ASTVผู้จัดการรายวัน - สายส่งไฟฟ้าแรงสูงขนาด 500 กิโลโวลต์จากภาคกลางขัดข้อง ส่งผลไฟฟ้าดับทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้ "เพ้ง"ชี้เกิดเหุตขัดข้องระหว่างทางที่โรงไฟฟ้ากุยบุรี จ.ประจวบฯ ทำให้โรงไฟฟ้าในภ.ใต้ดับทั้งหมด คาดใช้เวลาซ่อมแซม 3-4 ชม. ขณะที่ภูเก็ตดับทั้งเกาะ แต่โรงแรม โรงพยาบาลสนามบินภูเก็ต ไร้ปัญหา เหตุมีระบบไฟสำรองฉุกเฉิน ล่าสุดเริ่มเข้าภาวะปกติ ด้านนายกฯสั่งตั้งวอร์รูมเกาะติดไฟฟ้าใต้ดับ
เมื่อช่วงเวลา 19.20 น.ของวานนี้ (21 พ.ค.) ได้เกิดไฟฟ้าดับในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป ทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน จนถึงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เบื้องต้นนายศิริชัย ไม้งาม ประธานสหภาพแรงงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า เนื่องจากสายส่งไฟฟ้าแรงสูงขนาด 500 กิโลโวลต์จากภาคกลางถูกตัดออกจากระบบ ทำให้ไฟฟ้าดับเนื่องจากกำลังผลิตไฟฟ้าในพื้นที่มีไม่พอ เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบว่าไฟฟ้าจากแหล่งผลิตที่อยู่ในภาคภาคใต้ เช่น ที่เขื่อนรัชประภา จ.สุราษฎร์ธานี ที่ อ.จะนะ จ.สงขลา หรือที่ อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช ถูกตัดจากระบบหรือไม่ ขณะนี้กำลังเร่งแก้ไขปัญหา เพื่อนำไฟฟ้าเข้าระบบ นับว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นไฟฟ้าดับครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศไทย
ด้านนายนำชัย หล่อวัฒนตระกูล ผู้ว่าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) กล่าวถึงสาเหตุไฟฟ้าดับในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ว่า มาจากสถานีไฟฟ้าใหญ่ที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคิรีขันธ์ ขัดข้อง เจ้าหน้าที่เร่งแก้ไขสถานการณ์แล้ว
"ได้สั่งการให้ผู้จัดการ กฟภ.ใน 14 จังหวัดภาคใต้เตรียมการ และประสานกับกฟผ.อย่างต่อเนื่อง รวมถึงได้เตรียมรถโมบายจ่ายไฟสำรองให้ประชาชนแล้ว โดยเน้นในจังหวัดท่องเที่ยว และย่านเศรษฐกิจที่สำคัญ"
ขณะที่นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า สาเหตุไฟฟ้าดับครั้งนี้เนื่องจากกระแสไฟฟ้าที่ส่งจากโรงไฟฟ้ากุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ไปจังหวัดภาคใต้ วงจรที่ 1 พลิกลง ทำให้วงจรที่ 2 พลิกด้วย กระแสไฟที่ส่งไปภาคใต้จึงถูกตัด เจ้าหน้าที่ได้เร่งแก้ไข คาดว่าจะใช้เวลา 3-4 ชั่วโมง ส่วนกระแสไฟฟ้าสำรองนั้นไม่สามารถดึงมาใช้ได้
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวงอีกว่า 14 จังหวัดภาคใต้มีการใช้ไฟฟ้ามากกว่าปริมาณที่ผลิตได้ในพื้นที่ จึงต้องส่งกระแสไฟฟ้าจากภาคกลางลงไปช่วย เมื่อกระแสไฟฟ้าไม่พอจ่ายแรงดันไฟจึงถูกดึงลงทำให้ไฟฟ้าดับทั้งหมด
