กลับมาถึงเมืองไทยเบิกบานสำราญใจ น่าจะมั่นใจว่าอะไรเกิดขึ้นจากนี้ไป แม่นางโพยปูโพรกเน่าในน่าจะยัง “เอาอยู่” อีกนาน หลังจากได้ไปเติมเต็มด้านจิตวิญญาณ ได้พระสงฆ์ศรีลังกาสะเดาะเคราะห์ ได้ไหว้พระเขี้ยวแก้วเติมบุญ
จากนั้นก็บินร่อนไปเติมพลังกายให้จิตใจลั้ลลา นอนพักผ่อนหย่อนใจกับแผ่นฟ้า ดูผืนน้ำ ก้าวย่างบนพื้นทรายสะอาดบนเกาะมัลดีฟส์ แดนสวรรค์ของนักนิยมธรรมชาติ ฝรั่งบอกว่า Sun, Sea and Sand, แต่คงไม่มีเซ็กซ์เหมือนชายหาดของประเทศไทยเฉย อย่างเช่น พัทยา ป่าตอง เกาะสมุย เกาะพงัน!
การหาโอกาสไปเดินสายต่างประเทศถือเป็นภารกิจหลักของแม่นางโพย สร้างสถิติใหม่ ไม่มีผู้นำรัฐไทยคนไหนได้เดินทางท่องโลกเป็นว่าเล่นเหมือนนาง สร้างความอิดหนาระอาใจ นอกเหนือจากความขายหน้าเพราะความเซ่อเอ๋อ
การใช้เงินภาษีประชาชนไปเที่ยวแฝงงานภาครัฐเป็นฉากบังหน้าครั้งนี้แม่นางโพยโกยกำไร ตุนประสบการณ์! ไปปรึกษาข้อราชการงานเมืองกับผู้นำศรีลังกา มัลดีฟส์ ทั้งยังได้ไปยิ้มแย้มปากเยิ้มเรื่องประชาธิปไตยซ้ำๆ อีก
แม่นางโพยนำพาประเทศไปเผาในต่างประเทศรอบสอง หลังจากรอบปฐมฤกษ์ที่มองโกเลีย จนเป็นบ่อเกิดของคำพูด “หญิงชั่วขายชาติ” และผู้คนสวมหน้ากากขาวชุมนุมตะโกนก้องสี่แยกราชประสงค์มาจนถึงสี่แยกปทุมวัน
เป็นครั้งแรกเช่นกันที่มีเสียงก่นด่า ขับไล่เธออย่างเปิดเผย เหมือนกับพี่ชาย และพี่เขยของเธอเคยโดนมาแล้ว เป็นความอัปยศต่อแผ่นดินจนทุกวันนี้
และจะยังมีอีกต่อไปหลายรอบ จำนวนคนมากขึ้น จนถึงจุดจบ ไม่ช้าก็เร็ว! จะพิสูจน์ว่าบุญที่สะสมรอบใหม่ หักลบกลบกับบาปกรรมทำไว้กับแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ แล้วจะยังเหลือต้นทุนบุญ หรือบาปหนาติดลบจนไม่มีโอกาสได้ใช้คืน
ไปสะเดาะเคราะห์ เที่ยวชายหาดมัลดีฟส์ครั้งนี้มีเสียงนินทาจากคนในการบินไทยว่าจำนวนคนพ่วงติดไปกับการบินฟรี เที่ยวฟรี กินฟรี ด้วยเงินภาษี มีมากกว่าทุกครั้ง คงเป็นเพราะใครๆ ก็อยากไปเหยียบหาดทรายสวรรค์นั่นเอง
เอาเงินภาษีชาวบ้านไปเพื่องานส่วนตัวและครอบครัว งานของรัฐเป็นข้ออ้างบังหน้า เท่ากับว่านอกจากเจ้าตัวจะไม่ได้บุญแล้ว ยังเป็นการเพิ่มกรรมซ้ำเติมเคราะห์ให้หนักหนาสาหัส สร้างน้ำหนักถ่วงช่วงขาลงให้เร็วกว่าเดิม
ดูตัวอย่างก็แล้วกัน บักเหลี่ยมอาชญากรหนีคุกมีเงินหลายแสนล้านบาท ยิ่งใหญ่นอกประเทศ สั่งการพวกขี้ข้านักการเมือง ข้าราชการ และทาสน้ำเงินให้ทำชั่วได้สารพัด แต่ยังขาดวาสนาไม่ได้กลับมาเหยียบแผ่นดินเกิดแบบเท่ๆ
