ASTVผู้จัดการรายวัน - รุมอัด “อนุดิษฐ์” ขู่ไล่ปิดเว็บไซต์ที่วิพากษ์วิจารณ์ “ปู” หวังเชลียร์นาย แต่ปล่อยเว็บหมิ่นสถาบันฯ เกลื่อน ขณะที่ประชาธิปัตย์ออกแถลงการณ์เป็นภาษาอังกฤษ-ไทย ตอบโต้ “ปาฐกถายิ่งลักษณ์” ส่งทั่วโลก ลากไส้ “ทักษิณ” ต้นตอความขัดแย้งในประเทศ รวยจากรัฐประหาร คุกคามประชาธิปไตย ทำลายระบบกฎหมาย ละเมิดสิทธิมนุษยชน บริหารแบบเผด็จการ ทำลายองค์กรอิสระ ใช้อันธพาลแดงระรานฝ่ายตรงข้าม ด้านอดีตแอร์คาเธ่ย์ฯ โพสต์ฉะ โอ๊ค พานทองแท้ “อย่ามาแตะต้องกระโปรงฉัน”
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ประกาศจะดำเนินการปิดเว็บไซต์ที่มีการวิพากวิจารณ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในทางลบ ว่า ตนรู้สึกแปลกใจกับเรื่องนี้ เพราะรัฐบาลที่มาจากกลุ่มคนที่บอกว่ากฎหมายความผิดทางคอมพิวเตอร์ เป็นกฎหมายที่ไม่เป็นประชาธิปไตย และแม้จะมีการส่งข้อความ หรือโพสต์ข้อความที่เป็นการผิดกฎหมาย เช่น มาตรา 112 ก็ยังมีการโวยวายว่า ไม่เป็นประชาธิปไตย ทั้งที่ข้อเท็จจริงผู้ใดจะละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์มิได้
แต่เมื่อมีการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล และน.ส.ยิ่งลักษณ์ กลับพยายามจะเอากฎหมายตัวนี้มาใช้ ซึ่งตนคิดว่าสวนทางกับคำพูดประชาธิปไตยที่มองโกเลีย ของนายกรัฐมนตรี ซึ่งต่างประเทศคงจับตาดูว่า ทำไมรัฐบาลนี้เข้มงวดกวดขันกับการสื่อสารที่มีการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ซึ่งถือว่าไม่ใช่หลักประชาธิปไตย อย่างไรก็ตาม ต้องดูว่าเมื่อกระทรวงไอซีที และกรณีที่พรรคเพื่อไทย ดำเนินการเรียกร้องต่อ กสทช. ก็ต้องติดตามว่า การที่พูดว่าปากประชาธิปไตย ใจและพฤติกรรมเป็นอย่างไรบ้าง
น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า หลายครั้งแล้วที่แสดงพฤติกรรมตาลีตาเหลือก ขึงขัง ทำท่าเอาจริงเอาจัง ต่อเรื่องการวิจารณ์นาย ขนาดออกโรงงัดกฎหมายมาขู่ประชาชน และอ้างการใช้อำนาจกระทรวงไอซีที อย่างผิดๆ โดยปล่อยไก่อย่างน่าเวทนา โดยระบุว่า กระทรวงไอซีที จะปิดเว็บไซต์นั้นทันที ทั้งที่หาใช่อำนาจตัวเองไม่ เพราะตามกฎหมายคือ กระทรวงไอซีที มีหน้าที่เฝ้าระวัง และรับเรื่องร้องเรียน ตรวจสอบรักษากฎหมาย ในฐานะเป็นเจ้าพนักงาน จากนั้นเจ้าพนักงาน คือ รัฐมนตรีไอซีที ต้องเป็นผู้นำเสนอศาลออกคำสั่งปิดกั้น หรือปิดเว็บไซต์ที่กระทำ
ผิดกฎหมายเท่านั้น มิใช่รัฐมนตรีจะไปสั่งปิดได้ทันที
น.ส.มัลลิกา กล่าวด้วยว่า การกระทำที่จะถือเป็นความผิด และผู้กระทำต้องรับโทษทางอาญา คือ การกระทำที่มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นความผิด และได้กำหนดโทษของการกระทำเอาไว้ คือ ในส่วนของหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญาได้มีการกำหนดหลักเกณฑ์เอาไว้ใน มาตรา 326 และมาตรา 328 คือ ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ต้องพิสูจน์ว่า ได้หมิ่นประมาทหรือไม่ จนสิ้นความในชั้นศาลเสียก่อนด้วย
ส่วนการที่สื่อมวลชน ประชาชน สังคมในโซเชียลเน็ตเวิร์ก แสดงความเห็น หรือวิพากษ์วิจารณ์บุคคลสาธารณะ เช่น น.ส.ยิ่งลักษณ์ หากวิจารณ์จากข้อเท็จจริงที่บุคคลสาธารณะนั้นกระทำ ที่เชื่อว่าจะก่อความเสียหายต่อส่วนรวม อันนี้ถือเป็นสิทธิ และเสรีภาพของพลเมืองในการตรวจสอบ สะท้อนความคิดเห็นอันพึงกระทำได้ แต่ถ้าข้อความคำพูดใดที่เห็นว่าเข้าข่ายล่วงล้ำ ถึงขั้นละเมิด หรือหมิ่นประมาท น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ไปใช้สิทธิพลเมืองแจ้งความดำเนินคดีได้ ไม่มีสิทธิเหนือคนอื่นไปกระทำเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดได้
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่า กระทรวงไอซีทีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการสกัดกั้น หรือปิดกั้นเว็บไซต์หมิ่นสถาบัน จาบจ้วงสถาบัน ด่าทอสถาบัน อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะเว็บแดงทั้งหลาย ที่ตนเคยส่งไป ก็ยังเปิดจาบจ้วงคาหูคาตา จึงอยากเชิญ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปดีเอสไอ พร้อมกัน หรือรัฐมนตรีไอซีที จะไปด้วยเลยยิ่งดี จะได้รู้เห็นว่า เว็บหมิ่นที่ตัวเองละเว้นไม่ลงมือในทันที วันนี้มันขยายไปกว้างขนาดไหน