" วันนี้ ภาคใต้มีการใช้ไฟฟ้าเกินกว่าที่โรงไฟฟ้าในส่วนภูมิภาคผลิตได้ จึงต้องมีการจ่ายกระแสไฟจากส่วนกลางคือ โรงไฟฟ้าราชบุรี ลงไป แต่เกิดเหตุขัดข้องระหว่างทางที่โรงไฟฟ้ากุยบุรี จ.ประจวบ ทำให้โรงไฟฟ้าในภ.ใต้ดับทั้งหมด และอาจจะใช้เวลาในการแก้ไขให้แล้วเสร็จภายใน 3-4 ชั่วโมง"
แหล่งข่าวจาก กฟภ.ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ที่สถาสนีไฟฟ้าใหญ่ อ.บางสะพาน เป็นที่ตั้งของหม้อแปลงขนาด 115 KV จำนวน 2 ชุดเพื่อจ่ายไฟฟ้าให้กับภาคใต้ 2 ไลน์ สาเหตุที่ไฟฟ้าดับทั่วภาคใต้เป็นเพราะหม้อแปลงเกิดถูกตัดไป 1 ลูก
อย่างไรก็ตาม ภายหลังเกิดไฟฟ้าดับทั่วภาคใต้ฝ่ายช่างก็ได้เร่งแก้ปัญหา ขณะนี้สามารถจ่ายไฟฟ้าให้กับบางพื้นที่ในหลายจังหวัดของภาคใต้ได้แล้วด้วยหม้อแปลง 1 ลูกที่เหลือ ส่วนอีกลูกที่ไม่ทำงานกำลังเร่งตรวจหาสาเหตุและทำการซ่อมแซมอยู่ คาดว่าจะใช้เวลาปีะประมาณ 3 ชั่งโมงจึงจะกลับมาจ่ายไฟฟ้าให้กับภาคใต้ได้ตามปกติ
ขณะที่ พล.ท.สกล ชื่นตระกูล แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า ทางกองทัพได้สอบถามไปยังการไฟฟ้าแล้วได้รับการยืนยันว่าเกิดการขัดข้องในระบบส่งไฟฟ้าหลัก ทำให้เกิดไฟดับตั้งแต่ จ.สุราษฎร์ธานี ลงไป ซึ่งเหตุที่เกิดนี้ไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่แต่อย่างใด อย่างไรก็ตามได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่นำเครื่องส่องแสงสว่างที่มีประจำหน่วยออกให้ความช่วยเหลือในพื้นที่โดยเฉพาะตามจุดสำคัญๆ แล้ว ส่วนเรื่องของท่าอากาศยานนั้น เท่าที่สอบถามไปเบื้องต้นทราบว่ามีแหล่งกำเนิดไฟฟ้าสำรองเพียงพอให้ใช้อยู่
***ภูเก็ตระทึกไฟดับทั้งเกาะ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่เกิดไฟฟ้าดับทั่ว 14 จังหวัดภาคใต้ ตั้งแต่ช่วงค่ำที่ผ่านมา ในส่วนของจ.ภูเก็ต ก็เกิดปัญหาไฟฟ้าดับทั่วทั้งเกาะด้วย โดยเริ่มตั้งแต่เวลาประมาณ 19.00น.จนถึงเวลาประมาณ 20.20 น. ไฟฟ้าก็เริ่มใช้การได้ตามปกติ ในบางจุด เนื่องจากขณะนี้ยังมีหลายๆจุดที่ยังไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้
จากเหตุไฟฟ้าดับดังกล่าว พบว่า ระยะแรกได้สร้างความหวาดวิตกให้แก่ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ว่า เกิดอะไรขึ้น แต่หลังจากระบบไฟสำรองฉุกเฉินของหน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โรงแรม โรงพยาบาล สถานประกอบการขนาดใหญ่เริ่มทำงานหลังจากเกิดเหตุไม่นาน ฯลฯ ส่วนใหญ่ก็คลายความวิตกกังวลในระดับหนึ่ง
