ความต่างระหว่าง..คอมมิวนิสต์ไทยกับคอมมิวนิสต์เขมร “ฮุนเซน!”
หลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 รัฐบาลเผด็จการ “จอมพลถนอม” ล้มครืนลงแล้ว กระแสคอมมิวนิสต์ก็พรั่งพรูมาพร้อมกับกระแส “ขวาฟาสซิสต์” อันน่ากลัว
ห้วงนั้น..กระแสคอมมิวนิสต์ไหลหลากมาทั้งในหนังสือพิมพ์บางฉบับ หนังสือทฤษฎีคอมมิวนิสต์ของ “มาร์กซ์” หนังสือ “เลนิน” กับการปฏิวัติรัสเซีย หนังสือการปฏิวัติ “ชนบทล้อมเมือง” ในจีนของ “เหมา เจ๋อตุง” รวมทั้งเรื่องราวนักปฏิวัติรูปหล่อ “เช กูวารา” ที่ร่วมกับ “ฟิเดล คาสโตร” ปลดปล่อยคิวบา ฯลฯ
นอกจากนั้นยังมีหนังสือการต่อสู้ของพรรคคอมฯ ไทย และหนังสือวรรณกรรมของบรรดานักเขียนนามกระเดื่องโลก โดยเฉพาะ แม็กซิม กอร์กี้ นักเขียนชาวรัสเซียนามอุโฆษ ที่รจนานวนิยายเรื่อง “แม่” กินใจคนอ่านทั้งโลก จน “จิตร ภูมิศักดิ์”หนึ่งในปัญญาชนชาวคอมฯ ไทย ได้แปลหนังสือเล่มนี้เป็นภาษาไทยอย่างสละสลวย จนถือเป็นหนึ่งในผลงานแปลชิ้นเยี่ยมของนักปฏิวัติหนุ่มผู้มากความสามารถ ซึ่งเสียชีวิตจากการสู้รบกับรัฐบาลไทยที่ภาคอีสาน
“นายผี” หรือ “อัศนี พลจันทร์” ก็เป็นแกนนำในพรรคคอมฯ ไทย ที่สร้างผลงานทฤษฎีลัทธิมาร์กซ์แบบไทยๆ งานวิชาการเกี่ยวกับสังคมประเทศไทย งานเพลงและบทกวีมากมาย คนไทยไม่น้อยคงชื่นชมกับความไพเราะของเพลง “คิดถึงบ้าน” นั่นคือเพลงที่ “นายผี” แต่งขึ้นครั้งยังใช้ชีวิตอยู่ในป่า
โดย “หงา-คาราวาน” ได้นำมาร้องเป็นรายแรก ก่อนที่ “แอ๊ดคาราบาว” จะนำมาร้องต่อ ตามด้วย “ดนุพล แก้วกาญจน์” แห่งรอยัลสไปร์ส นำมาร้องในลีลาที่แตกต่างกัน จนเป็นที่นิยมของคนไทยตราบทุกวันนี้
ขณะที่เพลง “ปฏิวัติ” เผยแพร่กันอยู่แค่ในสถานีวิทยุคลื่นสั้น “สปท.” ของคอมฯ ไทย ที่ตั้งสถานีกระจายเสียงอยู่ในจีนแถบชายแดนลาว แต่แอบฟังกันลับๆ ในหมู่คนชาวคอมฯ เท่านั้น
ทว่าเพลง “เพื่อชีวิต” จากคาราวาน-กรรมาชน-แฮมเมอร์ ฯลฯ นั้น ระบาดในวงกว้างไปทั่วทุกหย่อมหญ้า โดยเพลงเพื่อชีวิตในยุคหลังๆ นั้น นอกจากจะสะท้อนชีวิตคนไทยหลายหลากแล้ว เพลงจำนวนไม่น้อยได้เสนอทางออกต่อมวลชนยุคนั้นว่า ต้องเข้าป่าจับปืนร่วมกับพรรคคอมฯ ไทย โค่นล้มรัฐบาลปฏิกิริยาเพื่อปลดปล่อยชาติไทย ด้วยแนวทาง “ชนบทล้อมเมือง” เฉกเช่นแนวทางคอมฯ จีนอีกด้วย