“รัฐมนตรีไอซีที อย่ามัวแต่เอาใจนายกฯ อย่างหยาบๆ ฉาบฉวย ฉกโอกาส หรือถ้าจะสร้างผลงาน ก็เอาหลักฐานลายเซ็นตัวเองที่ส่งเรื่องไปชั้นศาล กี่เรื่องมาแถลง ลายเซ็นการแต่งตั้งเจ้าพนักงานตามกฎหมาย เพื่อใช้ทักษะความเชี่ยวชาญทำงานด้านนี้ มีหรือไม่ เอ็มโอยู 3 กระทรวง ที่เคยบูรณาการไว้ระดับปลัด 3 กระทรวง ลงนามร่วมกัน ได้ติดตามบ้างหรือไม่ วันๆ นั่งทับอะไร นั่งทำอะไรอยู่ในกระทรวง” น.ส.มัลลิกา กล่าว
ด้านนายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า อยากฝากไปยัง น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.ไอซีที เร่งจัดการกับผู้ดำเนินการเผยแพร่ข้อความ และรูปภาพที่มีลักษณะดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อย่างเอาจริงเอาจัง ไม่ใช่ประกาศจะจัดการเฉพาะเว็บไซต์ที่มีข้อความหมิ่นประมาท น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เท่านั้น เนื่องจากที่ผ่านมาไอซีที ได้ขอจัดสรรงบประมาณไปมากกว่า 500 ล้านบาท เพื่อขอติดตั้งอุปกรณ์จัดการกับผู้กระทำความผิด จึงอยากถามว่า ปัจจุบันได้ดำเนินการจัดการกับเว็บไซต์หมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ไปถึงไหนแล้ว
ออกแถลงการณ์อังกฤษ-ไทย ลากไส้ “แม้ว”
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงแถลงการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะจัดส่งไปยังประเทศต่างๆ รวมทั้งที่ มองโกเลีย โดยจะมีการทำแถลงการณ์เป็น 2 ภาษา คือ ทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาไทย มีสาระสำคัญอธิบายถึงที่มาที่ไปของกระบวนการทางการเมือง และประชาธิปไตย ตั้งแต่ยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี การได้สัมปทานในสมัยรัฐบาลที่เกิดจากการรัฐประหาร ร่ำรวยจากการได้สัมปทานในช่วงเผด็จการ การเข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีพฤติกรรมลุแก่อำนาจ ทุจริต คอร์รัปชัน แก้กฎหมายเอื้อทุจริตครอบครัว และการปราบปรามยาเสพติด ที่ทำให้เกิดการฆ่าตัดตอน 2,500 ศพ รวมถึงพฤติกรรมแทรกแซงองค์กรอิสระ ที่มีหน้าที่ถ่วงดุล แต่อ่อนแอลงอย่างมาก จึงเป็นที่มาของการต่อต้าน ช่วงปลายรัฐบาล ทักษิณ 1 ถึง ทักษิณ 2 การปฏิวัติเกิดขึ้นในช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นรักษาการนายกฯ ไม่ใช่นายกรัฐมนตรี และหลังการรัฐประหาร มีรัฐบาลที่ นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางกลับไทย สู้คดีที่ดินรัชดา จากนั้นหนีคดีก่อนที่ศาลจะตัดสินจำคุก 2 ปี
นอกจากนี้ เมื่อรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เข้ามาบริหารประเทศ มีการปลุกระดมมวลชน ใช้กองกำลังติดอาวุธ คุกคามประชาชน และประชาธิปไตย จนเป็นเหตุให้มีการเสียชีวิตในเหตุการณ์ชุมนุมปี 53 และจนถึงปัจจุบัน คนเสื้อแดง ก็ยังไม่หยุดพฤติกรรมคุกคามผู้ที่เห็นต่าง ไม่ว่าจะเป็นองค์กรอิสระ พรรคการเมือง หรือภาคประชาชน ที่เห็นไม่ตรงกับรัฐบาล
นายกษิต ภิรมย์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า แถลงการณ์ของพรรค เป็นการลำดับเหตุการณ์ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับการเมืองไทย ตั้งแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าสู่การเมือง เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจให้ประชาคมโลก ตอบโต้การบิดเบือนข้อเท็จจริงของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ อูลานบาตอร์ โดยขั้นตอนการดำเนินการ คือ จะมีหนังสือส่งแถลงการณ์ไปยังให้คณะทูตในประเทศไทย และสหประชาชาติ สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ เอ็นจีโอต่างประเทศ ที่มีสำนักงานในประเทศไทย และหอการค้าต่างประเทศในไทยทั้งหมด ส่วนในต่างประเทศจะแจ้งไปที่เลขาธิการองค์กรประชาคมประชาธิปไตย ที่จัดประชุมใหญ่ที่อูลานบาตอร์ โดยมีสำนักงานใหญ่ที่โปแลนด์ และสหรัฐอเมริกา ซึ่งในวันนี้ (7 พ.ค.) จะเริ่มส่งไปยังองค์กรระหว่างประเทศ และขอให้มีการส่งเป็นจดหมายเวียนไปยังประเทศสมาชิกด้วย รวมถึงองค์กรพรรคการเมือง คณะมนตรีว่าด้วยนักเสรีนิยม และประชาธิปไตย ที่ประชุมพรรคการเมืองทุกอุดมการณ์ของประเทศ ในเอเชียแปซิฟิก