ทั้งนี้ ขณะที่เกิดปัญหาไฟฟ้าดับนั้น จากการสอบถามไปที่ท่าอากาศยานนานาชาติจังหวัดภูเก็ต โรงพยาบาลต่างๆ รวมทั้งโรงแรม สถานประกอบการขนาดใหญ่ พบว่า ทันทีที่ไฟฟ้าดับต่างตกใจกันมาก แต่อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่ทุกแห่งล้วนมีระบบไฟสำรองฉุกเฉิน ทำให้ไม่ต้องตกอยู่ในความมืดมิดนานเหมือนบ้านเรือนของประชาชนโดยทั่วไป และไม่ได้ส่งผลกระทบแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ไฟฟ้าที่ดับทั่วเมืองก็ใช้เวลาไม่นาน ทำให้ระบบไฟสำรองที่แต่ละแห่งมีอยู่สามารถทดแทนได้และแก้ปัญหาในเบื้องต้นได้
**เขื่อนรัชประภาเดินเครื่องผลิตเต็มที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ขณะนี้เกิดประชาชนในพื้นที่สุราษฎร์ธานีมีไฟฟ้าใช้แล้ว เนื่องจากทางเขื่อนรัชประภาได้เดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเต็มพิกัด 3 เครื่องขนาด 240 เมกกะวัต จ่ายไฟฟ้าในประชาชนในพื้นที่สุราษฎร์ธานีและพังงาบางส่วน แต่ในส่วนของเกาะสมุยและเกาะพะงัน ยังไม่สามารถจ่ายไฟฟ้าได้
อย่างไรก็ตาม นายฉัตรป้อง ฉัตรภูริ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฏร์ธานีได้เตือนประชาชนอย่าได้เตือนตระหนกกับเหตุการไฟฟ้าดับในครั้งนี้ และขอให้ประชาชนงดใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทเครื่องปรับอากาศ คอมพิวเตอร์ให้ใช้เฉพาะไฟฟ้าพื้นฐานเท่านั้นจนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
มีรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 19.30 น. บางพื้นที่กระแสไฟฟ้าเริ่มมาตามปกติแล้ว เช่นในหลายพื้นที่ของ จ.นครศรีธรรมราช และ จ.สงขลา เป็นต้น
**นายกฯสั่งตั้งวอร์รูมเกาะติดไฟฟ้าใต้ดับ
นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากกรณีไฟฟ้าดับใน 14 จังหวัดภาคใต้ นายกรัฐมนตรี ได้สั่งให้ตั้งวอร์รูม เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมีตนเป็นหัวหน้าทีมวอร์รูม ในการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และนายกฯได้สั่งการให้ทหาร ตำรวจ ในพื้นที่ภาคใต้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เข้าไปดูแลความปลอดภัยประชาชน
ขณะที่การไฟฟ้นครหลวง รายงานว่า เกิดปัญหาทางด้านเทคนิคของโรงงานไฟฟ้าที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทำให้เกิดไฟฟ้าดับ ไม่เกี่ยวกับปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขณะนี้ได้แก้ไขปัญหาเรื่องจ่ายไฟฟ้าได้บ้างแล้ว โดยเชื่อมจากโรงไฟฟ้าราชบุรี จึงขอให้ประชาชนอย่าตกใจ ทั้งนี้ รมว.มหาดไทย ได้สั่งหน่วยเคลื่อนที่เร็ว ทำความเข้าใจกับประชาชนแล้ว รวมถึงประชาสัมพันธ์ผ่านสถานีวิทยุกรมประชาสัมพันธ์
----------------------------------------
(ล้อมกรอบหน้าใน)
รวบ2RKKพร้อมรถจยย.
