ผมไม่ค่อยอินกับกระแสหน้ากาก V เท่าไหร่หรอกครับ แต่ใครจะใส่ก็ใส่เถอะครับตามสบาย ส่วนผมก็ขอเปิดหน้าชกกับระบอบทักษิณอย่างนี้ต่อไปดีกว่า
ผมเคารพการแสดงออกของแต่ละฝ่ายนะครับ ชื่นชมนะครับว่า คนที่สร้างกระแสนี่เก่งได้ภาพในเชิงสัญลักษณ์ แต่ผมเห็นว่า กระแสนี้เกิดขึ้นในคอการเมืองที่เป็นแนวร่วมฮาร์ดคอร์ของแต่ละฝ่ายอยู่แล้ว ไม่สามารถปลุก “ไทยเฉย” ที่เราเชื่อว่า การเมืองมีปัญหาเพราะคนส่วนนี้ยังนิ่งเฉยอยู่ได้เลย
ดังนั้น สำหรับผมแล้ว ผมคิดว่าหน้ากาก V เป็นเพียงกระแสในโลกเสมือนจริง ที่ไม่มีวันเป็นจริงและส่งผลสะเทือนอะไรได้เลย และเป็นไปไม่ได้เลยที่บางคนพยายามคิดไปไกลว่า หน้ากาก V นี่แหละที่จะสลายความขัดแย้งระหว่างพลพรรคของ ปชป.และพันธมิตรฯ ที่ต่างก็มีศัตรูร่วมเดียวกัน “ถอดเสื้อสลายสี” แล้วหันกลับมาร่วมมือกันอีกครั้ง
เพราะคนที่เป็นพันธมิตรฯ ที่แท้จริงนั้นน่าจะก้าวข้ามการต่อสู้เพื่อพรรคการเมืองไปแล้ว ส่วนมวลชนของพรรคประชาธิปัตย์นั้นมีเป้าหมายเพื่อให้พรรคที่ตัวเองรักได้กลับมาครองอำนาจรัฐอีกครั้ง
แต่ผมก็ยังเห็นปัญญาชนที่พยายามพลางตัวเป็นกลางๆ ระหว่างคนสองกลุ่ม เรียกร้องให้สองฝ่ายจับมือกัน ตัดพ้อต่อว่าความขัดแย้งที่ซัดใส่กันของสองฝ่ายว่าจะทำให้ฝ่ายทักษิณเข้มแข็งขึ้น แต่อธิบายไม่ได้ว่า ถ้าฝ่ายทักษิณอ่อนแอลง อะไรที่ดีกว่าฝ่ายทักษิณเพราะใจลึกๆ ก็ยังก้าวไม่พ้นจากสองขั้วทางการเมือง ไม่เอาเพื่อไทยก็ต้องเอาประชาธิปัตย์
ผมคิดว่า ประเด็นสำคัญของฝ่ายตรงข้ามทักษิณก็คือ การเอาตัวเองออกจากการเมือง เพื่อทำให้การต่อต้านทักษิณไม่ใช่การต่อต้านเพียงเพื่อเปลี่ยนขั้วการเมือง
วันนี้ปัญญาชนหลายคนออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านทักษิณ แต่เขาไม่สามารถเอาตัวเองออกจากขั้วการเมือง พอถูกฝ่ายตรงข้ามถามว่า สิ่งที่เขาวิจารณ์ฝ่ายทักษิณก็เกิดกับการเมืองอีกขั้วด้วย พอบอกว่า ระบอบทักษิณคอร์รัปชัน เขาก็โต้ว่าอีกฝ่ายก็คอร์รัปชันนั่นโน่นนี่ด้วย ก็เถียงไม่ออก บลา บลา บลา
วันนี้ฝ่ายเสื้อแดงเรียกตัวเองว่า เป็นฝ่ายประชาธิปไตย แต่จริงๆ แล้วเขาเป็นเครื่องมือของฝ่ายทุนนิยมเผด็จการรัฐสภาเท่านั้นเอง ผมไม่คิดว่า ฝั่งตรงข้ามของเสื้อแดงคือ เสื้อเหลือง เพราะเสื้อเหลืองควรจะเป็นครื่องมือของพรรคการเมืองแบบที่เสื้อแดงเป็น แต่ควรจะเป็นเครื่องมือของการแสวงหาระบอบประชาธิปไตยของประชาชนที่แท้จริง