แอร์สาวตะเพิด “โอ๊ค” ไปบอก “พ่อแม้ว” ติดคุก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ไล่ให้ นายชัย ราชวัตร นักเขียนการ์ตูนการเมืองอาวุโส เอากระโปรงแอร์คาเธ่ย์ฯ มาคลุมหัว กรณีชัย ราชวัตร ใช้คำเปรียบเทียบที่ไม่เหมาะสม รวมถึงได้ใช้คำพูดทีไม่เหมาะสม เรียกสรรพนามแทนตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ เมื่อวานนี้ (6 พ.ค. ) มีอดีตพนักงานต้อนรับของสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว Honey Lochanachai ว่า “อย่ามาแตะกระโปรงของฉัน” พร้อมยกย่อง และให้กำลังใจ “ชัย ราชวัตร” ว่า มีจุดยืนเพื่อบ้านเมือง โดยข้อความที่ “อดีตแอร์คาเธ่ย์” โพสต์ มีดังนี้
จากการกล่าวพาดพิงถึงกรณีแอร์คาเธ่ย์ฯ กับกรณีคุณชัย ราชวัตร นั้น ฉันจะขอเรียนให้ทุกท่านเข้าใจว่า การตัดสินใจลาออกจากสายการบินคาเธ่ย์ฯ นั้น เป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อองค์กรที่ฉันทำงานมานาน 24 ปี และเพื่อลดแรงกดดันที่มาจากการใช้อำนาจเถื่อนทางการเมือง คุกคามการทำธุรกิจของสายการบิน เพียงเพื่อจะบีบบังคับคนที่แสดงความเห็นทางการเมืองที่แตกต่างให้หมดทาง
กรณีของ คุณชัย ราชวัตร นั้นฉันยกย่อง และให้กำลังใจคุณชัย ราชวัตร ที่แสดงจุดยืนของตัวเองต่อชาติบ้านเมืองอย่างกล้าหาญ ซึ่งมักจะเป็นที่หวาดกลัวของพวกคนชั่วที่ไม่หวังดีต่อประเทศชาติ เป็นธรรมดา
การออกมาเรียกร้องให้ คุณชัย ราชวัตร แสดงความรับผิดชอบต่อสังคม ฉันเห็นว่า พวกคุณควรจะไปเรียกร้องให้นักโทษชาย ที่ถูกตัดสินคดีมีโทษจำคุก และหนีคดีไปสร้างความเดือดร้อนวุ่นวายให้แก่ประเทศชาติชาติอยู่ทุกวันนี้ ให้กลับมาแสดงความรับผิดชอบต่อบ้านเมืองบ้างจะดีกว่านะคะ
อย่าเอากระโปรงแอร์คาเธ่ย์ฯ ไปแอบอ้างด้วยความเคยชินเลย กระโปรงของฉันไม่ได้มีไว้คลุมหัวใครทั้งนั้น แม้แต่ ทรราชขายชาติเลวทราม ก็ไม่มีสิทธิมาแตะต้องกระโปรงอันมีเกียรติของพวกเรา ประเทศนี้ มีนักการเมืองเลว กำลังอาศัยเกาะชายกระโปรงของผู้หญิงโง่ๆ คนหนึ่ง หากิน โกงชาติ กอบโกย เอาผลประโยชน์ของชาติไปอย่างหน้าด้านๆ ทำให้ผู้หญิงโง่คนหนึ่ง กลายเป็น “หญิงชั่ว” ถูกสังคมตราหน้าว่า “ขายชาติ” นี่ต่างหากที่เป็นการดูถูกเพศแม่
ลูกทรราช ที่เติบโตมาในครอบครัวที่มีแต่คนจิตใจสกปรก โสมมไปด้วยกิเลส มีแต่ความเห็นแก่ตัว ย่อมไม่เข้าใจ และแยกแยะไม่ออกว่าอะไรดีอะไรชั่ว รวมทั้งพวกสุนัขรับใช้ ที่คอยเสี้ยมสอน สนับสนุนอาศัยชื่อของนาย ออกมาทำความเดือดร้อนเสียหายให้แก่บ้านเมือง เพื่อหวังลาภยศนั้น คงไม่เคยตระหนักถึงผลกรรมที่พวกมันจะได้รับ
ฉันแน่ใจว่าอีกไม่นาน คนชั่วก็จะแพ้ภัยตัวเอง เพราะกรรมชั่วที่ทำนั้นจะกลับมาสนองผู้ที่ทำอย่างแน่นอน
คนดีที่รักชาติบ้านเมือง ที่ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมก็อย่าได้ท้อถอย เพราะความดีที่แท้จริงนั้นย่อมส่งผลเป็นความดีแก่ผู้กระทำเช่นกัน
----------------------
(ล้อมกรอบ) หน้า 11
4 ข้อต้องรู้ โพสต์วิพากษ์ “ปู” อย่างไรให้ไม่เสี่ยงโทษหมิ่น
(โปรยดำ) ทันทีที่ รมว.ไอซีทีประกาศเอาผิดเว็บไซต์ที่โพสต์ข้อความดูหมิ่นนายกฯ ปู “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” พร้อมระบุว่า จะสั่งระงับเว็บไซต์ทันที แถมจะลงโทษปรับ 2 หมื่นบาท จำคุกอีก 1 ปี ชาวออนไลน์หลายคนตื่นตัวพร้อมตั้งคำถามว่าแล้วจะโพสต์อย่างไรให้ไม่ให้เข้าข่ายหมิ่น? รวมถึงคำถามคาใจว่าถ้าเป็นการโพสต์บนเฟซบุ๊กแล้วไอซีทีไทยจะระงับเฟซบุ๊กได้จริงหรือ?
