เมื่อเวลา 08.00 น. วานนี้ (16พ.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรนายกรัฐมนตรี เดินทางจาก ท่าอากาศยานทหารกองบิน 6 ไปเป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์ อาคารศูนย์ราชการจังหวัดบึงกาฬ พร้อมด้วย นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ รมว.คมนาคม นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. นพ.ทศพร เสรีรักษ์ โฆษกประตำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะ โดยมีนายธงชัย ลืออดุลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ และประชาชนจังหวัดบึงกาฬ ร่วมให้การต้อนรับ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เยี่ยมชมแบบผังรายละเอียด ก่อนร่วมพิธีวางศิลาฤกษ์ ศูนย์ราชการจังหวัดบึงกาฬ ณ บ้านท่าไคร้ ต.ท่าไคร้ อ.เมืองฯ จ.บึงกาฬ โดยมีพระครูสันติปัญญาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดบึงกาฬ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส โดยประชาชนเข้าร่วมพิธีจำนวนมาก
ทั้งนี้ อาคารศูนย์ราชการจังหวัดบึงกาฬ แบบจัตุรมุข สูง 4 ชั้น มีเอกลักษณ์และรูปแบบสถาปัตยกรรมไทย อาคารหอประชุม ขนาดความจุ 1,000 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนบึงกาฬและจังหวัดใกล้เคียง มีความยินดีที่นายกรัฐมนตรี ให้เกียรติมาร่วมงานสำคัญของจังหวัดในครั้งนี้ และชาวบ้านจำนวนมากได้จับจ้องและ ให้ความสนใจกับรถยนต์ ของนายกรัฐมนตรีเป็นพิเศษ โดยนายกรัฐมนตรี ใช้รถตู้โฟล์ก สีน้ำตาล เลขทะเบียน อย 2222 กรุงเทพมหานคร ในการปฏิบัติภารกิจ ที่จ.บึงกาฬ ในครั้งนี้
ต่อมาเวลา 11.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางต่อไปยังวัดอาฮงศิลาวาส อ.เมืองฯ จ.บึงกาฬ เป็นประธานในพิธีเปิดงาน“การเพิ่มทุนล้านใหม่ : เพื่ออาชีพ เพื่อรายได้ เพื่อครอบครัวอบอุ่น”เพื่อมอบการเพิ่มทุนให้กองทุนหมู่บ้านฯ ทั่วประเทศ 10,000 แห่ง ตามนโยบายเพิ่มทุนแก่กองทุนหมู่บ้าน และชุมชนเมือง ระยะที่ 3 ของรัฐบาล
เมื่อนายกฯเดินทางไปถึง ได้เข้ากราบพระประธานในอุโบสถวัดอาฮงศิลาวาส พร้อมกับเป็นประธานในพิธีทอดผ้าป่า และได้ปล่อยปลาจำนวน 77,777 ตัว ลงแม่น้ำโขง เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนเข้าร่วมพิธีบายศรีสู่ขวัญ โดยนายทองดี คำตัน หมอขวัญ จาก จ.อุบลราชธานี แหล่เสียงสำเนียงอีสานว่า
“ขอให้นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี มีสุขภาพสมบูรณ์ แข็งแรง มีพลังกาย พลังใจ ทำงานเพื่อประชาชนอย่างเต็มที่ สามารถผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆ ไปได้”
โอกาสนี้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้กล่าวเปิดงาน และทำพิธีการโอนเงิน“การเพิ่มทุนล้านใหม่ : เพื่ออาชีพ เพื่อรายได้ เพื่อครอบครัวอบอุ่น”ตอนหนึ่งว่า กิจกรรมหลักของการเพิ่มทุน 1 ล้านบาท ให้แก่กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ถือเป็นโครงการที่รัฐบาลให้ความสำคัญ และต้องการเห็นการพัฒนากองทุนหมู่บ้าน และชุมชนเมืองอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกิจกรรมการต่อยอดกองทุนหมู่บ้าน และชุมชนเมืองได้มีการพัฒนาขึ้นอย่างเป็นลำดับกว่า 11 ปีแล้ว และประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น สามารถเป็นแหล่งเงินทุนของประชาชนเพื่อการลงทุนขยายกิจการ ลดหนี้นอกระบบ ซึ่งเป็นเป้าหมายของรัฐบาลที่ต้องการเห็นการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย และการขยายโอกาสให้กับประชาชนทุกคน โดยรัฐบาลขอยืนยันเจตนารมณ์ที่จะให้กองทุนหมู่บ้านเป็นนโยบายหลักของรัฐบาล ในการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนให้เข้มแข็ง