ระบอบที่ประชาชนรับมือกับนักการเมืองที่เข้ามาเพื่อคอร์รัปชันได้ ระบอบที่ไม่ปล่อยให้นักการเมืองทำอะไรก็ได้ด้วยข้ออ้างว่ามาจากการเลือกตั้ง ระบอบที่ไม่ทำให้คนชั่วสามารถซ่อนอยู่ใต้หน้ากากของคนดี ระบอบที่พร้อมจะตรวจสอบนักการเมืองทุกฝ่ายไม่ใช่เครื่องมือของฝ่ายไหน
ถ้าเราทำอย่างนั้นได้พลังเสื้อแดงก็ไม่มีความหมาย เพราะเขาจะเป็นเพียงหุ่นยนต์ไขลานของพรรคการเมืองเท่านั้นเอง เราต่างหากที่คือฝ่ายประชาธิปไตยที่แท้จริง
เราเรียกร้องการเมืองที่โปร่งใส ต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน เรียกร้องสิทธิเสรีภาพ ความเป็นธรรมและความเท่าเทียมกันในสังคม
ผมคิดว่า วันนี้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยวางตัวอยู่ในจุดนี้ คือ ต้องการความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่เป็นการปฏิรูปการเมืองที่แท้จริง ไม่ผลีผลามที่จะออกมาเป็นเครื่องมือทางการเมืองของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ปล่อยให้พวกปัญญาชนเสื้อแดงที่เป็นสายซ้ายเก่า นั่งฝันกับอุดมการณ์ชายขอบตกยุคของตัวเองว่า คนเสื้อแดงที่ตื่นตัวขึ้นมานี้เพราะเรียนรู้อุดมการณ์ประชาธิปไตยของประชาชนที่ต้องปลดแอกจากอำมาตย์ แต่จริงๆ แล้วคนเสื้อแดงเหล่านั้นเป็นเพียงคนที่หลงเชื่อว่า ทักษิณคือพระเจ้าองค์ใหม่ที่หยิบยื่นความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้พวกเขาจากนโยบายประชานิยม
เราจึงเห็นนักประชาธิปไตยเสื้อแดงยกพวกไปปิดล้อมโจมตีทำร้ายฝ่ายตรงข้าม กลายเป็นองครักษ์พิทักษ์อำมาตย์ของฝ่ายตัวเองจนเกินกว่านิยามประชาธิปไตยจะยอมรับได้
แต่ปัญญาชนเสื้อแดงที่หลงเชื่อว่า คนเสื้อแดงเหล่านั้นมีวุฒิภาวะทางการเมือง ตื่นตัวเรียนรู้ระบอบประชาธิปไตย จนหลงเพ้อพกว่า คนเสื้อแดงจะเป็นฝ่ายกำหนดให้ทักษิณและพรรคของทักษิณเดิน ทั้งๆ ที่จริงแล้วคนเสื้อแดงเหล่านั้นเป็นเพียงอำนาจใต้อุปถัมภ์ของนักการเมืองที่เป็นนายทุนและชนชั้นนำในท้องถิ่น