คำถามเหล่านี้ได้รับคำตอบจาก “ไพบูลย์ อมรภิญโญเกียรติ” ที่ปรึกษากฎหมาย สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ ซึ่งฟันธงว่าคำขู่ของ รมว.ไอซีที เป็นเรื่องที่ไม่ถูกหลักการ ขณะที่ชาวออนไลน์จะต้องระวังเรื่องการส่งต่อเรื่องราวที่เข้าข่ายหมิ่นให้ดี ทั้งภาพตัดต่อ และการรีทวีต (retweet) ข้อความที่ไม่เป็นความจริง
(ตัวดำ) 1. วิจารณ์ผลงานไม่หมิ่น
นายกรัฐมนตรีนั้นมีสถานะเหมือนบุคคลทั่วไป การวิจารณ์ผลงาน หรือการดำเนินงานต่างๆ ที่พูดถึงประโยชน์ประเทศชาตินั้นสามารถทำได้ แต่การใส่ความ และการว่าร้าย วิจารณ์นิสัยว่าเป็นแบบนั้นแบบนี้โดยที่ไม่เป็นจริง จะถือว่าหมิ่นประมาท
สรุปคือ ความผิดหมิ่นประมาทจะเกิดขึ้นเมื่อมีการพูดถึงพาดพิงให้เสียหาย หรือมีการใส่ความที่ไม่เป็นความจริงให้เสียหายเท่านั้น
แต่หากเป็นคดีหมิ่นประมาทขึ้นมาจริง ไอซีทีก็จะไม่มีอำนาจสั่งระงับเว็บไซต์เพราะคดีหมิ่นประมาทไม่เข้าข่าย พ.ร.บ.ความผิดทางคอมพิวเตอร์ ซึ่งตามหลักการแล้ว กระทรวงไอซีที จะมีอำนาจปิดกั้นเว็บไซต์ได้เมื่อพบความผิดหมิ่นสถาบันฯ เท่านั้น เท่ากับว่าคำพูดของ รมว.ไอซีที “ยังไม่ตรงหลักวิชาการ”
ดังนั้น ถ้าเป็นการวิจารณ์ของสื่อมวลชน กฎหมายมาตรา 329 จะคุ้มครองเพราะเป็นข้อยกเว้นของสื่ออยู่แล้วที่ต้องติชมทั่วไป และนำเสนอข่าวเชิงวิชาการ ดังนั้น ถ้ามีการวิจารณ์ก็จะต้องมีการพิจารณาว่าเป็นสื่อมวลชนหรือไม่
(ตัวดำ) 2.ต้องระวังภาพตัดต่อ
ในขณะที่คดีหมิ่นประมาททั่วไปไม่เข้าข่าย แต่ “การตัดต่อภาพ” จะเข้าข่ายมีความผิดตาม พ.ร.บ.ความผิดทางคอมพิวเตอร์โดยตรง ซึ่งจะครอบคลุมทั้งการตัดต่อภาพจากผิดเป็นไม่ผิด หรือไม่ผิดเป็นผิด ทุกรูปแบบมีความผิด
ความผิดหมิ่นประมาทที่มีผลทาง พ.ร.บ.ความผิดคอมพิวเตอร์ คือ ความผิดที่เข้าข่ายมาตรา 14 (1) เท่านั้น โดย มาตรา 14 (1) แห่ง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2550 มีสาระสำคัญว่าการนำข้อมูลอันเป็นเท็จ คือ ข้อมูลที่เป็นเรื่องไม่จริงทั้งหมด หรือไม่จริงเพียงบางส่วนเข้าสู่คอมพิวเตอร์ แล้วทำให้บุคคลอื่นเกิดความเสียหาย ล้วนเป็นความผิด
ซึ่งการตัดต่อรูปจะเข้าข่ายความผิดนี้โดยตรง และการเผยแพร่ภาพให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย หรืออับอาย จะมีความผิดตาม ม.16 ขณะที่การโพสต์ข้อความตามกระทู้ต่างๆ ที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสม เป็นเท็จ ก็จะผิดตาม ม.14 นี้ด้วย
(ตัวดำ) 3.จะแชร์หรือรีทวีตต้องให้มั่นใจ
จุดที่ประชาชนต้องระวัง คือ การ retweet หรือการแชร์ข้อความและภาพต่อ เพราะหากไม่มั่นใจว่าข้อความ หรือภาพนั้นเป็นความจริงก็อาจมีความผิดฐานเผยแพร่
โทษของผู้ทำซ้ำ และเผยแพร่จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ทั้งนี้ ต้องพิจารณาเจตนาของผู้กระทำเป็นหลัก เพราะกรณีที่เป็นความผิดอาญานั้นต้องเป็นการกระทำโดยเจตนา หากเป็นการเก็บข้อมูลปกติไว้ในคอมพิวเตอร์ไม่จัดอยู่ในกรณีทำซ้ำ
นอกจากนี้ ในกฎหมายอาญาก็ไม่มีบทบัญญัติให้ฝ่ายบริหารมีอำนาจในการปิดบล็อกเว็บไซต์ แต่ต้องให้ไอซีทีส่งเรื่องให้ศาลเป็นผู้สั่งการเท่านั้น
(ตัวดำ) 4.แตะต้อง (เฟซบุ๊ก) ไม่ได้
สิ่งที่ชาวออนไลน์ควรรู้ คือ เฟซบุ๊กยึดกฎหมายสหรัฐอเมริกาเป็นหลักปฏิบัติ เฟซบุ๊กจึงเลือกระงับเฉพาะเพจที่มีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และการก่อการร้ายเท่านั้น ที่ผ่านมา เฟซบุ๊กยังไม่ดำเนินการปิดเพจที่เข้าข่ายหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์แม้จะมีคำสั่งจากศาลไทย เนื่องจากคำสั่งจากศาลไทยจะถือเป็นเอกสารขอความร่วมมือที่ไม่มีผลลงโทษใดๆ
ในกรณีของคำวิจารณ์นายกฯ ปู บนเฟซบุ๊ก หาก รมว.ไอซีที พบข้อความหมิ่นประมาทบนเฟซบุ๊กก็จะไม่มีอำนาจสั่งระงับเพจบนเฟซบุ๊กใดๆ สิ่งที่ทำได้ คือ การบล็อกไม่ให้เปิดชมเพจจากประเทศไทย ซึ่งขั้นตอนที่ถูกต้องคือ ต้องรอให้ศาลตัดสินมูลฟ้อง และออกคำสั่งศาลตามมา แปลว่าฝ่ายบริหารจะไม่มีอำนาจในการตัดสินใดๆ
ความจริงเรื่องคำพูดหมิ่นประมาท
