นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าเยี่ยมชมวัดทีปทุตตมาราม และสักการะพระเขี้ยวแก้ว ซึ่งเป็นภารกิจสุดท้ายที่ศรีลังกา โดยมีกำหนดเดินทางออกจากศรีลังกาช่วงเที่ยงวันนี้ เพื่อเดินทางต่อไปยังสาธารณรัฐมัลดีฟส์ ซึ่งเวลาที่ศรีลังกาช้ากว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง 30 นาที
สำหรับการหารือกับภาคเอกชนไทยวานนี้ มีนักธุรกิจที่สนใจลงทุนในศรีลังกา จำนวน 30 คนจากสภาธุรกิจสมาคม และสาขาธุุรกิจต่างๆ 6 สาขา ได้แก่ อาหาร พลังงาน เศรษฐกิจสีเขียว การท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ อัญมณีและเครื่องประดับ ก่อสร้าง และการศึกษา ซึ่งนายกรัฐมนตรี สนับสนุนให้มีการขยายการลงทุนในศรีลังกาเพิ่มขึ้น เป็นการขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-ศรีลังกา ตลอดจนการสร้างเครือข่ายในระดับภูมิภาคอาเซียนและเอเชียใต้ ที่มีความใกล้ชิดกันมายาวนาน
โดยภาคเอกชนขอบคุณนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลที่ให้ความสนใจและสนับสนุนส่งเสริม ซึ่งการร่วมคณะกับนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ ทำให้เกิดโอกาสทางธุรกิจ เพิ่มช่องทางและเครือข่ายแต่ละสาขา รวมทั้งแก้ปัญหาอุปสรรค์อย่งตรงจุด ทำให้เกิดประโยชน์ต่อภาคการลงทุนในภาพรวม
ขณะที่การหารือทวิภาคีระหว่างนายกรัฐมนตรี และประธานาธิบดีศรีลังกา ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องในการกระตุ้นบรรยากาศที่เอื้อการลงทุนระหว่างสองประเทศ โดยผู้นำทั้งสอง ยืนยันจะให้การสนับสนุนหน่วยงานส่งเสริมการการค้าการลงทุนของทั้งสองประเทศได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสและแลกเปลี่ยนข้อมูลในสาขาธุรกิจต่างๆที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน รวมถึงโครงการหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งประธานาธิบดีศรีลังกาได้กล่าวเชิญชวนให้นักลงทุนไทยเข้ามาลงทุนในศรีลังกา โดยเฉพาะในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การผลิตไฟฟ้า อุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดเล็ก การผลิตเพื่อส่งออก
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังหารือกับประธานาธิบดีศรีลังกา ถึงการลดอุปสรรคด้านการเดินทางทางอากาศ เพื่อส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างไทยและภูมิภาคในเอเชียให้มีความสะดวกในการเดินทางมากขึ้น
ขณะเดียวกัน ไทยแสดงความสนใจในการลงทุนด้านอากาศยานและการท่าในประเทศศรีลังกาซึ่งพร้อมที่จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทางการศรีลังกาได้ร่วมงานกับทางการไทยอย่างใกล้ชิด
สำหรับการหารือกับภาคเอกชนไทยวานนี้ มีนักธุรกิจที่สนใจลงทุนในศรีลังกา จำนวน 30 คนจากสภาธุรกิจสมาคม และสาขาธุุรกิจต่างๆ 6 สาขา ได้แก่ อาหาร พลังงาน เศรษฐกิจสีเขียว การท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ อัญมณีและเครื่องประดับ ก่อสร้าง และการศึกษา ซึ่งนายกรัฐมนตรี สนับสนุนให้มีการขยายการลงทุนในศรีลังกาเพิ่มขึ้น เป็นการขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-ศรีลังกา ตลอดจนการสร้างเครือข่ายในระดับภูมิภาคอาเซียนและเอเชียใต้ ที่มีความใกล้ชิดกันมายาวนาน
โดยภาคเอกชนขอบคุณนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลที่ให้ความสนใจและสนับสนุนส่งเสริม ซึ่งการร่วมคณะกับนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ ทำให้เกิดโอกาสทางธุรกิจ เพิ่มช่องทางและเครือข่ายแต่ละสาขา รวมทั้งแก้ปัญหาอุปสรรค์อย่งตรงจุด ทำให้เกิดประโยชน์ต่อภาคการลงทุนในภาพรวม
ขณะที่การหารือทวิภาคีระหว่างนายกรัฐมนตรี และประธานาธิบดีศรีลังกา ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องในการกระตุ้นบรรยากาศที่เอื้อการลงทุนระหว่างสองประเทศ โดยผู้นำทั้งสอง ยืนยันจะให้การสนับสนุนหน่วยงานส่งเสริมการการค้าการลงทุนของทั้งสองประเทศได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสและแลกเปลี่ยนข้อมูลในสาขาธุรกิจต่างๆที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน รวมถึงโครงการหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งประธานาธิบดีศรีลังกาได้กล่าวเชิญชวนให้นักลงทุนไทยเข้ามาลงทุนในศรีลังกา โดยเฉพาะในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การผลิตไฟฟ้า อุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดเล็ก การผลิตเพื่อส่งออก
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังหารือกับประธานาธิบดีศรีลังกา ถึงการลดอุปสรรคด้านการเดินทางทางอากาศ เพื่อส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างไทยและภูมิภาคในเอเชียให้มีความสะดวกในการเดินทางมากขึ้น
ขณะเดียวกัน ไทยแสดงความสนใจในการลงทุนด้านอากาศยานและการท่าในประเทศศรีลังกาซึ่งพร้อมที่จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทางการศรีลังกาได้ร่วมงานกับทางการไทยอย่างใกล้ชิด
