**“มองโกเลียสปีช” น่าจะเป็นหมากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เดินพลาดจนทำให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้เป็นน้องสาวในไส้เจ็บตัวมากที่สุดกระดานหนึ่ง นับตั้งแต่นั่งเก้าอี้เบอร์หนึ่งฝ่ายบริหารมาเกือบสองปี
เป็นหมากกระดานที่ “นายใหญ่”หวังผลในแง่บวก แต่ออกมาเป็น“ติดลบ”สุดขั้วมากที่สุด
เรียกว่าเป็นการวางหมากที่พลาดตั้งแต่“ก้าวแรก”สำหรับการปาฐกถาพิเศษ ในการประชุมประชาคมประชาธิปไตย ที่เมืองอูลันบาตอ ประเทศมองโกเลีย เมื่อวันที่ 29 เมษายน ที่ผ่านมา วางคิวให้ ยิ่งลักษณ์ ใช้ “เวทีโลก”โอดครวญขอความเป็นธรรมให้ “ตระกูลชินวัตร”แต่กลับกลายเป็น “ประจาน”เปลือยตัวตนเองไปแทน
**เพราะลืมไปว่า ที่พูดพล่ามออกไปนั้น มันเนรคุณทรยศแผ่นดินเกิดขนาดไหน
ประจวบกับจังหวะเวลาเดียวกับที่ในประเทศกำลังมีการวัดพลังภายในกันระหว่าง “3 อำนาจ” ที่ประกอบไปด้วย “บริหาร + นิติบัญญัติ” พ่วงด้วยพลังมวลชนในองคาพยพ อย่างกลุ่มคนเสื้อแดง ปะทะ กับ “ตุลาการ”ในศึกแก้ไขรัฐธรรมนูญแบบรายมาตรา ที่ 312 ส.ส. และส.ว. ผนึกกำลังแยกกันตี เพื่อฉีกรัฐธรรมนูญ
แต่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องของ “สมชาย แสวงการ” ส.ว.สรรหา ที่ยื่นให้ศาลตีความในมาตรา 68 จนต้องสะดุดกึก ไปไหนไม่ได้กันทั้งองคาพยพ จนนายใหญ่ นายหญิง ลูกน้องหัวเสียกันไม่เป็นอันทำอะไร
จึงเป็นที่มาของการวางฉาก “ปาฐกถาพิเศษ” เรื่องประชาธิปไตย ในห้วงที่ “นายใหญ่” กำลังปรับโหมดไล่ทุบศัตรูที่ขัดขวางการทำงานทุกจุด ทั้งกระแสความคุกรุ่นจากมวลชน สังคม และทุกตัวละครในองคาพที่แยกกันตีให้ “น่วม” เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญยอม “เปิดทาง” ให้ขบวนการชำเรารัฐธรรมนูญเดินหน้าต่อไปได้
**นั่นคือเป้าประสงค์ที่หวังผลเอาไว้ในการเดินเกม!!
แต่ผลลัพธ์ที่ออกมากลายเป็น “พลาด” เพราะบทปาฐกถาพิเศษดังกล่าวกลับสร้างความเกลียดชังให้ “น้องตัวเอง” เพิ่มขึ้นมากกว่าเก่าชนิดเข้าขั้น “โคม่า”จากเรื่องประชาธิปไตยที่ไปร่ายยาวกันตามสคริปต์แบบจัดหนักจัดเต็ม ดูเท่ดูโก้ในสายตาชาวต่างชาติกับมาดหญิงแกร่ง กลับถูกลากเข้ามาในข้อครหาหนักๆ ที่หลายฝ่ายโจมตีกันอย่าง “ขายชาติ” เสียอย่างนั้น