กระแส “ซ้ายคอมฯ” ปะทะ “ขวาจัด” รุนแรงมากยิ่งขึ้นเมื่อคอมฯ เวียดนาม-ลาว-กัมพูชา ชนะกองทัพอเมริกาในสงครามอินโดจีน เมื่อปี 2518 ทฤษฎีโดมิโนจึงยิ่งน่าสะพรึงกลัว จนรัฐบาล “ขวาพิฆาตซ้าย” ของไทย ต้องผนึกกำลังกับรัฐบาลสหรัฐฯ และพันธมิตรตะวันตก ระดมสรรพกำลังเข้าต่อกรกับคอมฯ ไทย-อินโดจีนและจีนอย่างสุดเหวี่ยง
ณ เวลานั้น ชาติไทยได้ตกอยู่ในสภาวะล่อแหลมที่สุด กับการถูก “คอมมิวนิสต์”ปฏิบัติการเปลี่ยนระบอบการปกครองประชาธิปไตยให้เป็นคอมมิวนิสต์ เพราะไทยมีชายแดนติดกับชาติลาวและกัมพูชา ที่กลายเป็นรัฐคอมมิวนิสต์ไปแล้วนั่นเอง
อีกทั้งในชาติไทยก็มีพรรคคอมฯ ไทย จับปืนต่อสู้โค่นล้มรัฐบาลไทยอยู่ในชนบท รวมทั้งแทรกซึมจัดตั้งนักศึกษาและประชาชนให้แปรเปลี่ยนมาเป็นพรรคพวกอย่างขันแข็งอีกด้วย
มิหนำซ้ำ..รัฐบาลอเมริกายังอ่อนแอจากความพ่ายแพ้สงครามเวียดนาม-ลาว-กัมพูชามาหมาดๆ ยุคนั้นมีการเสนอให้ผู้นำพรรคคอมฯ ไทย เห็นด้วยหรือยอมให้กองทัพคอมฯ อินโดจีน ยกกำลังบุกเข้ามาช่วยปลดปล่อยประเทศไทย ดังคอมฯ เขมรยอมให้กองทัพเวียดนามบุกยึดชาติเขมร เพื่อเปลี่ยนการปกครองจากระบอบเดิมไปเป็นระบอบคอมมิวนิสต์แบบดื้อๆ
เฮ้อ..ถ้าคอมฯ ไทยยอมทำตามข้อเสนอของคอมฯ อินโดจีน ประเทศไทยวันนี้จะเป็นเช่นไร?
แต่ผู้นำพรรคคอมฯ ไทยไม่เดินตามแนวทางคอมฯ เขมร เพราะผู้นำคอมฯ ไทยยึดถือหลักการที่ว่า การเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองทางการเมืองในชาติไทยนั้น ต้องเกิดขึ้นบนความตื่นตัวของชาวไทย และคนไทยส่วนใหญ่ต้องยอมรับการเมืองระบอบคอมมิวนิสต์เท่านั้น
ด้วยทฤษฎีนี้..ผู้นำพรรคคอมฯ ไทยส่วนใหญ่จึงไม่เอาด้วย แต่คอมฯ บางคนกลับมองว่า-โง่ โง่ที่ไม่ยอมให้กองทัพคอมฯ อินโดจีน เข้ามาล้มล้างรัฐบาลไทยให้ล้มครืนลงก่อน จากนั้นคอมฯ ไทยจึงเข้าบริหารชาติบ้านเมืองในภายหลัง
ส่วนคอมฯ ไทยจะปกครองคนไทยและชาติไทยได้หรือไม่? รัฐคอมฯ ไทยจะมั่นคงหรือไม่? ค่อยมาว่าหรือมาแก้ไขปัญหากันในภายหลังโน่น..