เห็นภาพแม่นางโพยไปทำพิธีโกยบุญใหม่ ตัดกรรมเก่า เอาซุ้มพระเขี้ยวแก้วมาวางบนหัว ก็ได้แต่สมเพช! พระธาตุเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไฉนเลยจะช่วยชำระล้างบาป ตัดกรรมให้คนชั่ว ซึ่งนอกจากไม่สำนึกแล้ว ยังมุ่งหน้าทำชั่วอีก
พระเขี้ยวแก้ว พระธาตุ ไม่ใช่ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมปรองดองฉบับขี้ข้าอาชญากร ซึ่งจะได้ช่วยล้างโทษ ล้างมลทินให้คนบาป พวกกังฉินกินเมือง! แต่แม่นางโพยจะรู้อะไร! ตัวเอง ตระกูล งมงายหนักกับความเชื่อพรรค์นี้อยู่แล้ว
แม่นางโพยชมชอบเข้าพิธีเสริมมงคลดวงชะตา ขาประจำคือนักคาถาชาวกัมพูชาติดชายแดนจังหวัดตราด พี่ชาย พี่สาว พี่เขย โคตรตระกูลดิ้นรนหาบุญ หมอดูแม่นๆ หาโอกาสกุมอำนาจรัฐไทยเฉย โกงบ้านกินเมืองหนักๆ ต่อไป
ไปเจ๊าะแจ๊ะในรัฐสภาศรีลังกา แม่นางโพยไม่ทิ้งลายเก่า ยังพ่นภาษาปะกิตกระท่อนกระแท่น เป็นเด็กชั้นประถมหัดอ่านหน้าชั้น ย้ำซ้ำซากแต่เรื่อง “พี่ชายของดิฉัน....พี่เขยของดิฉัน....ความเจ็บปวดของครอบครัวของดิฉัน...” พร่ำพูดเพ้อเจ้อเรื่องความไม่เป็นประชาธิปไตยในประเทศที่ตัวเองเป็นผู้นำ
เป็นถ้อยคำที่คนอื่นเขียนให้ทั้งนั้น! และคนร่างให้อ่านก็มีความคิด จิตใจชั่วร้ายระดับเดียวกัน ไม่อย่างนั้นจะบรรยายความโกหกตอแหลเป็นฉากๆ ได้ไง! แต่คราวนี้หนักข้อกว่าเดิม พูดตีกิน ตีกัน อ้อนออเซาะประชาคมโลกให้ช่วย ถ้ารัฐบาลเน่าของนางโดนขับไล่ประชาชน หรือกองทัพทำรัฐประหารจนตกเก้าอี้
นางเชื่อว่าชาวโลก และผู้นำรัฐบาลประเทศอื่นๆ นั้นโง่งม สติปัญญาบกพร่อง ไม่รับรู้ข่าวสารเหมือนตัวเธอ จึงทึกทักว่าเธอได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นนั้นเป็นการยอมรับเธอในระดับสากล พวกขี้ข้าเอามาโอ้อวดว่าเธอเก่ง
หารู้ไม่ว่าการต้อนรับนั้น เป็นการเฉพาะ “ตำแหน่งนายกฯ” หาใช่ “ตัวเธอ” ไม่! ผู้นำชาติอื่นๆ อยากมีประสบการณ์ด้วยตัวเอง เพื่อยืนยันเสียงร่ำลือ เยาะเย้ยถากถางวงในว่าผู้นำรัฐไทยนั้นโง่งมงาย โกหก เอ๋อ พูดจาไม่รู้ภาษา
แม่นางโพยกลับมาต้องเผชิญกับการโดนกรรมเก่าไล่บี้ กลุ่มมวลชนคนทนไม่ได้ ไม่เอาระบอบบักเหลี่ยมเริ่มรวมตัว จุดติด ความไม่พอใจแผ่กระจายในวงกว้าง ข้าราชการแข็งข้อหลังจากโดนรังแกโดยนักการเมืองผยองอำนาจ
กระบวนการยุติธรรมเป็นก้างขวางคอ แผนช่วยเหลือพี่ชายไม่ลื่นไหล!