**เข้าทำนอง “เกมพลิก” อย่างจัง แบบตั้งตัวกันไม่ถูกไปเลยทั้งแผง!!
อย่างไรก็ดี ในช่วงที่สังคมกำลังจับจ้องกับบทปาฐกถาพิเศษเรื่องประชาธิปไตยในต่างแดนของ “ยิ่งลักษณ์” และศึกวาทกรรมระหว่าง “ฝ่ายหนุน - ฝ่ายต้าน” ที่โต้กันไปมา วันเวลาผ่านไปก็ดูเหมือนเรื่องดังกล่าวจะซาลง และหายไปเหมือนประเด็นอื่นๆ
ขณะที่สังคมส่วนใหญ่ก็เริ่มจะหันเหไปสนใจประเด็นอื่นของรัฐบาล แต่ก็เป็นองคาพยพของเหล่ารัฐบาลนั่นเองที่เป็นเหมือนคนไปสะกิดแผลดังกล่าวขึ้นมาอีกครั้งด้วยน้ำมือตัวเอง เมื่อดันไปหยิบจับ “ข้อความ” บนหน้ากระดานเฟซบุ๊กของ “ชัย ราชวัตร” การ์ตูนนิสต์ชื่อดัง แห่งค่ายหัวเขียว ที่เขียนโดยไม่ระบุชื่อบุคคลว่า
**“โปรดเข้าใจ กระหรี่ไม่ใช่หญิงคนชั่ว... กระหรี่แค่เร่ขายตัว แต่หญิงคนชั่วเที่ยวเร่ขายชาติ”
เล่นมาตีความว่า เป็น “นายหญิง” ตัวเอง และก็ออกลูกฟาดงวงฟาดงาอาละวาดระรานกันยกใหญ่ โดยเฉพาะ “ลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์” อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ขนคนเสื้อแดงไปวางพวดหรีด ราดน้ำปลาร้า เรียกร้องให้หนังสือพิมพ์ต้นสังกัดดำเนินการกับคอลัมนิสต์คนดังกล่าว
เล่นราวีกันหลายหน และดูทีท่าจะมีอีกหลายคราเหมือนกัน!!
ขณะที่บรรดาลูกพรรค ลูกหาบ ในเครือข่าย “นายห้างดูไบ” และ “นายหญิงตึกไทยฯ” ก็ของขึ้นออกมาเรียงหน้ากันแถลงตอบโต้ โจมตี “การ์ตูนนิสต์รุ่นเดอะ” กันทุกวี่ทุกวัน ตั้งใจกะจะเล่นกันให้จม โดยเฉพาะเหตุผลที่ใช้สู้ อย่างการหยิบยก “เพศแม่” มาเรียกร้องเรื่องสิทธิให้กับนายกฯ
ตามคิวก็หวังว่า สังคมจะเห็นใจ “นายหญิง” และประณามฝ่ายตรงข้ามที่โจมตีรุนแรง
ขณะเดียวกัน “นายหญิงตึกไทยฯ” ยังงัดมุกข้อกฎหมาย สั่งทีมทนายความไปแจ้งข้อหาหมิ่นประมาทกันถึง สน.ดุสิต กันอีกทาง แบบว่ากะตีให้น่วมกันไปเลย
ทว่าในโลกโซเชียลมีเดียที่เปิดกว้างก็ใช่จะมีแต่ฝ่ายหนุน “นายกฯหญิง” เท่านั้นที่โจมตีคนอื่นได้ เพราะยังมีอีกหลายฝ่ายเห็นพ้องต้องกันที่จะหนุนการแสดงความคิดเห็นของการ์ตูนนิสต์ชื่อดังเช่นกัน และด้วยความรวดเร็วถึงกัน การแสดงความคิดหนักๆ มันก็กว้างขวางขึ้น
ข้อความหนักๆ โดนๆ ดุ เด็ด เผ็ด มัน แสดงกันจนฮอตฮิตติดลมบนในเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ไม่หยุดดีกรีความแรงแม้แต่น้อย
กระทั่ง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ภายใต้การกุมบังเหียนของ “น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ” ออกมาหุนหัน ขู่ฟ่อจะเอาผิดเว็บไซต์ที่ด่าทอ “นายหญิง” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตราที่ 326 มีโทษปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
**ตามคิวก็ตั้งใจจะเอาให้ “กลัว” ให้ “แหยง” ไม่กล้าเล่นคำแรงๆ กันอีก!!
แต่ก็ผิดคิวกันอีกรอบ เพราะนอกจากจะปรามพวกนักเลงคีย์บอร์ดในโซเชียลมีเดียกันให้หยุดให้เบากันไม่ได้แล้ว กลับจะยิ่งเป็นการ “โหมไฟ” ในโซเชียลมีเดียให้ลุกลาม มีการวิพากษ์วิจารณ์กันกว้างขวางมากกว่าเดิมทุกหย่อมหญ้าเป็นไฟลามทุ่ง
งานนี้จากเดิมที่ไอซีทีต้องการจะถนอม กลายเป็นยิ่งตอกย้ำแบรนด์ “ผู้ร้าย” ให้กับ “นายหญิง” เสียอย่างนั้น ในข้อหาปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นของประชาชน ทั้งๆ ที่นายกรัฐมนตรี เป็นบุคคลสาธารณะที่ใครก็สามารถจะวิพากษ์วิจารณ์ได้
มิหนำซ้ำ การเทกแอ็กชั่นของกระทรวงไอซีทีครั้งนี้ ยังก่อให้เกิดการเปรียบเทียบกับการปราบปรามเว็บไซต์หมิ่นสถาบันที่ยังไม่เห็นเค้าลางว่าจะหมดสิ้นไปเลย แต่ทีกับกรณี “นายหญิง”รัฐบาลกลับใส่เกียร์เดินหน้าปราบปรามกันจนหน้าเกลียด