- คำว่าผีเปรต ผีปอบ ไม่ใช่การใส่ความผู้อื่นเพราะเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ (เทียบเคียง ฎ.200/2511)
- คำว่า ชาติหมา ไอ้ควาย ไอ้สัตว์ เป็นคำด่า ไม่ใช่หมิ่นประมาท (เทียบเคียง ฎ.481/2506) โดยหากคำด่า มีคำหมิ่นประมาทรวมอยู่ด้วยจะถือว่ามีความผิด
- คำว่า กะหรี่ หรือ บ้ากาม เป็นคำพูดบรรยายความประพฤติเสื่อมเสียในทางประเวณี มีความผิดหมิ่นประมาท
- ถ้าจำเลยพูดว่า โจทก์เป็นคนชาติหมา เลวยิ่งกว่าหมา จะไม่เข้าข่ายหมิ่นประมาท เพราะไม่ได้ทำให้เข้าใจว่าเลวอย่างไร (เทียบเคียง ฎ.481/2506)
- คำพูดหมิ่นประมาทอาจจะเป็นประโยคคำถามก็ได้ ถ้าคำถามนั้นทำให้บุคคลอื่นเข้าใจผิด และทำให้บุคคลนั้นเสื่อมเสียชื่อเสียง หรือเสียหายไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ประกาศจะดำเนินการปิดเว็บไซต์ที่มีการวิพากวิจารณ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในทางลบ ว่า ตนรู้สึกแปลกใจกับเรื่องนี้ เพราะรัฐบาลที่มาจากกลุ่มคนที่บอกว่ากฎหมายความผิดทางคอมพิวเตอร์ เป็นกฎหมายที่ไม่เป็นประชาธิปไตย และแม้จะมีการส่งข้อความ หรือโพสต์ข้อความที่เป็นการผิดกฎหมาย เช่น มาตรา 112 ก็ยังมีการโวยวายว่า ไม่เป็นประชาธิปไตย ทั้งที่ข้อเท็จจริงผู้ใดจะละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์มิได้
แต่เมื่อมีการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล และน.ส.ยิ่งลักษณ์ กลับพยายามจะเอากฎหมายตัวนี้มาใช้ ซึ่งตนคิดว่าสวนทางกับคำพูดประชาธิปไตยที่มองโกเลีย ของนายกรัฐมนตรี ซึ่งต่างประเทศคงจับตาดูว่า ทำไมรัฐบาลนี้เข้มงวดกวดขันกับการสื่อสารที่มีการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ซึ่งถือว่าไม่ใช่หลักประชาธิปไตย อย่างไรก็ตาม ต้องดูว่าเมื่อกระทรวงไอซีที และกรณีที่พรรคเพื่อไทย ดำเนินการเรียกร้องต่อ กสทช. ก็ต้องติดตามว่า การที่พูดว่าปากประชาธิปไตย ใจและพฤติกรรมเป็นอย่างไรบ้าง
น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า หลายครั้งแล้วที่แสดงพฤติกรรมตาลีตาเหลือก ขึงขัง ทำท่าเอาจริงเอาจัง ต่อเรื่องการวิจารณ์นาย ขนาดออกโรงงัดกฎหมายมาขู่ประชาชน และอ้างการใช้อำนาจกระทรวงไอซีที อย่างผิดๆ โดยปล่อยไก่อย่างน่าเวทนา โดยระบุว่า กระทรวงไอซีที จะปิดเว็บไซต์นั้นทันที ทั้งที่หาใช่อำนาจตัวเองไม่ เพราะตามกฎหมายคือ กระทรวงไอซีที มีหน้าที่เฝ้าระวัง และรับเรื่องร้องเรียน ตรวจสอบรักษากฎหมาย ในฐานะเป็นเจ้าพนักงาน จากนั้นเจ้าพนักงาน คือ รัฐมนตรีไอซีที ต้องเป็นผู้นำเสนอศาลออกคำสั่งปิดกั้น หรือปิดเว็บไซต์ที่กระทำ
ผิดกฎหมายเท่านั้น มิใช่รัฐมนตรีจะไปสั่งปิดได้ทันที
น.ส.มัลลิกา กล่าวด้วยว่า การกระทำที่จะถือเป็นความผิด และผู้กระทำต้องรับโทษทางอาญา คือ การกระทำที่มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นความผิด และได้กำหนดโทษของการกระทำเอาไว้ คือ ในส่วนของหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญาได้มีการกำหนดหลักเกณฑ์เอาไว้ใน มาตรา 326 และมาตรา 328 คือ ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ต้องพิสูจน์ว่า ได้หมิ่นประมาทหรือไม่ จนสิ้นความในชั้นศาลเสียก่อนด้วย
ส่วนการที่สื่อมวลชน ประชาชน สังคมในโซเชียลเน็ตเวิร์ก แสดงความเห็น หรือวิพากษ์วิจารณ์บุคคลสาธารณะ เช่น น.ส.ยิ่งลักษณ์ หากวิจารณ์จากข้อเท็จจริงที่บุคคลสาธารณะนั้นกระทำ ที่เชื่อว่าจะก่อความเสียหายต่อส่วนรวม อันนี้ถือเป็นสิทธิ และเสรีภาพของพลเมืองในการตรวจสอบ สะท้อนความคิดเห็นอันพึงกระทำได้ แต่ถ้าข้อความคำพูดใดที่เห็นว่าเข้าข่ายล่วงล้ำ ถึงขั้นละเมิด หรือหมิ่นประมาท น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ไปใช้สิทธิพลเมืองแจ้งความดำเนินคดีได้ ไม่มีสิทธิเหนือคนอื่นไปกระทำเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดได้