อีกไม่นานชาวโลกอาจได้ยินเสียงของสตรีนักท่องโลก คร่ำครวญอีกรอบ “รัฐบาลของดิฉันต้องประสบเคราะห์กรรมไม่ต่างจากพี่ชาย และพี่เขยของดิฉัน ... ตัวดิฉันและครอบครัวต้องรับความเจ็บปวด ไม่มีแผ่นดินอยู่เช่นกัน”
จากนั้นก็บินร่อนไปเติมพลังกายให้จิตใจลั้ลลา นอนพักผ่อนหย่อนใจกับแผ่นฟ้า ดูผืนน้ำ ก้าวย่างบนพื้นทรายสะอาดบนเกาะมัลดีฟส์ แดนสวรรค์ของนักนิยมธรรมชาติ ฝรั่งบอกว่า Sun, Sea and Sand, แต่คงไม่มีเซ็กซ์เหมือนชายหาดของประเทศไทยเฉย อย่างเช่น พัทยา ป่าตอง เกาะสมุย เกาะพงัน!
การหาโอกาสไปเดินสายต่างประเทศถือเป็นภารกิจหลักของแม่นางโพย สร้างสถิติใหม่ ไม่มีผู้นำรัฐไทยคนไหนได้เดินทางท่องโลกเป็นว่าเล่นเหมือนนาง สร้างความอิดหนาระอาใจ นอกเหนือจากความขายหน้าเพราะความเซ่อเอ๋อ
การใช้เงินภาษีประชาชนไปเที่ยวแฝงงานภาครัฐเป็นฉากบังหน้าครั้งนี้แม่นางโพยโกยกำไร ตุนประสบการณ์! ไปปรึกษาข้อราชการงานเมืองกับผู้นำศรีลังกา มัลดีฟส์ ทั้งยังได้ไปยิ้มแย้มปากเยิ้มเรื่องประชาธิปไตยซ้ำๆ อีก
แม่นางโพยนำพาประเทศไปเผาในต่างประเทศรอบสอง หลังจากรอบปฐมฤกษ์ที่มองโกเลีย จนเป็นบ่อเกิดของคำพูด “หญิงชั่วขายชาติ” และผู้คนสวมหน้ากากขาวชุมนุมตะโกนก้องสี่แยกราชประสงค์มาจนถึงสี่แยกปทุมวัน
เป็นครั้งแรกเช่นกันที่มีเสียงก่นด่า ขับไล่เธออย่างเปิดเผย เหมือนกับพี่ชาย และพี่เขยของเธอเคยโดนมาแล้ว เป็นความอัปยศต่อแผ่นดินจนทุกวันนี้
และจะยังมีอีกต่อไปหลายรอบ จำนวนคนมากขึ้น จนถึงจุดจบ ไม่ช้าก็เร็ว! จะพิสูจน์ว่าบุญที่สะสมรอบใหม่ หักลบกลบกับบาปกรรมทำไว้กับแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ แล้วจะยังเหลือต้นทุนบุญ หรือบาปหนาติดลบจนไม่มีโอกาสได้ใช้คืน
ไปสะเดาะเคราะห์ เที่ยวชายหาดมัลดีฟส์ครั้งนี้มีเสียงนินทาจากคนในการบินไทยว่าจำนวนคนพ่วงติดไปกับการบินฟรี เที่ยวฟรี กินฟรี ด้วยเงินภาษี มีมากกว่าทุกครั้ง คงเป็นเพราะใครๆ ก็อยากไปเหยียบหาดทรายสวรรค์นั่นเอง
เอาเงินภาษีชาวบ้านไปเพื่องานส่วนตัวและครอบครัว งานของรัฐเป็นข้ออ้างบังหน้า เท่ากับว่านอกจากเจ้าตัวจะไม่ได้บุญแล้ว ยังเป็นการเพิ่มกรรมซ้ำเติมเคราะห์ให้หนักหนาสาหัส สร้างน้ำหนักถ่วงช่วงขาลงให้เร็วกว่าเดิม
ดูตัวอย่างก็แล้วกัน บักเหลี่ยมอาชญากรหนีคุกมีเงินหลายแสนล้านบาท ยิ่งใหญ่นอกประเทศ สั่งการพวกขี้ข้านักการเมือง ข้าราชการ และทาสน้ำเงินให้ทำชั่วได้สารพัด แต่ยังขาดวาสนาไม่ได้กลับมาเหยียบแผ่นดินเกิดแบบเท่ๆ
