xs
xsm
sm
md
lg

อายัด30บ.โกงแวต2พันล. โทษสอบพบทุจริตขอคืนภาษี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้(10 มิ.ย.56) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยความคืบหน้าคดีที่กระทรวงการคลังได้ยื่นคำร้องต่อดีเอสไอขอให้ตรวจสอบพฤติกรรมของ 30 บริษัทเอกชนซึ่งได้ยื่นขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มจากการส่งออกเป็นเท็จ หรือโกงภาษีกว่า 2,600 ล้านบาทจากกระทรวงการคลังว่า นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ รองปลัดกระทรวงการคลังได้ประ สานให้ดีเอสไอเข้าตรวจสอบคดีดังกล่าวมานานกว่า 2 เดือนแล้ว ซึ่งจากการเข้าตรวจสอบพบว่ากลุ่มบริษัทเอกชนดัง กล่าวมีการกระทำความผิดจริง จึงให้ทางกระทรวงการคลังร้องทุกข์กล่าวโทษกับผู้กระทำผิด และได้รับคดีดังกล่าวไว้เป็นคดีพิเศษแล้ว โดยทั้ง 30 บริษัทเป็นตัวการที่กระทำความผิดและทำให้รัฐเกิดความเสียหาย
"ในวันนี้(10มิ.ย) ดีเอสไอจะทำหนังสือแจ้งไปยังธนาคารกรุงไทย ในฐานะที่เป็นธนาคารพาณิชย์ และเป็นนิติบุคคลที่ทำหน้าที่ในการคืนเงินภาษีให้ทำการยึดอายัดทรัพย์สินของบริษัทเอกชน 30 แห่ง ส่วนสถาบันการเงินอื่นหากพบว่า หลังการนำเงินภาษีเข้าบัญชีนิติบุคคลแล้วเงินถูกกระจายไปยังบุคคลอื่นๆ ดีเอสไอจะตามยึดคืนโดยจะประสานให้ธนาคารอื่นๆอายัดเงินไว้ตรวจสอบต่อไป" อธิบดีดีเอสไอ กล่าว
นายธาริต กล่าวว่า คดีนี้ทางดีเอสไอมอบหมายให้นางศิวาพร ชื่นจิตศิริ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ทำหน้าที่ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน เนื่องจากเป็นคดีฉ้อโกงภาษีรายใหญ่ ซึ่งการตรวจสอบจะต้องทำอย่างละเอียดรอบครอบโดยเฉพาะการตรวจสอบทรัพย์สินเพื่อทำการยึดอายัดต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานอ้างสำนักข่าวอิศราว่า ในช่วงปี 2555-2556 (ม.ค.-มี.ค.2556) กรมสรรพากรได้อนุมัติคืนภาษีมูลค่าเพิ่มแก่ผู้ประกอบการอย่างน้อย 30 บริษัท รวมเป็นเงิน 3,647.7 ล้านบาท แบ่งเป็น 1.จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 21 พ.ค.55 จำนวน 6 บริษัท 2.จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 18 มิ.ย.55 จำนวน 2 บริษัท 3.จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 20 ก.ย.55 จำนวน 4 บริษัท 4.จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 26 ก.ย.55 จำนวน 2 บริษัท 5.จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 20 พ.ย.55 จำนวน 2 บริษัท
6.จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 23 พ.ย.55 จำนวน 3 บริษัท 7.จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 26 พ.ย.55 จำนวน 1 บริษัท 8.จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 27 พ.ย.55 จำนวน 3 บริษัท 9.จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 28 พ.ย.55 จำนวน 2 บริษัท 10.จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 11 ธ.ค.55 จำนวน 1 บริษัท 11.จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 17 ธ.ค.55 จำนวน 4 บริษัท โดยผู้ประกอบการทั้ง 30 บริษัท จดทะเบียนทุนแห่งละ 1 ล้านบาท จำนวน 6 บริษัท ทุนจดทะเบียนแห่งละ 3 ล้านบาท จำนวน 6 บริษัท และ ทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท จำนวน 18 บริษัท โดยแจ้งประกอบธุรกิจประเภทเดียวกันทั้งหมด คือ รับซื้อ จำหน่าย นำเข้าและส่งออกแร่โลหะทุกชนิด และใช้ที่อาคารในพื้นที่สีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ เป็นที่ตั้งสำนักงาน
จากการตรวจสอบพบว่า กรรมการ 1 คน จะเป็นกรรมการ 2 บริษัท นอกจากนี้ยังใช้เบอร์โทรศัพท์ติดต่อเบอร์เดียวกันทั้งหมด ในจำนวนนี้แจ้งยกเลิกกิจการต่อกรมพัฒนาธุรกิจการแล้ว 12 บริษัท อีก 18 บริษัทขณะนี้ยังคงไม่ได้จดทะเบียนเลิกกิจการ นอกจากนี้ ในจำนวน 30 บริษัท มี 12 บริษัท ขอรับคืนภาษีในปี 2555 อีก 18 บริษัท ขอรับคืนภาษีในปี 2555 และ ปี 2556
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ขอคืนภาษีรายหนึ่งจดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 21 พ.ค.55 อ้างผลประกอบการมีรายได้ในปี 55 จำนวน 2,528.2 ล้านบาท และขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มจำนวน 176.9 ล้านบาท อีกรายหนึ่งอ้างผลประกอบการในปี 55 มีรายได้ 2,567.4 ล้านบาท และขอรับคืนภาษี จำนวน 179.7 ล้านบาท ขณะที่บริษัทแห่งหนึ่งเพิ่งจดทะเบียนวันที่ 28 พ.ย.55 ทุน 5 ล้านบาท แจ้งว่ามีรายได้ในเดือนต่อมา ธันวาคม 55 จำนวน 406.2 ล้านบาท และได้รับคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม 28.4 ล้าน โดยทั้ง 30 บริษัทได้รับอนุมัติคืนภาษีมูลค่าเพิ่มจากกรมสรรพากร ปี 55 จำนวน 2,398 ล้านบาท ปี 56 จำนวน 1,249 ล้านบาท รวมเป็นเงินกว่า 3,647 ล้านบาท ซึ่งกรมสรรพากรใช้เวลาในการตรวจสอบไม่นานก็อนุมัติ
ล่าสุด มีรายงานแจ้งว่า กระทรวงการคลังได้แจ้งความกับทางกรมสอบสวนคดีพิเศษให้ตรวจสอบเรื่องนี้ และนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบกีกรม ดีเอสไอ ได้รับเป็นคดีพิเศษเพื่อตรวจสอบแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น