ทั้งนี้ การเพิ่มทุน 1 ล้านบาท ให้แก่กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองของรัฐบาลได้จัดสรรและโอนเงินเพิ่มทุนให้กองทุนฯไปแล้ว 2 ครั้ง จำนวนกว่า 36,000 กองทุน และการจัดงานครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 จะมีกองทุนอีก 8,089 กองทุน ที่ได้รับการจัดสรร เพื่อต่อยอดการดำเนินการ ซึ่งที่ผ่านมามีหลายกองทุนฯได้เริ่มพัฒนาบริการรับฝากเงิน และส่งเสริมให้ชุมชนรู้จักการออม เพื่อจะได้นำเงินนี้ไปใช้ในภาวะฉุกเฉิน เช่น ใช้ดูแลรักษาในยามเจ็บป่วย หรือเกิดโรคภัย รวมทั้งจะได้ร่วมกันพัฒนาเงินต่างๆ เหล่านี้ เพื่อให้กองทุนหมู่บ้านฯ เป็นที่พึ่งทางการเงินที่เชื่อถือได้อีกแห่งหนึ่ง
ต่อมาเวลา 15.00 น. ที่อาคารหอประชุม ศาลากลางจังหวัดหนองคาย นายกฯ และคณะรับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์เศรษฐกิจชายแดนจังหวัดหนองคาย แผนงาน ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ จากนายวิรัตน์ ลิ้มสุวัฒน์ ผวจ.หนองคาย โดยรายได้หลักของ จ.หนองคาย มาจากการเกษตรพืชเศรษฐกิจ นักท่องเที่ยวเดินทางเข้า-ออก ผ่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ปีละประมาณ 2 ล้านคน และรายได้จากสินค้าส่งออก น้ำมันเชื้อเพลิง รถยนต์ คอมพิวเตอร์ ส่วนสินค้านำเข้า ถังเปล่าสำหรับบรรจุแก๊ส ซิลิคัลเมทัล และรถยนต์
ในโอกาสที่ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ได้กำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดตามแผนพัฒนาจังหวัด ปี พ.ศ.2557-2560 ปรับปรุงภูมิทัศน์บนทางหลวงแผ่นดิน ขยายช่องทางจราจรทางหลวงหมายเลข 211 และ 212 จาก 2 ช่องจราจร เป็น 4 ช่องจราจร ขณะที่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม บรรยายสรุปรถไฟความเร็วสูง จากนั้นนายกฯ ตรวจเยี่ยมด่านตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย ด่านพรมแดนหนองคาย ถ.เฉลิมพระเกียรติ ต.มีชัย อ.เมืองฯ จ.หนองคาย และ
เดินทางไปท่าอากาศยานอุดรธานี โดยเฮลิคอปเตอร์ เพื่อขึ้นเครื่องบินของกองทัพอากาศกลับกรุงเทพมหานคร
น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เยี่ยมชมแบบผังรายละเอียด ก่อนร่วมพิธีวางศิลาฤกษ์ ศูนย์ราชการจังหวัดบึงกาฬ ณ บ้านท่าไคร้ ต.ท่าไคร้ อ.เมืองฯ จ.บึงกาฬ โดยมีพระครูสันติปัญญาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดบึงกาฬ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส โดยประชาชนเข้าร่วมพิธีจำนวนมาก
ทั้งนี้ อาคารศูนย์ราชการจังหวัดบึงกาฬ แบบจัตุรมุข สูง 4 ชั้น มีเอกลักษณ์และรูปแบบสถาปัตยกรรมไทย อาคารหอประชุม ขนาดความจุ 1,000 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนบึงกาฬและจังหวัดใกล้เคียง มีความยินดีที่นายกรัฐมนตรี ให้เกียรติมาร่วมงานสำคัญของจังหวัดในครั้งนี้ และชาวบ้านจำนวนมากได้จับจ้องและ ให้ความสนใจกับรถยนต์ ของนายกรัฐมนตรีเป็นพิเศษ โดยนายกรัฐมนตรี ใช้รถตู้โฟล์ก สีน้ำตาล เลขทะเบียน อย 2222 กรุงเทพมหานคร ในการปฏิบัติภารกิจ ที่จ.บึงกาฬ ในครั้งนี้
ต่อมาเวลา 11.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางต่อไปยังวัดอาฮงศิลาวาส อ.เมืองฯ จ.บึงกาฬ เป็นประธานในพิธีเปิดงาน“การเพิ่มทุนล้านใหม่ : เพื่ออาชีพ เพื่อรายได้ เพื่อครอบครัวอบอุ่น”เพื่อมอบการเพิ่มทุนให้กองทุนหมู่บ้านฯ ทั่วประเทศ 10,000 แห่ง ตามนโยบายเพิ่มทุนแก่กองทุนหมู่บ้าน และชุมชนเมือง ระยะที่ 3 ของรัฐบาล