ชาวบ้านเหล่านั้นหลงเชื่อเพราะเข้าใจว่า ทักษิณทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น ทักษิณเอาเงินมาให้ ทักษิณทำให้การรักษาพยาบาลเหลือเพียง 30 บาท แต่ไม่มีใครรู้ว่า ทักษิณใช้อำนาจรัฐในระหว่างมีอำนาจแสวงหาผลประโยชน์เข้าบริษัทของตัวเองเท่าไหร่ แม้ว่าศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองมีคำสั่งยึดทรัพย์สิน 46,000 กว่าล้าน โดยการชำแหละที่มาที่ไปก็เงินที่งอกเงยขึ้นจากการฉ้อฉลจากอำนาจอย่างละเอียด แต่เครือข่ายของทักษิณ และสื่อมวลชนที่ถูกทักษิณครอบงำก็ช่วยบิดเบือนว่า ทักษิณถูกอำมาตย์กลั่นแกล้ง
มีการปล่อยข่าวทำลายกระบวนการยุติธรรม แล้วเขียนภาพลอยๆ ของอำมาตย์ขึ้นมาว่า อยู่เบื้องหลังเพราะอิจฉาทักษิณ เมื่อไม่กี่วันก่อนที่สไกป์มาที่ราชประสงค์ทักษิณก็พูดว่า มีคนอิจฉาเขาที่ทำให้ชาวบ้านหายจนจากอาจสามารถโมเดล
บางคนห่วงว่ามวลชนเสื้อแดงกำลังเติบโต แต่ทักษิณก็คือ ทักษิณ เราพิสูจน์กันมาแล้วเมื่อทักษิณอยู่ในอำนาจว่าเขาไม่ใช่นักประชาธิปไตย เป้าหมายของทักษิณก็คือ ผลประโยชน์และอำนาจ ทักษิณรู้ว่า ถ้ามีอำนาจเขาจะได้รับผลประโยชน์เพิ่มขึ้น วันไหนทักษิณได้สิ่งที่สูญเสียไปกลับคืนมา ทักษิณนี่แหละต้องทำให้คนเสื้อแดงอ่อนแอลงไม่ปล่อยให้เป็นหอกข้างแคร่หรอกครับ และคงไม่ยากเย็นอะไร เพราะคนเสื้อแดงเหล่านี้ขึ้นอยู่กับหัวคะแนน และ ส.ส.ในพื้นที่อยู่แล้ว
ถ้าจำกันได้ปีที่แล้วทักษิณคิดว่าตัวเองสามารถตกลงกับฝ่ายตรงข้ามได้แล้ว จะไปขึ้นรถขึ้นภูเขา ทักษิณสั่งให้เลิกสลายมวลชนเสื้อแดง และภาพแบบนี้แหละครับจะกลับมาอีกครั้งในวันที่ทักษิณได้ทุกอย่างกลับมา
ถึงเวลานั้นปัญญาชนเสื้อแดงที่ไม่ได้ประโยชน์จากทักษิณและมีจิตวิญญาณประชาธิปไตยที่แท้จริงก็จะขัดแย้งกับทักษิณ ส่วนคนเสื้อแดงก็จะกลายเป็นพลเมืองสำหรับลงคะแนนในคูหาเลือกตั้งของเขาเท่านั้นเอง
ผมคิดว่า ถ้าจะสู้กับทักษิณเราต้องทำให้ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่าระบอบทักษิณและอุดมการณ์ของทักษิณนั้นไม่ได้ยืนอยู่ฝ่ายประชาธิปไตย ต้องทำให้ประชาชนส่วนใหญ่กลับมายืนอยู่ฝ่ายเราและรู้ว่า ทักษิณเป็นเพียงพ่อค้าที่เข้ามาแสวงหาประโยชน์จากอำนาจ แต่เราในฐานะประชาชนต่างหากที่คือฝ่ายประชาธิปไตยเรียกร้องความโปร่งใสทางการเมือง ความเสมอภาคและความเท่าเทียมกันในสังคม
ผมคิดว่า ถ้าเราจะสู้กับทักษิณ เราจึงต้องก้าวให้พ้นการต่อสู้เพื่อพรรคการเมือง และทำให้ประชาชนทุกกลุ่มรู้ว่า เราต่อสู้กับนักการเมืองที่ฉ้อฉลทุกฝ่ายไม่ได้สู้เพื่ออำนาจทางการเมือง