แต่หลายคนก็อดชื่นชมว่า ผู้นำคอมฯ ไทยทั้งหลายนั้น-รักชาติ จึงไม่ยอมให้คอมฯ อินโดจีนยกกองทัพบุกเข้ามายึดและเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของชาติไทย เพราะถ้าคอมฯ อินโดจีนเหล่านั้น ต้องมาสู้มาตายมายึดชาติไทยจนสำเร็จ คอมฯ ไทยจะต้องตกเป็นหนี้บุญคุณต่อบรรดาคอมฯ อินโดจีนอย่างมากมายทันที
ที่สำคัญ..หากคอมฯ อินโดจีนยึดแล้วไม่ยอมกลับล่ะ? หากคอมฯ อินโดจีนไม่ยอมให้คอมฯ ไทยบริหารชาติไทยโดยอิสระล่ะ? หากคอมฯ อินโดจีนเรียกร้องขอผลประโยชน์ตอบแทนมากมายในภายหลัง จนได้ไม่คุ้มเสียต่อชาติและประชาชนคนไทยล่ะ?
ทั้งหมดเป็นคำถามที่ไม่ต้องตอบ เพราะปัญหาคอมฯ อินโดจีนบุกยึดชาติไทย-ไม่ได้เกิดขึ้น ด้วยผู้นำคอมฯ ไทยถือตามคำโบราณที่ว่า“อย่าไว้ใจทาง-อย่าวางใจคน” เพราะแม้อุดมการณ์คอมมิวนิสต์จะสวยหรู ทว่าสุดท้าย..ทุกชาติจะคำนึงถึงแต่ผลประโยชน์ของตนเป็นสรณะครับ
การตัดสินใจของผู้นำคอมฯ ไทย เป็นความ “โชคดี”หรือ “โชคร้าย” ของชาติไทย..คิดเอาเองนะครับ?
หลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 รัฐบาลเผด็จการ “จอมพลถนอม” ล้มครืนลงแล้ว กระแสคอมมิวนิสต์ก็พรั่งพรูมาพร้อมกับกระแส “ขวาฟาสซิสต์” อันน่ากลัว
ห้วงนั้น..กระแสคอมมิวนิสต์ไหลหลากมาทั้งในหนังสือพิมพ์บางฉบับ หนังสือทฤษฎีคอมมิวนิสต์ของ “มาร์กซ์” หนังสือ “เลนิน” กับการปฏิวัติรัสเซีย หนังสือการปฏิวัติ “ชนบทล้อมเมือง” ในจีนของ “เหมา เจ๋อตุง” รวมทั้งเรื่องราวนักปฏิวัติรูปหล่อ “เช กูวารา” ที่ร่วมกับ “ฟิเดล คาสโตร” ปลดปล่อยคิวบา ฯลฯ
นอกจากนั้นยังมีหนังสือการต่อสู้ของพรรคคอมฯ ไทย และหนังสือวรรณกรรมของบรรดานักเขียนนามกระเดื่องโลก โดยเฉพาะ แม็กซิม กอร์กี้ นักเขียนชาวรัสเซียนามอุโฆษ ที่รจนานวนิยายเรื่อง “แม่” กินใจคนอ่านทั้งโลก จน “จิตร ภูมิศักดิ์”หนึ่งในปัญญาชนชาวคอมฯ ไทย ได้แปลหนังสือเล่มนี้เป็นภาษาไทยอย่างสละสลวย จนถือเป็นหนึ่งในผลงานแปลชิ้นเยี่ยมของนักปฏิวัติหนุ่มผู้มากความสามารถ ซึ่งเสียชีวิตจากการสู้รบกับรัฐบาลไทยที่ภาคอีสาน
“นายผี” หรือ “อัศนี พลจันทร์” ก็เป็นแกนนำในพรรคคอมฯ ไทย ที่สร้างผลงานทฤษฎีลัทธิมาร์กซ์แบบไทยๆ งานวิชาการเกี่ยวกับสังคมประเทศไทย งานเพลงและบทกวีมากมาย คนไทยไม่น้อยคงชื่นชมกับความไพเราะของเพลง “คิดถึงบ้าน” นั่นคือเพลงที่ “นายผี” แต่งขึ้นครั้งยังใช้ชีวิตอยู่ในป่า