เมื่อนายกฯเดินทางไปถึง ได้เข้ากราบพระประธานในอุโบสถวัดอาฮงศิลาวาส พร้อมกับเป็นประธานในพิธีทอดผ้าป่า และได้ปล่อยปลาจำนวน 77,777 ตัว ลงแม่น้ำโขง เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนเข้าร่วมพิธีบายศรีสู่ขวัญ โดยนายทองดี คำตัน หมอขวัญ จาก จ.อุบลราชธานี แหล่เสียงสำเนียงอีสานว่า
“ขอให้นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี มีสุขภาพสมบูรณ์ แข็งแรง มีพลังกาย พลังใจ ทำงานเพื่อประชาชนอย่างเต็มที่ สามารถผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆ ไปได้”
โอกาสนี้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้กล่าวเปิดงาน และทำพิธีการโอนเงิน“การเพิ่มทุนล้านใหม่ : เพื่ออาชีพ เพื่อรายได้ เพื่อครอบครัวอบอุ่น”ตอนหนึ่งว่า กิจกรรมหลักของการเพิ่มทุน 1 ล้านบาท ให้แก่กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ถือเป็นโครงการที่รัฐบาลให้ความสำคัญ และต้องการเห็นการพัฒนากองทุนหมู่บ้าน และชุมชนเมืองอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกิจกรรมการต่อยอดกองทุนหมู่บ้าน และชุมชนเมืองได้มีการพัฒนาขึ้นอย่างเป็นลำดับกว่า 11 ปีแล้ว และประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น สามารถเป็นแหล่งเงินทุนของประชาชนเพื่อการลงทุนขยายกิจการ ลดหนี้นอกระบบ ซึ่งเป็นเป้าหมายของรัฐบาลที่ต้องการเห็นการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย และการขยายโอกาสให้กับประชาชนทุกคน โดยรัฐบาลขอยืนยันเจตนารมณ์ที่จะให้กองทุนหมู่บ้านเป็นนโยบายหลักของรัฐบาล ในการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนให้เข้มแข็ง
ทั้งนี้ การเพิ่มทุน 1 ล้านบาท ให้แก่กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองของรัฐบาลได้จัดสรรและโอนเงินเพิ่มทุนให้กองทุนฯไปแล้ว 2 ครั้ง จำนวนกว่า 36,000 กองทุน และการจัดงานครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 จะมีกองทุนอีก 8,089 กองทุน ที่ได้รับการจัดสรร เพื่อต่อยอดการดำเนินการ ซึ่งที่ผ่านมามีหลายกองทุนฯได้เริ่มพัฒนาบริการรับฝากเงิน และส่งเสริมให้ชุมชนรู้จักการออม เพื่อจะได้นำเงินนี้ไปใช้ในภาวะฉุกเฉิน เช่น ใช้ดูแลรักษาในยามเจ็บป่วย หรือเกิดโรคภัย รวมทั้งจะได้ร่วมกันพัฒนาเงินต่างๆ เหล่านี้ เพื่อให้กองทุนหมู่บ้านฯ เป็นที่พึ่งทางการเงินที่เชื่อถือได้อีกแห่งหนึ่ง
ต่อมาเวลา 15.00 น. ที่อาคารหอประชุม ศาลากลางจังหวัดหนองคาย นายกฯ และคณะรับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์เศรษฐกิจชายแดนจังหวัดหนองคาย แผนงาน ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ จากนายวิรัตน์ ลิ้มสุวัฒน์ ผวจ.หนองคาย โดยรายได้หลักของ จ.หนองคาย มาจากการเกษตรพืชเศรษฐกิจ นักท่องเที่ยวเดินทางเข้า-ออก ผ่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ปีละประมาณ 2 ล้านคน และรายได้จากสินค้าส่งออก น้ำมันเชื้อเพลิง รถยนต์ คอมพิวเตอร์ ส่วนสินค้านำเข้า ถังเปล่าสำหรับบรรจุแก๊ส ซิลิคัลเมทัล และรถยนต์
ในโอกาสที่ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ได้กำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดตามแผนพัฒนาจังหวัด ปี พ.ศ.2557-2560 ปรับปรุงภูมิทัศน์บนทางหลวงแผ่นดิน ขยายช่องทางจราจรทางหลวงหมายเลข 211 และ 212 จาก 2 ช่องจราจร เป็น 4 ช่องจราจร ขณะที่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม บรรยายสรุปรถไฟความเร็วสูง จากนั้นนายกฯ ตรวจเยี่ยมด่านตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย ด่านพรมแดนหนองคาย ถ.เฉลิมพระเกียรติ ต.มีชัย อ.เมืองฯ จ.หนองคาย และ
เดินทางไปท่าอากาศยานอุดรธานี โดยเฮลิคอปเตอร์ เพื่อขึ้นเครื่องบินของกองทัพอากาศกลับกรุงเทพมหานคร