**มุกนี้ของรัฐบาลเลยทำเอาถอยรูดกันไม่ทัน ทั้งลูกพี่ลูกน้อง!!
และที่ตอกย้ำได้ดีว่า กระแสขู่บล็อกเว็บไซต์หมิ่น “นารีปู”ฉุดกระชากอารมณ์สังคมที่รู้สึกว่า กำลังถูกกีดกัน ทั้งๆ ที่นายกฯหญิงคนเดียวกันเพิ่งจะไปปาฐกถาพิเศษเรื่องประชาธิปไตยกันอยู่หยกๆ ที่ต่างประเทศได้ดีคือ กรณีแฮกเกอร์มือดีเข้าไปปั่นป่วนในเว็บไซต์สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จนเป็นข่าวครึกโครมทั่วทุกระแหงขณะนี้
ฉายภาพได้ดี กระแสต่อต้าน“นารีปู”ดีแค่ไหน แรงแค่ไหน และดูท่าจะยิ่งติดลมบนกันอีกนาน!!
หลังจากนี้เลยต้องจับท่าที รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ว่า จะแก้เกมกระแสดังกล่าวได้อย่างไร หรือจะยิ่งรุกหนักมากกว่าเก่าขึ้นไปอีก
หากวัดกันตามเนื้อผ้าแล้ว หากยังไม่ถอย ยังเล่นตามมุกเดิมต่อ คนที่เสียหายหนักจะไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น “ยิ่งลักษณ์” น้องสาว “ทักษิณ” ที่จะต้องเจ็บตัวกับการออกมาตอบโต้ และใช้ยุทธวิธีสกัดกั้นต่างๆ ของลูกหาบตัวเอง
**สภาพจะออกมาเป็น “ยิ่งลักษณ์” ยิ่งโต้ – ยิ่งแรง - ยิ่งน่วม ไม่หยุด มีแต่โดน!!
**หมากกระดานนี้ เรียกว่า พลาดกันทั้งองคาพยพ ไม่ต้องโทษใคร!!
--------------
เป็นหมากกระดานที่ “นายใหญ่”หวังผลในแง่บวก แต่ออกมาเป็น“ติดลบ”สุดขั้วมากที่สุด
เรียกว่าเป็นการวางหมากที่พลาดตั้งแต่“ก้าวแรก”สำหรับการปาฐกถาพิเศษ ในการประชุมประชาคมประชาธิปไตย ที่เมืองอูลันบาตอ ประเทศมองโกเลีย เมื่อวันที่ 29 เมษายน ที่ผ่านมา วางคิวให้ ยิ่งลักษณ์ ใช้ “เวทีโลก”โอดครวญขอความเป็นธรรมให้ “ตระกูลชินวัตร”แต่กลับกลายเป็น “ประจาน”เปลือยตัวตนเองไปแทน
**เพราะลืมไปว่า ที่พูดพล่ามออกไปนั้น มันเนรคุณทรยศแผ่นดินเกิดขนาดไหน
ประจวบกับจังหวะเวลาเดียวกับที่ในประเทศกำลังมีการวัดพลังภายในกันระหว่าง “3 อำนาจ” ที่ประกอบไปด้วย “บริหาร + นิติบัญญัติ” พ่วงด้วยพลังมวลชนในองคาพยพ อย่างกลุ่มคนเสื้อแดง ปะทะ กับ “ตุลาการ”ในศึกแก้ไขรัฐธรรมนูญแบบรายมาตรา ที่ 312 ส.ส. และส.ว. ผนึกกำลังแยกกันตี เพื่อฉีกรัฐธรรมนูญ
แต่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องของ “สมชาย แสวงการ” ส.ว.สรรหา ที่ยื่นให้ศาลตีความในมาตรา 68 จนต้องสะดุดกึก ไปไหนไม่ได้กันทั้งองคาพยพ จนนายใหญ่ นายหญิง ลูกน้องหัวเสียกันไม่เป็นอันทำอะไร
จึงเป็นที่มาของการวางฉาก “ปาฐกถาพิเศษ” เรื่องประชาธิปไตย ในห้วงที่ “นายใหญ่” กำลังปรับโหมดไล่ทุบศัตรูที่ขัดขวางการทำงานทุกจุด ทั้งกระแสความคุกรุ่นจากมวลชน สังคม และทุกตัวละครในองคาพที่แยกกันตีให้ “น่วม” เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญยอม “เปิดทาง” ให้ขบวนการชำเรารัฐธรรมนูญเดินหน้าต่อไปได้