โดย “หงา-คาราวาน” ได้นำมาร้องเป็นรายแรก ก่อนที่ “แอ๊ดคาราบาว” จะนำมาร้องต่อ ตามด้วย “ดนุพล แก้วกาญจน์” แห่งรอยัลสไปร์ส นำมาร้องในลีลาที่แตกต่างกัน จนเป็นที่นิยมของคนไทยตราบทุกวันนี้
ขณะที่เพลง “ปฏิวัติ” เผยแพร่กันอยู่แค่ในสถานีวิทยุคลื่นสั้น “สปท.” ของคอมฯ ไทย ที่ตั้งสถานีกระจายเสียงอยู่ในจีนแถบชายแดนลาว แต่แอบฟังกันลับๆ ในหมู่คนชาวคอมฯ เท่านั้น
ทว่าเพลง “เพื่อชีวิต” จากคาราวาน-กรรมาชน-แฮมเมอร์ ฯลฯ นั้น ระบาดในวงกว้างไปทั่วทุกหย่อมหญ้า โดยเพลงเพื่อชีวิตในยุคหลังๆ นั้น นอกจากจะสะท้อนชีวิตคนไทยหลายหลากแล้ว เพลงจำนวนไม่น้อยได้เสนอทางออกต่อมวลชนยุคนั้นว่า ต้องเข้าป่าจับปืนร่วมกับพรรคคอมฯ ไทย โค่นล้มรัฐบาลปฏิกิริยาเพื่อปลดปล่อยชาติไทย ด้วยแนวทาง “ชนบทล้อมเมือง” เฉกเช่นแนวทางคอมฯ จีนอีกด้วย
กระแส “ซ้ายคอมฯ” ปะทะ “ขวาจัด” รุนแรงมากยิ่งขึ้นเมื่อคอมฯ เวียดนาม-ลาว-กัมพูชา ชนะกองทัพอเมริกาในสงครามอินโดจีน เมื่อปี 2518 ทฤษฎีโดมิโนจึงยิ่งน่าสะพรึงกลัว จนรัฐบาล “ขวาพิฆาตซ้าย” ของไทย ต้องผนึกกำลังกับรัฐบาลสหรัฐฯ และพันธมิตรตะวันตก ระดมสรรพกำลังเข้าต่อกรกับคอมฯ ไทย-อินโดจีนและจีนอย่างสุดเหวี่ยง
ณ เวลานั้น ชาติไทยได้ตกอยู่ในสภาวะล่อแหลมที่สุด กับการถูก “คอมมิวนิสต์”ปฏิบัติการเปลี่ยนระบอบการปกครองประชาธิปไตยให้เป็นคอมมิวนิสต์ เพราะไทยมีชายแดนติดกับชาติลาวและกัมพูชา ที่กลายเป็นรัฐคอมมิวนิสต์ไปแล้วนั่นเอง
อีกทั้งในชาติไทยก็มีพรรคคอมฯ ไทย จับปืนต่อสู้โค่นล้มรัฐบาลไทยอยู่ในชนบท รวมทั้งแทรกซึมจัดตั้งนักศึกษาและประชาชนให้แปรเปลี่ยนมาเป็นพรรคพวกอย่างขันแข็งอีกด้วย
มิหนำซ้ำ..รัฐบาลอเมริกายังอ่อนแอจากความพ่ายแพ้สงครามเวียดนาม-ลาว-กัมพูชามาหมาดๆ ยุคนั้นมีการเสนอให้ผู้นำพรรคคอมฯ ไทย เห็นด้วยหรือยอมให้กองทัพคอมฯ อินโดจีน ยกกำลังบุกเข้ามาช่วยปลดปล่อยประเทศไทย ดังคอมฯ เขมรยอมให้กองทัพเวียดนามบุกยึดชาติเขมร เพื่อเปลี่ยนการปกครองจากระบอบเดิมไปเป็นระบอบคอมมิวนิสต์แบบดื้อๆ
เฮ้อ..ถ้าคอมฯ ไทยยอมทำตามข้อเสนอของคอมฯ อินโดจีน ประเทศไทยวันนี้จะเป็นเช่นไร?