เห็นภาพแม่นางโพยไปทำพิธีโกยบุญใหม่ ตัดกรรมเก่า เอาซุ้มพระเขี้ยวแก้วมาวางบนหัว ก็ได้แต่สมเพช! พระธาตุเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไฉนเลยจะช่วยชำระล้างบาป ตัดกรรมให้คนชั่ว ซึ่งนอกจากไม่สำนึกแล้ว ยังมุ่งหน้าทำชั่วอีก
พระเขี้ยวแก้ว พระธาตุ ไม่ใช่ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมปรองดองฉบับขี้ข้าอาชญากร ซึ่งจะได้ช่วยล้างโทษ ล้างมลทินให้คนบาป พวกกังฉินกินเมือง! แต่แม่นางโพยจะรู้อะไร! ตัวเอง ตระกูล งมงายหนักกับความเชื่อพรรค์นี้อยู่แล้ว
แม่นางโพยชมชอบเข้าพิธีเสริมมงคลดวงชะตา ขาประจำคือนักคาถาชาวกัมพูชาติดชายแดนจังหวัดตราด พี่ชาย พี่สาว พี่เขย โคตรตระกูลดิ้นรนหาบุญ หมอดูแม่นๆ หาโอกาสกุมอำนาจรัฐไทยเฉย โกงบ้านกินเมืองหนักๆ ต่อไป
ไปเจ๊าะแจ๊ะในรัฐสภาศรีลังกา แม่นางโพยไม่ทิ้งลายเก่า ยังพ่นภาษาปะกิตกระท่อนกระแท่น เป็นเด็กชั้นประถมหัดอ่านหน้าชั้น ย้ำซ้ำซากแต่เรื่อง “พี่ชายของดิฉัน....พี่เขยของดิฉัน....ความเจ็บปวดของครอบครัวของดิฉัน...” พร่ำพูดเพ้อเจ้อเรื่องความไม่เป็นประชาธิปไตยในประเทศที่ตัวเองเป็นผู้นำ
เป็นถ้อยคำที่คนอื่นเขียนให้ทั้งนั้น! และคนร่างให้อ่านก็มีความคิด จิตใจชั่วร้ายระดับเดียวกัน ไม่อย่างนั้นจะบรรยายความโกหกตอแหลเป็นฉากๆ ได้ไง! แต่คราวนี้หนักข้อกว่าเดิม พูดตีกิน ตีกัน อ้อนออเซาะประชาคมโลกให้ช่วย ถ้ารัฐบาลเน่าของนางโดนขับไล่ประชาชน หรือกองทัพทำรัฐประหารจนตกเก้าอี้
นางเชื่อว่าชาวโลก และผู้นำรัฐบาลประเทศอื่นๆ นั้นโง่งม สติปัญญาบกพร่อง ไม่รับรู้ข่าวสารเหมือนตัวเธอ จึงทึกทักว่าเธอได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นนั้นเป็นการยอมรับเธอในระดับสากล พวกขี้ข้าเอามาโอ้อวดว่าเธอเก่ง
หารู้ไม่ว่าการต้อนรับนั้น เป็นการเฉพาะ “ตำแหน่งนายกฯ” หาใช่ “ตัวเธอ” ไม่! ผู้นำชาติอื่นๆ อยากมีประสบการณ์ด้วยตัวเอง เพื่อยืนยันเสียงร่ำลือ เยาะเย้ยถากถางวงในว่าผู้นำรัฐไทยนั้นโง่งมงาย โกหก เอ๋อ พูดจาไม่รู้ภาษา
แม่นางโพยกลับมาต้องเผชิญกับการโดนกรรมเก่าไล่บี้ กลุ่มมวลชนคนทนไม่ได้ ไม่เอาระบอบบักเหลี่ยมเริ่มรวมตัว จุดติด ความไม่พอใจแผ่กระจายในวงกว้าง ข้าราชการแข็งข้อหลังจากโดนรังแกโดยนักการเมืองผยองอำนาจ
กระบวนการยุติธรรมเป็นก้างขวางคอ แผนช่วยเหลือพี่ชายไม่ลื่นไหล!
อีกไม่นานชาวโลกอาจได้ยินเสียงของสตรีนักท่องโลก คร่ำครวญอีกรอบ “รัฐบาลของดิฉันต้องประสบเคราะห์กรรมไม่ต่างจากพี่ชาย และพี่เขยของดิฉัน ... ตัวดิฉันและครอบครัวต้องรับความเจ็บปวด ไม่มีแผ่นดินอยู่เช่นกัน”
