xs
xsm
sm
md
lg

"ครูอัมพิกา"มอบตัวแล้ว-ร.ร.ปัดรับผิดชอบ"น้องพ็อตเตอร์"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศรีสะเกษ - "ครูอัมพิกา" คนขับรถรับ-ส่งนักเรียนคันที่ "น้องพ็อตเตอร์" มอบตัวตำรวจ ยอมรับผิดชอบทุกอย่างพร้อมชดใช้ค่าเสียหายเต็มที่ แม่ "น้องพ็อตเตอร์" โต้เจ้าของโรงเรียนพูดปัดความรับผิดชอบ ยันน้องเข้าเรียน ร.ร.อุทุมพรวิทยามาตั้งแต่ปีที่แล้ว ขอความเป็นธรรมจาก รมว.ศึกษาฯ ประกันเตรียมจ่าย 6 แสน

วานนี้ (16 พ.ค.) ที่ สภ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ น.ส.อัมพิกา เพชรนาม อายุ 32 ปี ครูโรงเรียนอุทุมพรวิทยา อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ และเป็นครูคนขับรถรับส่ง ด.ช.สุริยการ ภาจันทร์ หรือ "น้องพ็อตเตอร์" อายุ 3 ขวบที่ถูกลืมขังไว้ในรถรับ-ส่งนักเรียนนานกว่า 7 ชั่วโมงจนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้เดินทางเข้ามอบตัวรับทราบข้อกล่าวหากับ พ.ต.ท.ทินกร เดชาเลิศ พนักงานสอบสวน ผู้ชำนาญการพิเศษ สภ.อุทุมพรพิสัย เจ้าของคดีครูแล้ว โดยทางพนักงานสอบสวนได้ทำการพิมพ์ลายนิ้วมือ จากนั้นได้นำตัวเข้าห้องสอบสวนเพื่อสอบสวนและรับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งในขณะที่ครูอัมพิกา เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เกิดอาการช็อกเป็นลมร้องไห้เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

น.ส.อัมพิกา ให้การว่า ตนเป็นครูสอนชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนที่เกิดเหตุ มาเป็นเวลา 3 ปี ก่อนวันเกิดเหตุตนได้ขับรถรับส่งน้องพอตเตอร์ไปโรงเรียนได้เพียง 2 วัน และวันที่ 3 ก็เกิดเหตุสลดขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นเวลาประมาณ 1 ปี น้องพอตเตอร์ ได้นั่งรถรับส่งของครูอีกคนหนึ่งในโรงเรียนเดียวกัน จากนั้นครูคนดังกล่าวประสบปัญหารถยนต์ส่วนตัวเสีย ทางโรงเรียนจึงได้สั่งให้ตนเป็นคนรับช่วงรับส่งน้องพอตเตอร์ต่อ วันเกิดเหตุตนได้สังเกตเห็นว่าน้องพอตเตอร์ได้วิ่งลงจากรถกับเพื่อนๆแล้ว จึงไม่ได้เอะใจอะไร คิดว่าคงเข้าห้องเรียนแล้ว จึงได้ปิดประตูรถแล้วไปสอนต่อ กระทั่งเวลาเลิกเรียน ตนจะเดินทางกลับบ้านได้เปิดประตูรถออกถึงกับช็อกเมื่อเหลือบไปเห็นน้องพอตเตอร์นอนแน่นิ่งอยู่บนรถ ตนตกใจมากจึงพยายามปลุกน้องให้ตื่นแต่ก็ไม่เป็นผล จึงรีบขับรถนำตัวน้องพอตเตอร์ไป รพ.อุทุมพรพิสัย เพื่อให้แพทย์ช่วยเหลือ แต่ก็สายเกินไปแล้ว ตนรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และพร้อมจะช่วยเหลือรับผิดชอบทุกประการ