ผมเคารพการแสดงออกของแต่ละฝ่ายนะครับ ชื่นชมนะครับว่า คนที่สร้างกระแสนี่เก่งได้ภาพในเชิงสัญลักษณ์ แต่ผมเห็นว่า กระแสนี้เกิดขึ้นในคอการเมืองที่เป็นแนวร่วมฮาร์ดคอร์ของแต่ละฝ่ายอยู่แล้ว ไม่สามารถปลุก “ไทยเฉย” ที่เราเชื่อว่า การเมืองมีปัญหาเพราะคนส่วนนี้ยังนิ่งเฉยอยู่ได้เลย
ดังนั้น สำหรับผมแล้ว ผมคิดว่าหน้ากาก V เป็นเพียงกระแสในโลกเสมือนจริง ที่ไม่มีวันเป็นจริงและส่งผลสะเทือนอะไรได้เลย และเป็นไปไม่ได้เลยที่บางคนพยายามคิดไปไกลว่า หน้ากาก V นี่แหละที่จะสลายความขัดแย้งระหว่างพลพรรคของ ปชป.และพันธมิตรฯ ที่ต่างก็มีศัตรูร่วมเดียวกัน “ถอดเสื้อสลายสี” แล้วหันกลับมาร่วมมือกันอีกครั้ง
เพราะคนที่เป็นพันธมิตรฯ ที่แท้จริงนั้นน่าจะก้าวข้ามการต่อสู้เพื่อพรรคการเมืองไปแล้ว ส่วนมวลชนของพรรคประชาธิปัตย์นั้นมีเป้าหมายเพื่อให้พรรคที่ตัวเองรักได้กลับมาครองอำนาจรัฐอีกครั้ง
แต่ผมก็ยังเห็นปัญญาชนที่พยายามพลางตัวเป็นกลางๆ ระหว่างคนสองกลุ่ม เรียกร้องให้สองฝ่ายจับมือกัน ตัดพ้อต่อว่าความขัดแย้งที่ซัดใส่กันของสองฝ่ายว่าจะทำให้ฝ่ายทักษิณเข้มแข็งขึ้น แต่อธิบายไม่ได้ว่า ถ้าฝ่ายทักษิณอ่อนแอลง อะไรที่ดีกว่าฝ่ายทักษิณเพราะใจลึกๆ ก็ยังก้าวไม่พ้นจากสองขั้วทางการเมือง ไม่เอาเพื่อไทยก็ต้องเอาประชาธิปัตย์
ผมคิดว่า ประเด็นสำคัญของฝ่ายตรงข้ามทักษิณก็คือ การเอาตัวเองออกจากการเมือง เพื่อทำให้การต่อต้านทักษิณไม่ใช่การต่อต้านเพียงเพื่อเปลี่ยนขั้วการเมือง
วันนี้ปัญญาชนหลายคนออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านทักษิณ แต่เขาไม่สามารถเอาตัวเองออกจากขั้วการเมือง พอถูกฝ่ายตรงข้ามถามว่า สิ่งที่เขาวิจารณ์ฝ่ายทักษิณก็เกิดกับการเมืองอีกขั้วด้วย พอบอกว่า ระบอบทักษิณคอร์รัปชัน เขาก็โต้ว่าอีกฝ่ายก็คอร์รัปชันนั่นโน่นนี่ด้วย ก็เถียงไม่ออก บลา บลา บลา
วันนี้ฝ่ายเสื้อแดงเรียกตัวเองว่า เป็นฝ่ายประชาธิปไตย แต่จริงๆ แล้วเขาเป็นเครื่องมือของฝ่ายทุนนิยมเผด็จการรัฐสภาเท่านั้นเอง ผมไม่คิดว่า ฝั่งตรงข้ามของเสื้อแดงคือ เสื้อเหลือง เพราะเสื้อเหลืองควรจะเป็นครื่องมือของพรรคการเมืองแบบที่เสื้อแดงเป็น แต่ควรจะเป็นเครื่องมือของการแสวงหาระบอบประชาธิปไตยของประชาชนที่แท้จริง