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่า กระทรวงไอซีทีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการสกัดกั้น หรือปิดกั้นเว็บไซต์หมิ่นสถาบัน จาบจ้วงสถาบัน ด่าทอสถาบัน อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะเว็บแดงทั้งหลาย ที่ตนเคยส่งไป ก็ยังเปิดจาบจ้วงคาหูคาตา จึงอยากเชิญ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปดีเอสไอ พร้อมกัน หรือรัฐมนตรีไอซีที จะไปด้วยเลยยิ่งดี จะได้รู้เห็นว่า เว็บหมิ่นที่ตัวเองละเว้นไม่ลงมือในทันที วันนี้มันขยายไปกว้างขนาดไหน
“รัฐมนตรีไอซีที อย่ามัวแต่เอาใจนายกฯ อย่างหยาบๆ ฉาบฉวย ฉกโอกาส หรือถ้าจะสร้างผลงาน ก็เอาหลักฐานลายเซ็นตัวเองที่ส่งเรื่องไปชั้นศาล กี่เรื่องมาแถลง ลายเซ็นการแต่งตั้งเจ้าพนักงานตามกฎหมาย เพื่อใช้ทักษะความเชี่ยวชาญทำงานด้านนี้ มีหรือไม่ เอ็มโอยู 3 กระทรวง ที่เคยบูรณาการไว้ระดับปลัด 3 กระทรวง ลงนามร่วมกัน ได้ติดตามบ้างหรือไม่ วันๆ นั่งทับอะไร นั่งทำอะไรอยู่ในกระทรวง” น.ส.มัลลิกา กล่าว
ด้านนายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า อยากฝากไปยัง น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.ไอซีที เร่งจัดการกับผู้ดำเนินการเผยแพร่ข้อความ และรูปภาพที่มีลักษณะดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อย่างเอาจริงเอาจัง ไม่ใช่ประกาศจะจัดการเฉพาะเว็บไซต์ที่มีข้อความหมิ่นประมาท น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เท่านั้น เนื่องจากที่ผ่านมาไอซีที ได้ขอจัดสรรงบประมาณไปมากกว่า 500 ล้านบาท เพื่อขอติดตั้งอุปกรณ์จัดการกับผู้กระทำความผิด จึงอยากถามว่า ปัจจุบันได้ดำเนินการจัดการกับเว็บไซต์หมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ไปถึงไหนแล้ว
ออกแถลงการณ์อังกฤษ-ไทย ลากไส้ “แม้ว”
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงแถลงการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะจัดส่งไปยังประเทศต่างๆ รวมทั้งที่ มองโกเลีย โดยจะมีการทำแถลงการณ์เป็น 2 ภาษา คือ ทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาไทย มีสาระสำคัญอธิบายถึงที่มาที่ไปของกระบวนการทางการเมือง และประชาธิปไตย ตั้งแต่ยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี การได้สัมปทานในสมัยรัฐบาลที่เกิดจากการรัฐประหาร ร่ำรวยจากการได้สัมปทานในช่วงเผด็จการ การเข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีพฤติกรรมลุแก่อำนาจ ทุจริต คอร์รัปชัน แก้กฎหมายเอื้อทุจริตครอบครัว และการปราบปรามยาเสพติด ที่ทำให้เกิดการฆ่าตัดตอน 2,500 ศพ รวมถึงพฤติกรรมแทรกแซงองค์กรอิสระ ที่มีหน้าที่ถ่วงดุล แต่อ่อนแอลงอย่างมาก จึงเป็นที่มาของการต่อต้าน ช่วงปลายรัฐบาล ทักษิณ 1 ถึง ทักษิณ 2 การปฏิวัติเกิดขึ้นในช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นรักษาการนายกฯ ไม่ใช่นายกรัฐมนตรี และหลังการรัฐประหาร มีรัฐบาลที่ นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางกลับไทย สู้คดีที่ดินรัชดา จากนั้นหนีคดีก่อนที่ศาลจะตัดสินจำคุก 2 ปี
นอกจากนี้ เมื่อรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เข้ามาบริหารประเทศ มีการปลุกระดมมวลชน ใช้กองกำลังติดอาวุธ คุกคามประชาชน และประชาธิปไตย จนเป็นเหตุให้มีการเสียชีวิตในเหตุการณ์ชุมนุมปี 53 และจนถึงปัจจุบัน คนเสื้อแดง ก็ยังไม่หยุดพฤติกรรมคุกคามผู้ที่เห็นต่าง ไม่ว่าจะเป็นองค์กรอิสระ พรรคการเมือง หรือภาคประชาชน ที่เห็นไม่ตรงกับรัฐบาล
นายกษิต ภิรมย์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า แถลงการณ์ของพรรค เป็นการลำดับเหตุการณ์ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับการเมืองไทย ตั้งแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าสู่การเมือง เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจให้ประชาคมโลก ตอบโต้การบิดเบือนข้อเท็จจริงของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ อูลานบาตอร์ โดยขั้นตอนการดำเนินการ คือ จะมีหนังสือส่งแถลงการณ์ไปยังให้คณะทูตในประเทศไทย และสหประชาชาติ สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ เอ็นจีโอต่างประเทศ ที่มีสำนักงานในประเทศไทย และหอการค้าต่างประเทศในไทยทั้งหมด ส่วนในต่างประเทศจะแจ้งไปที่เลขาธิการองค์กรประชาคมประชาธิปไตย ที่จัดประชุมใหญ่ที่อูลานบาตอร์ โดยมีสำนักงานใหญ่ที่โปแลนด์ และสหรัฐอเมริกา ซึ่งในวันนี้ (7 พ.ค.) จะเริ่มส่งไปยังองค์กรระหว่างประเทศ และขอให้มีการส่งเป็นจดหมายเวียนไปยังประเทศสมาชิกด้วย รวมถึงองค์กรพรรคการเมือง คณะมนตรีว่าด้วยนักเสรีนิยม และประชาธิปไตย ที่ประชุมพรรคการเมืองทุกอุดมการณ์ของประเทศ ในเอเชียแปซิฟิก