เตรียมประกอบระเบิดใช้ป่วนใต้
นราธิวาส - ทหารพรานที่ 45 สนธิกำลังกับตำรวจระแงะ บุกตรวจค้นบ้านเป้าหมาย หลังได้เบาะแส "ยอับดุลฮากิม ปูต๊ะ" เข้ามาหลบซอนตัว ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ 2 ราย พร้อมรถ จยย.2 คันที่คนร้ายเตรียมไว้ประกอบระเบิด
เมื่อเวลา 06.00 น. วานนี้ (21 พ.ค.) พ.อ.เฉลิมชัย สุทธินวล ผบ.กรมทหารพรานที่ 45 และ พ.ต.อ.จิรเดช พระสว่าง ผกก.สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส ได้ร่วมสนธิกำลัง จำนวน 3 ชุดปฏิบัติการ ใช้กฎอัยการศึกบุกจู่โจมตรวจค้นบ้านพักเลขที่ 33 ม.1 ต.บองอ อ.ระแงะ หลังสืบทราบว่า นายอับดุลฮากิม ปูต๊ะ ผู้ต้องหาตามหมายจับคนสำคัญในคดีความมั่นคงในพื้นที่ อ.ระแงะ ได้แฝงตัวกลับบ้านพัก เมื่อถึงเป้าหมายเจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังกันโอบล้อม พร้อมทั้งได้แสดงตัวเพื่อขอตรวจค้น
พบนายมะพาริค อูมา อายุ 35 ปี และนายอาหามะ ลาเต๊ะ อายุ 27 ปี อาศัยอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว และจากการตรวจค้นพบรถจักรยานยนต์ จำนวน 2 คัน คันแรกยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีแดงขาว ติดป้ายทะเบียน กวค 382 นราธิวาส คันที่ 2 ยี่ห้อซูซูกิ รุ่นสเต็บ ติดป้ายทะเบียน กษษ 101 ปัตตานี ตรวจสอบพบว่า เจ้าของรถทั้ง 2 คันเป็นคนปัตตานี และคน อ.นาทวี จ.สงขลา โดยยังไม่ได้มีการแจ้งหาย รวมทั้งถังแก๊สหุงต้มขนาดบรรจุ 15 กก. ซึ่งหากประกอบระเบิดแล้วเสร็จจะได้น้ำหนักถึง 80 กก. และปุ๋ยยูเรียประมาณ 5 กก. ที่ได้มีการผสมสัดส่วนเป็นเชื้อวัตถุระเบิดไว้เรียบร้อยแล้ว รวมทั้งอุปกรณ์ในการดัดแปลงรถจักรยานยนต์ที่ซุกซ่อนไว้ในถุง
เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดมาที่กองบังคับการกรมทหารพรานที่ 45 โดยได้ประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส มาตรวจสอบคราบลายนิ้วมือแฝง เพื่อเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งเชื่อว่าบุคคลทั้ง 2 ได้เตรียมใช้รถจักรยานยนต์ทั้ง 2 คัน ในการประกอบระเบิดเพื่อสังหารเจ้าหน้าที่กองกำลัง โดยเฉพาะชุด รปภ.ครูในพื้นที่ อ.ระแงะ แต่โชคดีที่เจ้าหน้าที่ทำการตรวจยึดไว้ได้ โดยในเบื้องต้น ผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 คน ให้การปฏิเสธ แต่เจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวไปสอบสวนขยายผลที่กองบังคับการกรมทหารพรานที่ 46 อ.เมือง จ.นราธิวาส เพื่อขยายผลไปสู่การทลายเครือข่ายต่อไปแล้ว
เมื่อช่วงเวลา 19.20 น.ของวานนี้ (21 พ.ค.) ได้เกิดไฟฟ้าดับในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป ทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน จนถึงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เบื้องต้นนายศิริชัย ไม้งาม ประธานสหภาพแรงงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า เนื่องจากสายส่งไฟฟ้าแรงสูงขนาด 500 กิโลโวลต์จากภาคกลางถูกตัดออกจากระบบ ทำให้ไฟฟ้าดับเนื่องจากกำลังผลิตไฟฟ้าในพื้นที่มีไม่พอ เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบว่าไฟฟ้าจากแหล่งผลิตที่อยู่ในภาคภาคใต้ เช่น ที่เขื่อนรัชประภา จ.สุราษฎร์ธานี ที่ อ.จะนะ จ.สงขลา หรือที่ อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช ถูกตัดจากระบบหรือไม่ ขณะนี้กำลังเร่งแก้ไขปัญหา เพื่อนำไฟฟ้าเข้าระบบ นับว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นไฟฟ้าดับครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศไทย
ด้านนายนำชัย หล่อวัฒนตระกูล ผู้ว่าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) กล่าวถึงสาเหตุไฟฟ้าดับในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ว่า มาจากสถานีไฟฟ้าใหญ่ที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคิรีขันธ์ ขัดข้อง เจ้าหน้าที่เร่งแก้ไขสถานการณ์แล้ว
"ได้สั่งการให้ผู้จัดการ กฟภ.ใน 14 จังหวัดภาคใต้เตรียมการ และประสานกับกฟผ.อย่างต่อเนื่อง รวมถึงได้เตรียมรถโมบายจ่ายไฟสำรองให้ประชาชนแล้ว โดยเน้นในจังหวัดท่องเที่ยว และย่านเศรษฐกิจที่สำคัญ"
ขณะที่นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า สาเหตุไฟฟ้าดับครั้งนี้เนื่องจากกระแสไฟฟ้าที่ส่งจากโรงไฟฟ้ากุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ไปจังหวัดภาคใต้ วงจรที่ 1 พลิกลง ทำให้วงจรที่ 2 พลิกด้วย กระแสไฟที่ส่งไปภาคใต้จึงถูกตัด เจ้าหน้าที่ได้เร่งแก้ไข คาดว่าจะใช้เวลา 3-4 ชั่วโมง ส่วนกระแสไฟฟ้าสำรองนั้นไม่สามารถดึงมาใช้ได้
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวงอีกว่า 14 จังหวัดภาคใต้มีการใช้ไฟฟ้ามากกว่าปริมาณที่ผลิตได้ในพื้นที่ จึงต้องส่งกระแสไฟฟ้าจากภาคกลางลงไปช่วย เมื่อกระแสไฟฟ้าไม่พอจ่ายแรงดันไฟจึงถูกดึงลงทำให้ไฟฟ้าดับทั้งหมด
" วันนี้ ภาคใต้มีการใช้ไฟฟ้าเกินกว่าที่โรงไฟฟ้าในส่วนภูมิภาคผลิตได้ จึงต้องมีการจ่ายกระแสไฟจากส่วนกลางคือ โรงไฟฟ้าราชบุรี ลงไป แต่เกิดเหตุขัดข้องระหว่างทางที่โรงไฟฟ้ากุยบุรี จ.ประจวบ ทำให้โรงไฟฟ้าในภ.ใต้ดับทั้งหมด และอาจจะใช้เวลาในการแก้ไขให้แล้วเสร็จภายใน 3-4 ชั่วโมง"
แหล่งข่าวจาก กฟภ.ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ที่สถาสนีไฟฟ้าใหญ่ อ.บางสะพาน เป็นที่ตั้งของหม้อแปลงขนาด 115 KV จำนวน 2 ชุดเพื่อจ่ายไฟฟ้าให้กับภาคใต้ 2 ไลน์ สาเหตุที่ไฟฟ้าดับทั่วภาคใต้เป็นเพราะหม้อแปลงเกิดถูกตัดไป 1 ลูก
อย่างไรก็ตาม ภายหลังเกิดไฟฟ้าดับทั่วภาคใต้ฝ่ายช่างก็ได้เร่งแก้ปัญหา ขณะนี้สามารถจ่ายไฟฟ้าให้กับบางพื้นที่ในหลายจังหวัดของภาคใต้ได้แล้วด้วยหม้อแปลง 1 ลูกที่เหลือ ส่วนอีกลูกที่ไม่ทำงานกำลังเร่งตรวจหาสาเหตุและทำการซ่อมแซมอยู่ คาดว่าจะใช้เวลาปีะประมาณ 3 ชั่งโมงจึงจะกลับมาจ่ายไฟฟ้าให้กับภาคใต้ได้ตามปกติ
ขณะที่ พล.ท.สกล ชื่นตระกูล แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า ทางกองทัพได้สอบถามไปยังการไฟฟ้าแล้วได้รับการยืนยันว่าเกิดการขัดข้องในระบบส่งไฟฟ้าหลัก ทำให้เกิดไฟดับตั้งแต่ จ.สุราษฎร์ธานี ลงไป ซึ่งเหตุที่เกิดนี้ไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่แต่อย่างใด อย่างไรก็ตามได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่นำเครื่องส่องแสงสว่างที่มีประจำหน่วยออกให้ความช่วยเหลือในพื้นที่โดยเฉพาะตามจุดสำคัญๆ แล้ว ส่วนเรื่องของท่าอากาศยานนั้น เท่าที่สอบถามไปเบื้องต้นทราบว่ามีแหล่งกำเนิดไฟฟ้าสำรองเพียงพอให้ใช้อยู่