ส่วนบรรยากาศที่บ้านเลขที่ 9 หมู่ 12 บ้านหนองใหญ่ ต.หนองห้าง อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นบ้านที่ตั้งสวดพระอภิธรรมศพของน้องพ็อตเตอร์ วานนี้ได้มีการนำร่างน้องพ็อตเตอร์ บรรจุลงในโลงศพท่ามกลางบรรยากาศแห่งความโศกเศร้าเสียใจของพ่อแม่และญาติพี่น้องที่พากันมาร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก

น.ส.ธัญยธรณ์ บุญมา อายุ 27 ปี แม่ของน้องพ็อตเตอร์ กล่าวว่า กรณีที่เจ้าของโรงเรียนระบุว่าน้องพ็อตเตอร์ ยังไม่ได้เป็นเด็กนักเรียนของโรงเรียนนั้น การที่พูดออกมาเช่นนี้เป็นการปัดความรับผิดชอบ เนื่องจากน้องได้เข้าเรียนที่โรงเรียนอุทุมพรวิทยามาตั้งแต่ปีที่แล้ว ในระดับชั้นเตรียมอนุบาล 1 อีกทั้งก่อนที่จะเข้ามาเรียนในระดับชั้นอนุบาล 1 ตนได้ไปเซ็นชื่อรับชุดเด็กนักเรียนที่โรงเรียน ซึ่งก็ปรากฏชื่อของน้อง ที่ได้รับชุดนักเรียนอนุบาลดังกล่าวด้วย เพราะทางโรงเรียนต้องให้ผู้ปกครองไปเซ็นชื่อรับชุดนักเรียนด้วยตัวเอง หากไม่มีลายเซ็นของผู้ปกครองทางโรงเรียนจะไม่จ่ายชุดนักเรียนให้ ฉะนั้น ทางโรงเรียนจะมาบอกว่าน้องไม่มีชื่อในสังกัดของโรงเรียนอุทุมพรวิทยานั้นจะเป็นไปได้อย่างไร อีกทั้งในช่วงปิดเทอมที่ผ่านมาครูประจำชั้นก็ยังได้ส่งการบ้านมาให้น้องพ็อตเตอร์ทำอยู่ที่บ้านด้วย

น.ส.ธัญยธรณ์ กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมาทางโรงเรียน แจ้งมาว่าให้นำเอาเอกสารสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของแม่ สูติบัตรของลูก และใบทะเบียนบ้านไปให้โรงเรียน ซึ่งตนได้นำไปส่งให้โรงเรียนในวันที่ 10 พ.ค.และทางโรงเรียนแจ้งอีกว่ายังขาดสำเนาทะเบียนบ้าน ในวันที่ 14 พ.ค.ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุ ตนจึงได้ฝากสำเนาทะเบียนบ้านไปกับน้องเพื่อไปให้ครูประจำชั้นด้วย จึงไม่ใช่เอกสารที่ยังไม่ได้สมัครเข้าโรงเรียนของน้องพ็อตเตอร์ตามที่เจ้าของโรงเรียนกล่าวอ้างแต่อย่างใด

"กรณีที่ว่าน้องพ็อตเตอร์ อายุยังไม่ถึงเกณฑ์เข้าเรียนหนังสือนั้น ครูของโรงเรียนที่มาตระเวนหาเด็กนักเรียนไปเข้าโรงเรียนได้บอกว่าแม้น้องพ็อตเตอร์จะอายุเพียง 2 ขวบ 6 เดือนก็สามารถเข้าเรียนได้ และได้เข้าเรียนมา 1 ปีเศษแล้ว ซึ่งครูคนที่แจ้งว่าอายุไม่ถึงเกณฑ์ไม่เป็นไรนั้นตนจำหน้าครูที่ทางโรงเรียนส่งมาตระเวนหาเด็กนักเรียนที่บ้านได้แต่จำชื่อไม่ได้ ซึ่งทางโรงเรียนจะต้องทราบดีว่าครูที่มาหาเด็กนักเรียนไปเรียนหนังสือเป็นใคร ฉันจึงขอความเป็นธรรมและขอฝากไปถึง รมว.ศึกษาธิการให้เข้ามาดูแลให้ความเป็นธรรมกับน้องพ็อตเตอร์และฉันในเรื่องนี้ด้วย"