**นั่นคือเป้าประสงค์ที่หวังผลเอาไว้ในการเดินเกม!!
แต่ผลลัพธ์ที่ออกมากลายเป็น “พลาด” เพราะบทปาฐกถาพิเศษดังกล่าวกลับสร้างความเกลียดชังให้ “น้องตัวเอง” เพิ่มขึ้นมากกว่าเก่าชนิดเข้าขั้น “โคม่า”จากเรื่องประชาธิปไตยที่ไปร่ายยาวกันตามสคริปต์แบบจัดหนักจัดเต็ม ดูเท่ดูโก้ในสายตาชาวต่างชาติกับมาดหญิงแกร่ง กลับถูกลากเข้ามาในข้อครหาหนักๆ ที่หลายฝ่ายโจมตีกันอย่าง “ขายชาติ” เสียอย่างนั้น
**เข้าทำนอง “เกมพลิก” อย่างจัง แบบตั้งตัวกันไม่ถูกไปเลยทั้งแผง!!
อย่างไรก็ดี ในช่วงที่สังคมกำลังจับจ้องกับบทปาฐกถาพิเศษเรื่องประชาธิปไตยในต่างแดนของ “ยิ่งลักษณ์” และศึกวาทกรรมระหว่าง “ฝ่ายหนุน - ฝ่ายต้าน” ที่โต้กันไปมา วันเวลาผ่านไปก็ดูเหมือนเรื่องดังกล่าวจะซาลง และหายไปเหมือนประเด็นอื่นๆ
ขณะที่สังคมส่วนใหญ่ก็เริ่มจะหันเหไปสนใจประเด็นอื่นของรัฐบาล แต่ก็เป็นองคาพยพของเหล่ารัฐบาลนั่นเองที่เป็นเหมือนคนไปสะกิดแผลดังกล่าวขึ้นมาอีกครั้งด้วยน้ำมือตัวเอง เมื่อดันไปหยิบจับ “ข้อความ” บนหน้ากระดานเฟซบุ๊กของ “ชัย ราชวัตร” การ์ตูนนิสต์ชื่อดัง แห่งค่ายหัวเขียว ที่เขียนโดยไม่ระบุชื่อบุคคลว่า
**“โปรดเข้าใจ กระหรี่ไม่ใช่หญิงคนชั่ว... กระหรี่แค่เร่ขายตัว แต่หญิงคนชั่วเที่ยวเร่ขายชาติ”
เล่นมาตีความว่า เป็น “นายหญิง” ตัวเอง และก็ออกลูกฟาดงวงฟาดงาอาละวาดระรานกันยกใหญ่ โดยเฉพาะ “ลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์” อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ขนคนเสื้อแดงไปวางพวดหรีด ราดน้ำปลาร้า เรียกร้องให้หนังสือพิมพ์ต้นสังกัดดำเนินการกับคอลัมนิสต์คนดังกล่าว
เล่นราวีกันหลายหน และดูทีท่าจะมีอีกหลายคราเหมือนกัน!!
ขณะที่บรรดาลูกพรรค ลูกหาบ ในเครือข่าย “นายห้างดูไบ” และ “นายหญิงตึกไทยฯ” ก็ของขึ้นออกมาเรียงหน้ากันแถลงตอบโต้ โจมตี “การ์ตูนนิสต์รุ่นเดอะ” กันทุกวี่ทุกวัน ตั้งใจกะจะเล่นกันให้จม โดยเฉพาะเหตุผลที่ใช้สู้ อย่างการหยิบยก “เพศแม่” มาเรียกร้องเรื่องสิทธิให้กับนายกฯ
ตามคิวก็หวังว่า สังคมจะเห็นใจ “นายหญิง” และประณามฝ่ายตรงข้ามที่โจมตีรุนแรง
ขณะเดียวกัน “นายหญิงตึกไทยฯ” ยังงัดมุกข้อกฎหมาย สั่งทีมทนายความไปแจ้งข้อหาหมิ่นประมาทกันถึง สน.ดุสิต กันอีกทาง แบบว่ากะตีให้น่วมกันไปเลย
ทว่าในโลกโซเชียลมีเดียที่เปิดกว้างก็ใช่จะมีแต่ฝ่ายหนุน “นายกฯหญิง” เท่านั้นที่โจมตีคนอื่นได้ เพราะยังมีอีกหลายฝ่ายเห็นพ้องต้องกันที่จะหนุนการแสดงความคิดเห็นของการ์ตูนนิสต์ชื่อดังเช่นกัน และด้วยความรวดเร็วถึงกัน การแสดงความคิดหนักๆ มันก็กว้างขวางขึ้น
ข้อความหนักๆ โดนๆ ดุ เด็ด เผ็ด มัน แสดงกันจนฮอตฮิตติดลมบนในเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ไม่หยุดดีกรีความแรงแม้แต่น้อย
กระทั่ง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ภายใต้การกุมบังเหียนของ “น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ” ออกมาหุนหัน ขู่ฟ่อจะเอาผิดเว็บไซต์ที่ด่าทอ “นายหญิง” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตราที่ 326 มีโทษปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