***ภูเก็ตระทึกไฟดับทั้งเกาะ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่เกิดไฟฟ้าดับทั่ว 14 จังหวัดภาคใต้ ตั้งแต่ช่วงค่ำที่ผ่านมา ในส่วนของจ.ภูเก็ต ก็เกิดปัญหาไฟฟ้าดับทั่วทั้งเกาะด้วย โดยเริ่มตั้งแต่เวลาประมาณ 19.00น.จนถึงเวลาประมาณ 20.20 น. ไฟฟ้าก็เริ่มใช้การได้ตามปกติ ในบางจุด เนื่องจากขณะนี้ยังมีหลายๆจุดที่ยังไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้
จากเหตุไฟฟ้าดับดังกล่าว พบว่า ระยะแรกได้สร้างความหวาดวิตกให้แก่ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ว่า เกิดอะไรขึ้น แต่หลังจากระบบไฟสำรองฉุกเฉินของหน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โรงแรม โรงพยาบาล สถานประกอบการขนาดใหญ่เริ่มทำงานหลังจากเกิดเหตุไม่นาน ฯลฯ ส่วนใหญ่ก็คลายความวิตกกังวลในระดับหนึ่ง
ทั้งนี้ ขณะที่เกิดปัญหาไฟฟ้าดับนั้น จากการสอบถามไปที่ท่าอากาศยานนานาชาติจังหวัดภูเก็ต โรงพยาบาลต่างๆ รวมทั้งโรงแรม สถานประกอบการขนาดใหญ่ พบว่า ทันทีที่ไฟฟ้าดับต่างตกใจกันมาก แต่อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่ทุกแห่งล้วนมีระบบไฟสำรองฉุกเฉิน ทำให้ไม่ต้องตกอยู่ในความมืดมิดนานเหมือนบ้านเรือนของประชาชนโดยทั่วไป และไม่ได้ส่งผลกระทบแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ไฟฟ้าที่ดับทั่วเมืองก็ใช้เวลาไม่นาน ทำให้ระบบไฟสำรองที่แต่ละแห่งมีอยู่สามารถทดแทนได้และแก้ปัญหาในเบื้องต้นได้
**เขื่อนรัชประภาเดินเครื่องผลิตเต็มที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ขณะนี้เกิดประชาชนในพื้นที่สุราษฎร์ธานีมีไฟฟ้าใช้แล้ว เนื่องจากทางเขื่อนรัชประภาได้เดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเต็มพิกัด 3 เครื่องขนาด 240 เมกกะวัต จ่ายไฟฟ้าในประชาชนในพื้นที่สุราษฎร์ธานีและพังงาบางส่วน แต่ในส่วนของเกาะสมุยและเกาะพะงัน ยังไม่สามารถจ่ายไฟฟ้าได้
อย่างไรก็ตาม นายฉัตรป้อง ฉัตรภูริ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฏร์ธานีได้เตือนประชาชนอย่าได้เตือนตระหนกกับเหตุการไฟฟ้าดับในครั้งนี้ และขอให้ประชาชนงดใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทเครื่องปรับอากาศ คอมพิวเตอร์ให้ใช้เฉพาะไฟฟ้าพื้นฐานเท่านั้นจนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
มีรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 19.30 น. บางพื้นที่กระแสไฟฟ้าเริ่มมาตามปกติแล้ว เช่นในหลายพื้นที่ของ จ.นครศรีธรรมราช และ จ.สงขลา เป็นต้น
**นายกฯสั่งตั้งวอร์รูมเกาะติดไฟฟ้าใต้ดับ
นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากกรณีไฟฟ้าดับใน 14 จังหวัดภาคใต้ นายกรัฐมนตรี ได้สั่งให้ตั้งวอร์รูม เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมีตนเป็นหัวหน้าทีมวอร์รูม ในการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และนายกฯได้สั่งการให้ทหาร ตำรวจ ในพื้นที่ภาคใต้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เข้าไปดูแลความปลอดภัยประชาชน
ขณะที่การไฟฟ้นครหลวง รายงานว่า เกิดปัญหาทางด้านเทคนิคของโรงงานไฟฟ้าที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทำให้เกิดไฟฟ้าดับ ไม่เกี่ยวกับปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขณะนี้ได้แก้ไขปัญหาเรื่องจ่ายไฟฟ้าได้บ้างแล้ว โดยเชื่อมจากโรงไฟฟ้าราชบุรี จึงขอให้ประชาชนอย่าตกใจ ทั้งนี้ รมว.มหาดไทย ได้สั่งหน่วยเคลื่อนที่เร็ว ทำความเข้าใจกับประชาชนแล้ว รวมถึงประชาสัมพันธ์ผ่านสถานีวิทยุกรมประชาสัมพันธ์
----------------------------------------
(ล้อมกรอบหน้าใน)
รวบ2RKKพร้อมรถจยย.