ด้าน รศ.นพ.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ ผู้จัดการแผนจัดการความปลอดภัยในเด็กสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และ ผอ.ศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก กล่าวระหว่างแถลงข่าวเรื่องไขทางออก “รถโรงเรียน :รถมรณะ”ภัยร้ายใกล้ตัวว่า สถานการณ์เด็กเสียชีวิตจากการติดอยู่ภายในรถยนต์ปีนี้พบแล้วถึง 3 ราย คือกรณีตาลืมหลานไว้ในรถ กรณีน้องเอย และน้องพ็อตเตอร์ ซึ่งสาเหตุการเสียชีวิตไม่ใช่เพราะการขาดอากาศหายใจอย่างที่เข้าใจ เนื่องจากออกซิเจนในรถไม่ได้หมด แต่เป็นเพราะอุณหภูมิภายในรถสูงมากจนเกินไปกว่าเด็กจะปรับตัวเพื่อกำจัดความร้อนในร่างกายได้ ส่งผลให้เซลล์ตาย เม็ดเลือดแตก เลือดเป็นกรด เกิดภาวะสมองบวมจนกดทับศูนย์ควบคุมการหายใจ ทำให้หยุดหายใจและเสียชีวิตในที่สุด

รศ.นพ.อดิศักดิ์ กล่าวอีกว่า วันนี้มีการทดลองนำรถตู้มาจอดไว้อยู่กลางแจ้งเพื่อเปรียบเทียบอุณหภูมิด้วย โดยอุณหภูมิภายในรถก่อนนำมาจอดกลางแจ้งอยู่ที่ 26 องศา ขณะที่อุณหภูมิภายนอกอยู่ที่ 38 องศา เมื่อเวลาผ่านไป 2 ชั่วโมงพบว่าอุณหภูมิภายในรถเพิ่มขึ้นเป็น 42.9 องศา ขณะที่อุณหภูมิภายนอกเพิ่มเป็น 40 องศา เท่ากับว่าอุณหภูมิภายในรถเพิ่มขึ้นถึง 16 องศา ภายใน 2 ชั่วโมง ซึ่งอุณหภูมิในระดับนี้เด็กจะเสียชีวิตทันทีหากติดอยู่ในรถนานเกินกว่า 2 ชั่วโมง ทั้งนี้ หากพบเด็กติดอยู่ภายในรถให้รีบนำตัวเด็กออกมาปฐมพยาบาลทันที หากเด็กหยุดหายใจต้องรีบปั๊มหัวใจให้เด็กก่อน หากยังคงหายใจอยู่ให้รีบปลดเสื้อผ้าและเช็ดตัวคลายความร้อนให้แก่เด็ก

"อยากเสนอกระทรวงศึกษาธิการ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับปัญหาดังกล่าวมากขึ้น โดยโรงเรียนต้องฝึกอบรมคนขับรถและครูประจำรถให้คำนึงถึงความปลอดภัยของเด็กขณะที่อยู่ในรถเป็นสำคัญ" รศ.นพ.อดิศักดิ์ กล่าว

นายประพนธ์ ทองคำ ผอ.สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยภาค 5 อุบลราชธานี พร้อมนายทวิพัฒน์ ขุนบุญช่วย พนักงานประกันภัยแผนกอุบัติเหตุ บริษัท เอราวัณประกันภัย จำกัด สำนักงาน จ.นครราชสีมา ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อมูล ก่อนที่จะส่งเรื่องเข้าไปที่สำนักงานใหญ่เพื่อเร่งดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่ญาติผู้เอาประกัน รวมเงินที่บริษัท เอราวัณประกันภัย ต้องจ่ายให้ผู้รับผลประโยชน์ในครั้งนี้ เป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 600,000 บาท
กำลังโหลดความคิดเห็น