แต่ผู้นำพรรคคอมฯ ไทยไม่เดินตามแนวทางคอมฯ เขมร เพราะผู้นำคอมฯ ไทยยึดถือหลักการที่ว่า การเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองทางการเมืองในชาติไทยนั้น ต้องเกิดขึ้นบนความตื่นตัวของชาวไทย และคนไทยส่วนใหญ่ต้องยอมรับการเมืองระบอบคอมมิวนิสต์เท่านั้น
ด้วยทฤษฎีนี้..ผู้นำพรรคคอมฯ ไทยส่วนใหญ่จึงไม่เอาด้วย แต่คอมฯ บางคนกลับมองว่า-โง่ โง่ที่ไม่ยอมให้กองทัพคอมฯ อินโดจีน เข้ามาล้มล้างรัฐบาลไทยให้ล้มครืนลงก่อน จากนั้นคอมฯ ไทยจึงเข้าบริหารชาติบ้านเมืองในภายหลัง
ส่วนคอมฯ ไทยจะปกครองคนไทยและชาติไทยได้หรือไม่? รัฐคอมฯ ไทยจะมั่นคงหรือไม่? ค่อยมาว่าหรือมาแก้ไขปัญหากันในภายหลังโน่น..
แต่หลายคนก็อดชื่นชมว่า ผู้นำคอมฯ ไทยทั้งหลายนั้น-รักชาติ จึงไม่ยอมให้คอมฯ อินโดจีนยกกองทัพบุกเข้ามายึดและเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของชาติไทย เพราะถ้าคอมฯ อินโดจีนเหล่านั้น ต้องมาสู้มาตายมายึดชาติไทยจนสำเร็จ คอมฯ ไทยจะต้องตกเป็นหนี้บุญคุณต่อบรรดาคอมฯ อินโดจีนอย่างมากมายทันที
ที่สำคัญ..หากคอมฯ อินโดจีนยึดแล้วไม่ยอมกลับล่ะ? หากคอมฯ อินโดจีนไม่ยอมให้คอมฯ ไทยบริหารชาติไทยโดยอิสระล่ะ? หากคอมฯ อินโดจีนเรียกร้องขอผลประโยชน์ตอบแทนมากมายในภายหลัง จนได้ไม่คุ้มเสียต่อชาติและประชาชนคนไทยล่ะ?
ทั้งหมดเป็นคำถามที่ไม่ต้องตอบ เพราะปัญหาคอมฯ อินโดจีนบุกยึดชาติไทย-ไม่ได้เกิดขึ้น ด้วยผู้นำคอมฯ ไทยถือตามคำโบราณที่ว่า“อย่าไว้ใจทาง-อย่าวางใจคน” เพราะแม้อุดมการณ์คอมมิวนิสต์จะสวยหรู ทว่าสุดท้าย..ทุกชาติจะคำนึงถึงแต่ผลประโยชน์ของตนเป็นสรณะครับ
การตัดสินใจของผู้นำคอมฯ ไทย เป็นความ “โชคดี”หรือ “โชคร้าย” ของชาติไทย..คิดเอาเองนะครับ?