แอร์สาวตะเพิด “โอ๊ค” ไปบอก “พ่อแม้ว” ติดคุก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ไล่ให้ นายชัย ราชวัตร นักเขียนการ์ตูนการเมืองอาวุโส เอากระโปรงแอร์คาเธ่ย์ฯ มาคลุมหัว กรณีชัย ราชวัตร ใช้คำเปรียบเทียบที่ไม่เหมาะสม รวมถึงได้ใช้คำพูดทีไม่เหมาะสม เรียกสรรพนามแทนตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ เมื่อวานนี้ (6 พ.ค. ) มีอดีตพนักงานต้อนรับของสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว Honey Lochanachai ว่า “อย่ามาแตะกระโปรงของฉัน” พร้อมยกย่อง และให้กำลังใจ “ชัย ราชวัตร” ว่า มีจุดยืนเพื่อบ้านเมือง โดยข้อความที่ “อดีตแอร์คาเธ่ย์” โพสต์ มีดังนี้
จากการกล่าวพาดพิงถึงกรณีแอร์คาเธ่ย์ฯ กับกรณีคุณชัย ราชวัตร นั้น ฉันจะขอเรียนให้ทุกท่านเข้าใจว่า การตัดสินใจลาออกจากสายการบินคาเธ่ย์ฯ นั้น เป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อองค์กรที่ฉันทำงานมานาน 24 ปี และเพื่อลดแรงกดดันที่มาจากการใช้อำนาจเถื่อนทางการเมือง คุกคามการทำธุรกิจของสายการบิน เพียงเพื่อจะบีบบังคับคนที่แสดงความเห็นทางการเมืองที่แตกต่างให้หมดทาง
กรณีของ คุณชัย ราชวัตร นั้นฉันยกย่อง และให้กำลังใจคุณชัย ราชวัตร ที่แสดงจุดยืนของตัวเองต่อชาติบ้านเมืองอย่างกล้าหาญ ซึ่งมักจะเป็นที่หวาดกลัวของพวกคนชั่วที่ไม่หวังดีต่อประเทศชาติ เป็นธรรมดา
การออกมาเรียกร้องให้ คุณชัย ราชวัตร แสดงความรับผิดชอบต่อสังคม ฉันเห็นว่า พวกคุณควรจะไปเรียกร้องให้นักโทษชาย ที่ถูกตัดสินคดีมีโทษจำคุก และหนีคดีไปสร้างความเดือดร้อนวุ่นวายให้แก่ประเทศชาติชาติอยู่ทุกวันนี้ ให้กลับมาแสดงความรับผิดชอบต่อบ้านเมืองบ้างจะดีกว่านะคะ
อย่าเอากระโปรงแอร์คาเธ่ย์ฯ ไปแอบอ้างด้วยความเคยชินเลย กระโปรงของฉันไม่ได้มีไว้คลุมหัวใครทั้งนั้น แม้แต่ ทรราชขายชาติเลวทราม ก็ไม่มีสิทธิมาแตะต้องกระโปรงอันมีเกียรติของพวกเรา ประเทศนี้ มีนักการเมืองเลว กำลังอาศัยเกาะชายกระโปรงของผู้หญิงโง่ๆ คนหนึ่ง หากิน โกงชาติ กอบโกย เอาผลประโยชน์ของชาติไปอย่างหน้าด้านๆ ทำให้ผู้หญิงโง่คนหนึ่ง กลายเป็น “หญิงชั่ว” ถูกสังคมตราหน้าว่า “ขายชาติ” นี่ต่างหากที่เป็นการดูถูกเพศแม่
ลูกทรราช ที่เติบโตมาในครอบครัวที่มีแต่คนจิตใจสกปรก โสมมไปด้วยกิเลส มีแต่ความเห็นแก่ตัว ย่อมไม่เข้าใจ และแยกแยะไม่ออกว่าอะไรดีอะไรชั่ว รวมทั้งพวกสุนัขรับใช้ ที่คอยเสี้ยมสอน สนับสนุนอาศัยชื่อของนาย ออกมาทำความเดือดร้อนเสียหายให้แก่บ้านเมือง เพื่อหวังลาภยศนั้น คงไม่เคยตระหนักถึงผลกรรมที่พวกมันจะได้รับ
ฉันแน่ใจว่าอีกไม่นาน คนชั่วก็จะแพ้ภัยตัวเอง เพราะกรรมชั่วที่ทำนั้นจะกลับมาสนองผู้ที่ทำอย่างแน่นอน
คนดีที่รักชาติบ้านเมือง ที่ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมก็อย่าได้ท้อถอย เพราะความดีที่แท้จริงนั้นย่อมส่งผลเป็นความดีแก่ผู้กระทำเช่นกัน
----------------------
(ล้อมกรอบ) หน้า 11
4 ข้อต้องรู้ โพสต์วิพากษ์ “ปู” อย่างไรให้ไม่เสี่ยงโทษหมิ่น
(โปรยดำ) ทันทีที่ รมว.ไอซีทีประกาศเอาผิดเว็บไซต์ที่โพสต์ข้อความดูหมิ่นนายกฯ ปู “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” พร้อมระบุว่า จะสั่งระงับเว็บไซต์ทันที แถมจะลงโทษปรับ 2 หมื่นบาท จำคุกอีก 1 ปี ชาวออนไลน์หลายคนตื่นตัวพร้อมตั้งคำถามว่าแล้วจะโพสต์อย่างไรให้ไม่ให้เข้าข่ายหมิ่น? รวมถึงคำถามคาใจว่าถ้าเป็นการโพสต์บนเฟซบุ๊กแล้วไอซีทีไทยจะระงับเฟซบุ๊กได้จริงหรือ?
