ASTVผู้จัดการรายวัน - ทนไม่ไหว! คนดังรุมประณามผู้นำหญิงประจานประเทศตัวเอง “ลีน่า จัง” จวก “อีด...อก เดินแบบ-ขายชาติ” ผู้สื่อข่าวอาวุโสย้ำ “อีตัวชั่วร้ายที่แท้จริง” อดีตผู้พิพากษา เฟซ “ปัญญาอ่อน! ด่าประเทศ” ปชป.ร่อน จม.แจงมองโกเลียอัด “ปู” ให้ร้ายชาติ “ขณะที่ 58 ส.ว.” จี้ใส่ร้ายข้อหาหนัก ต้องขอโทษประชาชน แจง 4 กมธ. เสื้อแดงบุกไทยรัฐ-พท.ซัด “ชัย ราชวัตร” ร้อน!ปม “กะหรี่”
วานนี้ (2 พ.ค.) จากกระแสสุนทรพจน์ ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งมีต่อที่ประชุมประชาคมประชาธิปไตย ณ ประเทศมองโกเลีย เมื่อวันที่ 29 เมษายน ที่ผ่านมา ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับความไม่เป็นประชาธิปไตย อันเนื่องมาจากรัฐประหารในปี พ.ศ.2549 และนำมาสู่การสูญเสียชีวิตของกลุ่มผู้ชุมนุมที่ต้องการรักษาไว้ซึ่งประชาธิปไตยทั้ง 91 ศพ นั้น ได้กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง
วันเดียวกันจากกรณีนี้ ทำให้มีประชาชนคนไทยผู้รักชาติออกมาแสดงความคิดเห็นต่อ “ปาฐกถาเนรคุณชาติ” ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กันอย่างเผ็ดร้อน เช่น
นายโสภณ องค์การ ผู้สื่อข่าวอาวุโส และนักจัดรายการวิทยุ-โทรทัศน์ชื่อดัง จากค่ายเอเอสทีวี ได้โพสต์ข้อความตำหนิในเฟซบุ๊กส่วนตัว @Sopon Onkgara โดยโพสต์เป็นภาษาอังกฤษ แปลเป็นไทยว่า
“ต้องประเมินหญิงคนชั่วนางนี้อีกครั้งหนึ่งซะแล้ว เพราะความเสื่อมเสียที่เกิดนั้นชัดเจน และมากเกินกว่าภาพความซื่อตรง ไร้เดียงสา โง่งมงายที่ปรากฏต่อสาธารณชน
ลึกๆ แล้ว นางคนนี้มีจิตใจที่อุบาทว์ชาติชั่ว มีแผนการอันชั่วร้าย ซ่อนความอำมหิตไว้ภายใน ซึ่งสามารถบรรยายได้อย่างสมบูรณ์ในตัวเองว่า นางคนนี้เป็น “อีตัวชั่วร้ายที่แท้จริง” ซึ่งมีหน้าตา
ซึ่งไม่ใช่แค่สามารถตอแหล ตาใส ได้เท่านั้น แต่ด้วยใบหน้าฉาบยิ้ม และความกล้า ซึ่งเราไม่สามารถปรามาสระดับความปลิ้นปล้อนขายชาติของนางได้
ความหน้าด้านไร้ยางอายของนางซึ่งสามารถโกหกได้ในเวทีนานาชาติ กับการประชุมระดับนั้น เป็นสิ่งที่ไม่สามารถบรรยายได้เลย
นางได้สร้างความเสียหายให้แก่ชาติบ้านเมืองของเราเป็นอันมาก เหนือระดับของบรรพบุรุษของนาง หญิงชั่วร้ายนางอื่นในอดีตที่เคยทำไว้ ความชั่วร้ายของหญิงคนนี้ทำให้คนอื่นๆ กลายเป็นแค่มือสมัครเล่น (เมื่อเทียบกับความเหี้ยของนาง) เพราะหญิงคนชั่วนางนี้ยังคงหลงระเริงในอำนาจ และความอยากได้อยากมีโดยไร้สติของนาง
และหากไม่มีใครยับยั้งนางได้ ประเทศไทยก็ไม่อาจยืนหยัดอยู่ได้ เสมือนหนึ่งซากปรักหักพัง และถูกทำลายไปในที่สุด”
ขณะที่รายการโทรทัศน์ผ่านดาวเทียว “HOT NEWS” ของนางลีน่า จังจรรจา หรือ ลีน่า จัง ที่โพสต์คลิปของตัวเองออกมาสู่สาธารณะผ่านทางยูทิวบ์ มียอดวิวสูงกว่า 4,000 วิว และมีคนเข้ามาแสดงความเห็นกันอย่างเผ็ดร้อน เช่น “อีด...เดินแบบ” “ไสหัวไป” “สารเลว” โดยมีภาพนายกรัฐมนตรีปรากฏชัดเจน และพูดในลักษณะเดียวกันหลายครั้ง
อีกคน นายไพวรินทร์ ขาวงาม กวีซีไรต์ ปี 2538 เขียนกวีออกมาเพื่อระบายความในใจว่า “คุณคร่ำครวญแต่ความเจ็บปวดที่ครอบครัวคุณได้รับ แต่ให้ร้ายประเทศชาติ และใส่ร้ายว่ามีฝ่ายต่อต้านประชาธิปไตย ประเด็นไม่ได้อยู่แค่เพียงคุณควรพูด/ไม่ควรพูด เรื่องรัฐประหารมันเป็นข้อเท็จจริง ถ้าต้องพูดมันก็พูดได้!