ระบอบที่ประชาชนรับมือกับนักการเมืองที่เข้ามาเพื่อคอร์รัปชันได้ ระบอบที่ไม่ปล่อยให้นักการเมืองทำอะไรก็ได้ด้วยข้ออ้างว่ามาจากการเลือกตั้ง ระบอบที่ไม่ทำให้คนชั่วสามารถซ่อนอยู่ใต้หน้ากากของคนดี ระบอบที่พร้อมจะตรวจสอบนักการเมืองทุกฝ่ายไม่ใช่เครื่องมือของฝ่ายไหน
ถ้าเราทำอย่างนั้นได้พลังเสื้อแดงก็ไม่มีความหมาย เพราะเขาจะเป็นเพียงหุ่นยนต์ไขลานของพรรคการเมืองเท่านั้นเอง เราต่างหากที่คือฝ่ายประชาธิปไตยที่แท้จริง
เราเรียกร้องการเมืองที่โปร่งใส ต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน เรียกร้องสิทธิเสรีภาพ ความเป็นธรรมและความเท่าเทียมกันในสังคม
ผมคิดว่า วันนี้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยวางตัวอยู่ในจุดนี้ คือ ต้องการความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่เป็นการปฏิรูปการเมืองที่แท้จริง ไม่ผลีผลามที่จะออกมาเป็นเครื่องมือทางการเมืองของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ปล่อยให้พวกปัญญาชนเสื้อแดงที่เป็นสายซ้ายเก่า นั่งฝันกับอุดมการณ์ชายขอบตกยุคของตัวเองว่า คนเสื้อแดงที่ตื่นตัวขึ้นมานี้เพราะเรียนรู้อุดมการณ์ประชาธิปไตยของประชาชนที่ต้องปลดแอกจากอำมาตย์ แต่จริงๆ แล้วคนเสื้อแดงเหล่านั้นเป็นเพียงคนที่หลงเชื่อว่า ทักษิณคือพระเจ้าองค์ใหม่ที่หยิบยื่นความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้พวกเขาจากนโยบายประชานิยม
เราจึงเห็นนักประชาธิปไตยเสื้อแดงยกพวกไปปิดล้อมโจมตีทำร้ายฝ่ายตรงข้าม กลายเป็นองครักษ์พิทักษ์อำมาตย์ของฝ่ายตัวเองจนเกินกว่านิยามประชาธิปไตยจะยอมรับได้
แต่ปัญญาชนเสื้อแดงที่หลงเชื่อว่า คนเสื้อแดงเหล่านั้นมีวุฒิภาวะทางการเมือง ตื่นตัวเรียนรู้ระบอบประชาธิปไตย จนหลงเพ้อพกว่า คนเสื้อแดงจะเป็นฝ่ายกำหนดให้ทักษิณและพรรคของทักษิณเดิน ทั้งๆ ที่จริงแล้วคนเสื้อแดงเหล่านั้นเป็นเพียงอำนาจใต้อุปถัมภ์ของนักการเมืองที่เป็นนายทุนและชนชั้นนำในท้องถิ่น