คำถามเหล่านี้ได้รับคำตอบจาก “ไพบูลย์ อมรภิญโญเกียรติ” ที่ปรึกษากฎหมาย สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ ซึ่งฟันธงว่าคำขู่ของ รมว.ไอซีที เป็นเรื่องที่ไม่ถูกหลักการ ขณะที่ชาวออนไลน์จะต้องระวังเรื่องการส่งต่อเรื่องราวที่เข้าข่ายหมิ่นให้ดี ทั้งภาพตัดต่อ และการรีทวีต (retweet) ข้อความที่ไม่เป็นความจริง
(ตัวดำ) 1. วิจารณ์ผลงานไม่หมิ่น
นายกรัฐมนตรีนั้นมีสถานะเหมือนบุคคลทั่วไป การวิจารณ์ผลงาน หรือการดำเนินงานต่างๆ ที่พูดถึงประโยชน์ประเทศชาตินั้นสามารถทำได้ แต่การใส่ความ และการว่าร้าย วิจารณ์นิสัยว่าเป็นแบบนั้นแบบนี้โดยที่ไม่เป็นจริง จะถือว่าหมิ่นประมาท
สรุปคือ ความผิดหมิ่นประมาทจะเกิดขึ้นเมื่อมีการพูดถึงพาดพิงให้เสียหาย หรือมีการใส่ความที่ไม่เป็นความจริงให้เสียหายเท่านั้น
แต่หากเป็นคดีหมิ่นประมาทขึ้นมาจริง ไอซีทีก็จะไม่มีอำนาจสั่งระงับเว็บไซต์เพราะคดีหมิ่นประมาทไม่เข้าข่าย พ.ร.บ.ความผิดทางคอมพิวเตอร์ ซึ่งตามหลักการแล้ว กระทรวงไอซีที จะมีอำนาจปิดกั้นเว็บไซต์ได้เมื่อพบความผิดหมิ่นสถาบันฯ เท่านั้น เท่ากับว่าคำพูดของ รมว.ไอซีที “ยังไม่ตรงหลักวิชาการ”
ดังนั้น ถ้าเป็นการวิจารณ์ของสื่อมวลชน กฎหมายมาตรา 329 จะคุ้มครองเพราะเป็นข้อยกเว้นของสื่ออยู่แล้วที่ต้องติชมทั่วไป และนำเสนอข่าวเชิงวิชาการ ดังนั้น ถ้ามีการวิจารณ์ก็จะต้องมีการพิจารณาว่าเป็นสื่อมวลชนหรือไม่
(ตัวดำ) 2.ต้องระวังภาพตัดต่อ
ในขณะที่คดีหมิ่นประมาททั่วไปไม่เข้าข่าย แต่ “การตัดต่อภาพ” จะเข้าข่ายมีความผิดตาม พ.ร.บ.ความผิดทางคอมพิวเตอร์โดยตรง ซึ่งจะครอบคลุมทั้งการตัดต่อภาพจากผิดเป็นไม่ผิด หรือไม่ผิดเป็นผิด ทุกรูปแบบมีความผิด
ความผิดหมิ่นประมาทที่มีผลทาง พ.ร.บ.ความผิดคอมพิวเตอร์ คือ ความผิดที่เข้าข่ายมาตรา 14 (1) เท่านั้น โดย มาตรา 14 (1) แห่ง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2550 มีสาระสำคัญว่าการนำข้อมูลอันเป็นเท็จ คือ ข้อมูลที่เป็นเรื่องไม่จริงทั้งหมด หรือไม่จริงเพียงบางส่วนเข้าสู่คอมพิวเตอร์ แล้วทำให้บุคคลอื่นเกิดความเสียหาย ล้วนเป็นความผิด
ซึ่งการตัดต่อรูปจะเข้าข่ายความผิดนี้โดยตรง และการเผยแพร่ภาพให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย หรืออับอาย จะมีความผิดตาม ม.16 ขณะที่การโพสต์ข้อความตามกระทู้ต่างๆ ที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสม เป็นเท็จ ก็จะผิดตาม ม.14 นี้ด้วย
(ตัวดำ) 3.จะแชร์หรือรีทวีตต้องให้มั่นใจ
จุดที่ประชาชนต้องระวัง คือ การ retweet หรือการแชร์ข้อความและภาพต่อ เพราะหากไม่มั่นใจว่าข้อความ หรือภาพนั้นเป็นความจริงก็อาจมีความผิดฐานเผยแพร่
โทษของผู้ทำซ้ำ และเผยแพร่จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ทั้งนี้ ต้องพิจารณาเจตนาของผู้กระทำเป็นหลัก เพราะกรณีที่เป็นความผิดอาญานั้นต้องเป็นการกระทำโดยเจตนา หากเป็นการเก็บข้อมูลปกติไว้ในคอมพิวเตอร์ไม่จัดอยู่ในกรณีทำซ้ำ
นอกจากนี้ ในกฎหมายอาญาก็ไม่มีบทบัญญัติให้ฝ่ายบริหารมีอำนาจในการปิดบล็อกเว็บไซต์ แต่ต้องให้ไอซีทีส่งเรื่องให้ศาลเป็นผู้สั่งการเท่านั้น
(ตัวดำ) 4.แตะต้อง (เฟซบุ๊ก) ไม่ได้
สิ่งที่ชาวออนไลน์ควรรู้ คือ เฟซบุ๊กยึดกฎหมายสหรัฐอเมริกาเป็นหลักปฏิบัติ เฟซบุ๊กจึงเลือกระงับเฉพาะเพจที่มีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และการก่อการร้ายเท่านั้น ที่ผ่านมา เฟซบุ๊กยังไม่ดำเนินการปิดเพจที่เข้าข่ายหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์แม้จะมีคำสั่งจากศาลไทย เนื่องจากคำสั่งจากศาลไทยจะถือเป็นเอกสารขอความร่วมมือที่ไม่มีผลลงโทษใดๆ
ในกรณีของคำวิจารณ์นายกฯ ปู บนเฟซบุ๊ก หาก รมว.ไอซีที พบข้อความหมิ่นประมาทบนเฟซบุ๊กก็จะไม่มีอำนาจสั่งระงับเพจบนเฟซบุ๊กใดๆ สิ่งที่ทำได้ คือ การบล็อกไม่ให้เปิดชมเพจจากประเทศไทย ซึ่งขั้นตอนที่ถูกต้องคือ ต้องรอให้ศาลตัดสินมูลฟ้อง และออกคำสั่งศาลตามมา แปลว่าฝ่ายบริหารจะไม่มีอำนาจในการตัดสินใดๆ
ความจริงเรื่องคำพูดหมิ่นประมาท
- คำว่าผีเปรต ผีปอบ ไม่ใช่การใส่ความผู้อื่นเพราะเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ (เทียบเคียง ฎ.200/2511)
- คำว่า ชาติหมา ไอ้ควาย ไอ้สัตว์ เป็นคำด่า ไม่ใช่หมิ่นประมาท (เทียบเคียง ฎ.481/2506) โดยหากคำด่า มีคำหมิ่นประมาทรวมอยู่ด้วยจะถือว่ามีความผิด
- คำว่า กะหรี่ หรือ บ้ากาม เป็นคำพูดบรรยายความประพฤติเสื่อมเสียในทางประเวณี มีความผิดหมิ่นประมาท
- ถ้าจำเลยพูดว่า โจทก์เป็นคนชาติหมา เลวยิ่งกว่าหมา จะไม่เข้าข่ายหมิ่นประมาท เพราะไม่ได้ทำให้เข้าใจว่าเลวอย่างไร (เทียบเคียง ฎ.481/2506)
- คำพูดหมิ่นประมาทอาจจะเป็นประโยคคำถามก็ได้ ถ้าคำถามนั้นทำให้บุคคลอื่นเข้าใจผิด และทำให้บุคคลนั้นเสื่อมเสียชื่อเสียง หรือเสียหายไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง