นนายสันติภาพจ้องตาเขม็งไม่หลบสายตาเลย คำพูดคำจาเหมือนเตรียมการมาอย่างดี เชื่อว่าต้องมีกุนซืออยู่เบื้องหลังแน่ๆ

ถ้าตำรวจจะสรุปจบแค่สันติภาพคนขับรถว่าหวังเงิน 5 ล้าน ตอบคำถามง่ายๆ เลยว่า หลังจากที่นายสันติภาพคนขับรถไปรอรับเงินรับเช็คที่สนามบินสุวรรณภูมิใครคุมตัวนายเอกยุทธเอาไว้ แค่ไอ้เบิ้มคนเดียวที่ยังหลบหนีไปหรือ เพราะตอนนั้นยังมีชีวิตสื่อสารพูดคุยกับแบงก์ได้ เรื่องแบบนี้ทำกันคนสองคนได้มั้ย

นายสันติภาพจึงเป็นข้อต่อที่สำคัญที่ตำรวจต้องเค้นออกมาให้ได้ เพราะเพื่อนร่วมทีมนายสันติภาพอีก 2 คนที่ถูกจับทางใต้นั้น ตามคำสารภาพเป็นเพียงถูกนายสันติภาพชักนำมาให้ช่วยอำพรางศพหลังจากนายสันติภาพนำศพไปถึงจังหวัดพัทลุงบ้านเกิดเท่านั้น ไม่ใช่ทีมอุ้มฆ่าในกรุงเทพฯ ซึ่งต้องมีหลายคน

หรือสุดท้ายแล้ว “ไอ้เบิ้ม” ก็จะกลายเป็น “ไอ้ปื้ด” ที่ไม่มีวันหาตัวเจอ

ดังนั้น ถ้าตำรวจจะสรุปจบตามคำสัมภาษณ์ของสารวัตรเหลิมก็ยิ่งจะทำให้คดีมีความน่าสงสัยมีเงื่อนงำมากขึ้น

บอกตรงๆ นะครับ ผมคิดว่าคดีนี้คนส่วนใหญ่เขาไม่ไว้ใจตำรวจ เพราะเอกยุทธเป็นศัตรูคนสำคัญของรัฐบาล การที่รีบสรุปปิดคดีแบบที่เฉลิมสรุป ผมคิดว่าตำรวจจะโดนข้อครหาไปด้วย เพราะนายตำรวจบางคนเคยมีพฤติกรรมในทำนองนี้มาแล้ว

ประเด็นสำคัญจึงอยู่ที่ตำรวจจะต้องเปิดปากนายสันติภาพออกมาให้ได้มากที่สุดว่ามีใครร่วมคดีด้วย และติดตามให้ได้ว่ากล้องวงจรปิดตอนนี้ซ่อนอยู่ที่ไหน

ทนายสุวัตรให้สัมภาษณ์ไว้ชัดว่า คดีนี้เชื่อกันว่า ทีมสังหารตัวจริงนั้นไม่ได้ประสงค์ต่อทรัพย์แต่ประสงค์ต่อชีวิต ส่วนนายสันติภาพนั้นน่าจะเป็นนกต่อที่ถูกส่งเข้ามาทำงานกับนายเอกยุทธ ประจวบกับนายสันติภาพเป็นคนมีหนี้สินรุงรังจากหนี้พนันบอล ทั้งนายสันติภาพกับทีมที่ลงมือจึงมีผลประโยชน์ที่ลงตัวกันพอดี

ดังนั้นคนที่ติดตามข่าวนี้ต่างเชื่อกันว่า ไม่ใช่นายสันติภาพกับเพื่อนที่ถูกจับลงมือเพียงเท่านั้นต้องมีทีมงานทมิฬที่อยู่เบื้องหลัง แต่ถึงตอนนี้ดูจะมีร.ต.อ.เฉลิม ยอดนายตำรวจนักสืบสวนสอบสวนและตำรวจใต้บังคับบัญชาเท่านั้นที่ปักใจเชื่อว่านายสันติภาพเป็นคนลงมือเพื่อหวังผลตัวเงินเพียงอย่างเดียว

เพราะไม่ว่านายเอกยุทธจะเป็นคนอย่างไรมีประวัติที่มาอย่างไร แต่รับรู้กันว่า ในภายหลังจากกลับมายังประเทศไทยนายเอกยุทธเป็นคนหนึ่งที่ประกาศตัวเป็นศัตรูอย่างชัดเจนกับระบอบทักษิณ การปิดคดีง่ายๆ โดยตัดตอนแค่คนขับรถแบบที่ตำรวจรีบออกมาแถลงปิดคดีท่ามกลางข้อสงสัยของประชาชนไม่น่าจะเป็นผลดีต่อรัฐบาลชุดนี้

ถ้าคดีนี้ไม่มีความกระจ่างก็ช่วยไม่ได้ที่จะมีมลทินติดตัวรัฐบาลนี้ตลอดไป

และคำพูดที่ฟังแล้วน่าสะพรึงกลัวที่สะท้อนว่าบ้านเมืองนี้อยู่ในยุคเถื่อนก็คือเสียงเตือนไปถึงนักเคลื่อนไหวของร.ต.อ.เฉลิมนั่นแหละครับ

“ผมขอเตือนนักเคลื่อนไหว เพราะเวลาล้มหายตายจาก เดือดร้อนผมและรัฐบาล เพราะชอบมีข่าวออกมาว่าเกี่ยวกับคนใกล้ชิดผม”
กำลังโหลดความคิดเห็น