**ตามคิวก็ตั้งใจจะเอาให้ “กลัว” ให้ “แหยง” ไม่กล้าเล่นคำแรงๆ กันอีก!!
แต่ก็ผิดคิวกันอีกรอบ เพราะนอกจากจะปรามพวกนักเลงคีย์บอร์ดในโซเชียลมีเดียกันให้หยุดให้เบากันไม่ได้แล้ว กลับจะยิ่งเป็นการ “โหมไฟ” ในโซเชียลมีเดียให้ลุกลาม มีการวิพากษ์วิจารณ์กันกว้างขวางมากกว่าเดิมทุกหย่อมหญ้าเป็นไฟลามทุ่ง
งานนี้จากเดิมที่ไอซีทีต้องการจะถนอม กลายเป็นยิ่งตอกย้ำแบรนด์ “ผู้ร้าย” ให้กับ “นายหญิง” เสียอย่างนั้น ในข้อหาปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นของประชาชน ทั้งๆ ที่นายกรัฐมนตรี เป็นบุคคลสาธารณะที่ใครก็สามารถจะวิพากษ์วิจารณ์ได้
มิหนำซ้ำ การเทกแอ็กชั่นของกระทรวงไอซีทีครั้งนี้ ยังก่อให้เกิดการเปรียบเทียบกับการปราบปรามเว็บไซต์หมิ่นสถาบันที่ยังไม่เห็นเค้าลางว่าจะหมดสิ้นไปเลย แต่ทีกับกรณี “นายหญิง”รัฐบาลกลับใส่เกียร์เดินหน้าปราบปรามกันจนหน้าเกลียด
**มุกนี้ของรัฐบาลเลยทำเอาถอยรูดกันไม่ทัน ทั้งลูกพี่ลูกน้อง!!
และที่ตอกย้ำได้ดีว่า กระแสขู่บล็อกเว็บไซต์หมิ่น “นารีปู”ฉุดกระชากอารมณ์สังคมที่รู้สึกว่า กำลังถูกกีดกัน ทั้งๆ ที่นายกฯหญิงคนเดียวกันเพิ่งจะไปปาฐกถาพิเศษเรื่องประชาธิปไตยกันอยู่หยกๆ ที่ต่างประเทศได้ดีคือ กรณีแฮกเกอร์มือดีเข้าไปปั่นป่วนในเว็บไซต์สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จนเป็นข่าวครึกโครมทั่วทุกระแหงขณะนี้
ฉายภาพได้ดี กระแสต่อต้าน“นารีปู”ดีแค่ไหน แรงแค่ไหน และดูท่าจะยิ่งติดลมบนกันอีกนาน!!
หลังจากนี้เลยต้องจับท่าที รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ว่า จะแก้เกมกระแสดังกล่าวได้อย่างไร หรือจะยิ่งรุกหนักมากกว่าเก่าขึ้นไปอีก
หากวัดกันตามเนื้อผ้าแล้ว หากยังไม่ถอย ยังเล่นตามมุกเดิมต่อ คนที่เสียหายหนักจะไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น “ยิ่งลักษณ์” น้องสาว “ทักษิณ” ที่จะต้องเจ็บตัวกับการออกมาตอบโต้ และใช้ยุทธวิธีสกัดกั้นต่างๆ ของลูกหาบตัวเอง
**สภาพจะออกมาเป็น “ยิ่งลักษณ์” ยิ่งโต้ – ยิ่งแรง - ยิ่งน่วม ไม่หยุด มีแต่โดน!!
**หมากกระดานนี้ เรียกว่า พลาดกันทั้งองคาพยพ ไม่ต้องโทษใคร!!
--------------