ชาวบ้านเหล่านั้นหลงเชื่อเพราะเข้าใจว่า ทักษิณทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น ทักษิณเอาเงินมาให้ ทักษิณทำให้การรักษาพยาบาลเหลือเพียง 30 บาท แต่ไม่มีใครรู้ว่า ทักษิณใช้อำนาจรัฐในระหว่างมีอำนาจแสวงหาผลประโยชน์เข้าบริษัทของตัวเองเท่าไหร่ แม้ว่าศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองมีคำสั่งยึดทรัพย์สิน 46,000 กว่าล้าน โดยการชำแหละที่มาที่ไปก็เงินที่งอกเงยขึ้นจากการฉ้อฉลจากอำนาจอย่างละเอียด แต่เครือข่ายของทักษิณ และสื่อมวลชนที่ถูกทักษิณครอบงำก็ช่วยบิดเบือนว่า ทักษิณถูกอำมาตย์กลั่นแกล้ง
มีการปล่อยข่าวทำลายกระบวนการยุติธรรม แล้วเขียนภาพลอยๆ ของอำมาตย์ขึ้นมาว่า อยู่เบื้องหลังเพราะอิจฉาทักษิณ เมื่อไม่กี่วันก่อนที่สไกป์มาที่ราชประสงค์ทักษิณก็พูดว่า มีคนอิจฉาเขาที่ทำให้ชาวบ้านหายจนจากอาจสามารถโมเดล
บางคนห่วงว่ามวลชนเสื้อแดงกำลังเติบโต แต่ทักษิณก็คือ ทักษิณ เราพิสูจน์กันมาแล้วเมื่อทักษิณอยู่ในอำนาจว่าเขาไม่ใช่นักประชาธิปไตย เป้าหมายของทักษิณก็คือ ผลประโยชน์และอำนาจ ทักษิณรู้ว่า ถ้ามีอำนาจเขาจะได้รับผลประโยชน์เพิ่มขึ้น วันไหนทักษิณได้สิ่งที่สูญเสียไปกลับคืนมา ทักษิณนี่แหละต้องทำให้คนเสื้อแดงอ่อนแอลงไม่ปล่อยให้เป็นหอกข้างแคร่หรอกครับ และคงไม่ยากเย็นอะไร เพราะคนเสื้อแดงเหล่านี้ขึ้นอยู่กับหัวคะแนน และ ส.ส.ในพื้นที่อยู่แล้ว
ถ้าจำกันได้ปีที่แล้วทักษิณคิดว่าตัวเองสามารถตกลงกับฝ่ายตรงข้ามได้แล้ว จะไปขึ้นรถขึ้นภูเขา ทักษิณสั่งให้เลิกสลายมวลชนเสื้อแดง และภาพแบบนี้แหละครับจะกลับมาอีกครั้งในวันที่ทักษิณได้ทุกอย่างกลับมา
ถึงเวลานั้นปัญญาชนเสื้อแดงที่ไม่ได้ประโยชน์จากทักษิณและมีจิตวิญญาณประชาธิปไตยที่แท้จริงก็จะขัดแย้งกับทักษิณ ส่วนคนเสื้อแดงก็จะกลายเป็นพลเมืองสำหรับลงคะแนนในคูหาเลือกตั้งของเขาเท่านั้นเอง
ผมคิดว่า ถ้าจะสู้กับทักษิณเราต้องทำให้ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่าระบอบทักษิณและอุดมการณ์ของทักษิณนั้นไม่ได้ยืนอยู่ฝ่ายประชาธิปไตย ต้องทำให้ประชาชนส่วนใหญ่กลับมายืนอยู่ฝ่ายเราและรู้ว่า ทักษิณเป็นเพียงพ่อค้าที่เข้ามาแสวงหาประโยชน์จากอำนาจ แต่เราในฐานะประชาชนต่างหากที่คือฝ่ายประชาธิปไตยเรียกร้องความโปร่งใสทางการเมือง ความเสมอภาคและความเท่าเทียมกันในสังคม
ผมคิดว่า ถ้าเราจะสู้กับทักษิณ เราจึงต้องก้าวให้พ้นการต่อสู้เพื่อพรรคการเมือง และทำให้ประชาชนทุกกลุ่มรู้ว่า เราต่อสู้กับนักการเมืองที่ฉ้อฉลทุกฝ่ายไม่ได้สู้เพื่ออำนาจทางการเมือง