เตรียมประกอบระเบิดใช้ป่วนใต้
นราธิวาส - ทหารพรานที่ 45 สนธิกำลังกับตำรวจระแงะ บุกตรวจค้นบ้านเป้าหมาย หลังได้เบาะแส "ยอับดุลฮากิม ปูต๊ะ" เข้ามาหลบซอนตัว ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ 2 ราย พร้อมรถ จยย.2 คันที่คนร้ายเตรียมไว้ประกอบระเบิด
เมื่อเวลา 06.00 น. วานนี้ (21 พ.ค.) พ.อ.เฉลิมชัย สุทธินวล ผบ.กรมทหารพรานที่ 45 และ พ.ต.อ.จิรเดช พระสว่าง ผกก.สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส ได้ร่วมสนธิกำลัง จำนวน 3 ชุดปฏิบัติการ ใช้กฎอัยการศึกบุกจู่โจมตรวจค้นบ้านพักเลขที่ 33 ม.1 ต.บองอ อ.ระแงะ หลังสืบทราบว่า นายอับดุลฮากิม ปูต๊ะ ผู้ต้องหาตามหมายจับคนสำคัญในคดีความมั่นคงในพื้นที่ อ.ระแงะ ได้แฝงตัวกลับบ้านพัก เมื่อถึงเป้าหมายเจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังกันโอบล้อม พร้อมทั้งได้แสดงตัวเพื่อขอตรวจค้น
พบนายมะพาริค อูมา อายุ 35 ปี และนายอาหามะ ลาเต๊ะ อายุ 27 ปี อาศัยอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว และจากการตรวจค้นพบรถจักรยานยนต์ จำนวน 2 คัน คันแรกยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีแดงขาว ติดป้ายทะเบียน กวค 382 นราธิวาส คันที่ 2 ยี่ห้อซูซูกิ รุ่นสเต็บ ติดป้ายทะเบียน กษษ 101 ปัตตานี ตรวจสอบพบว่า เจ้าของรถทั้ง 2 คันเป็นคนปัตตานี และคน อ.นาทวี จ.สงขลา โดยยังไม่ได้มีการแจ้งหาย รวมทั้งถังแก๊สหุงต้มขนาดบรรจุ 15 กก. ซึ่งหากประกอบระเบิดแล้วเสร็จจะได้น้ำหนักถึง 80 กก. และปุ๋ยยูเรียประมาณ 5 กก. ที่ได้มีการผสมสัดส่วนเป็นเชื้อวัตถุระเบิดไว้เรียบร้อยแล้ว รวมทั้งอุปกรณ์ในการดัดแปลงรถจักรยานยนต์ที่ซุกซ่อนไว้ในถุง
เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดมาที่กองบังคับการกรมทหารพรานที่ 45 โดยได้ประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส มาตรวจสอบคราบลายนิ้วมือแฝง เพื่อเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งเชื่อว่าบุคคลทั้ง 2 ได้เตรียมใช้รถจักรยานยนต์ทั้ง 2 คัน ในการประกอบระเบิดเพื่อสังหารเจ้าหน้าที่กองกำลัง โดยเฉพาะชุด รปภ.ครูในพื้นที่ อ.ระแงะ แต่โชคดีที่เจ้าหน้าที่ทำการตรวจยึดไว้ได้ โดยในเบื้องต้น ผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 คน ให้การปฏิเสธ แต่เจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวไปสอบสวนขยายผลที่กองบังคับการกรมทหารพรานที่ 46 อ.เมือง จ.นราธิวาส เพื่อขยายผลไปสู่การทลายเครือข่ายต่อไปแล้ว