ปัญหามันยังอยู่ที่ “ฐานะผู้พูด” และ “ท่าทีเจตนาในการพูด” คุณเป็นนายกฯ ที่อ้างว่าจะดูแลแก้ไขปัญหาบ้านเมือง คำพูดคร่ำครวญของคุณแทนที่จะงดงามทรงพลัง กลับแสดงความอ่อนแอ เห็นแก่ตัว และขยายความแตกแยก! คุณบอกว่าพูดความจริง แต่คุณพูดความจริงด้านเดียว ด้านที่คุณจะได้จากการฟ้องชาวโลกว่าพี่ชายคุณถูกรังแก คุณบอกว่าพูดความจริง แต่คุณบิดเบือนความจริงด้วย ตรงนี้น่าเกลียดน่ากลัวยิ่งสำหรับปากที่คร่ำครวญหาความยุติธรรม!
คุณก็ไม่ได้พูดว่า...พี่ชายคุณเริ่มต้นจากคณะรัฐประหาร รสช.? พี่ชายคุณหนีคดีทุจริตคอร์รัปชันบ้านเมือง? พี่ชายคุณโฟนอินสั่งโน่นสั่งนี่ ทั้งเหตุการณ์ ๒๕๕๒, ๒๕๕๓? แม้กระทั่ง...พี่ชายคุณยังแทรกแซงการบริหารประเทศของคุณเอง?!”
**อดีตผู้พิพากษา ย้ำ ปัญญาอ่อน! ด่าประเทศ
ส่วนที่หน้าเพจเฟซบุ๊ก Chuchart Srisaeng ของนายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา ได้โพสต์ข้อความแสดงความเห็นว่า เป็นการขาดความเข้าใจหลักปกครอง ยก รธน. แจง ศาล รธน. เป็นหนึ่งในอำนาจอธิปไตยตามระบอบ ปชต. ไม่ใช่แค่องค์กรอิสระ เชื่อ ขี้ข้า ทักษิณ จงใจบิดเบือน สร้างความชอบธรรม ไม่รับอำนาจศาล หวังเปลี่ยนที่มาเพื่อควบคุม
....กรณีที่มีคนปัญญาอ่อนไปอ่านข้อความที่มีผู้เขียนด่าประเทศตัวเองให้ชาวโลกฟังจนเป็นน่าเวทนาสำหรับคนไทยที่ยังมีจิตวิญญาณเป็นไทย และรักประเทศไทยดังที่ทราบกันแล้วนั้น
....ข้อความที่อ่านไปนั้นมีกล่าวด้วยว่า องค์กรอิสระทำงานเกินหน้าที่ แต่ถ้าพิจารณาถึงเหตุการณ์ที่เป็นอยู่ในประเทศไทยขณะนี้ที่รัฐบาล และรัฐสภากำลังมีข้อขัดแย้งกับศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ได้มีข้อขัดแย้งกับองค์กรอิสระใดๆ ข้อความที่กล่าวนั้นน่าจะหมายความถึงศาลรัฐธรรมนูญ
....ขอให้ทราบกันว่า ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลยุติธรรม และศาลปกครอง ไม่ได้เป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ
....รัฐธรรมนูญทุกฉบับ รวมทั้งฉบับปัจจุบันบัญญัติไว้ในมาตรา ๓ ว่า “อํานาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุข ทรงใช้อํานาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้”
....ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญดังกล่าวมีความหมายชัดเจนว่า ศาลจึงเป็นผู้ใช้อำนาจอธิปไตยในทางตุลาการ หรือการพิจารณาพิพากษาคดี มีฐานะเท่าเทียมกับรัฐสภาที่เป็นผู้อำนาจอธิปไตยทางนิติบัญญัติ และคณะรัฐมนตรีที่เป็นผู้ใช้อำนาจอธิปไตยทางบริหาร
....รัฐธรรมนูญมีบัญญัติไว้อีกว่า ..........หมวด 6 รัฐสภา ..........หมวด 9 คณะรัฐมนตรี ..........หมวด 10 ศาล ..........หมวด 11 องค์กรตามรัฐธรรมนูญ ..............ส่วนที่ 1 องค์อิสระตามรัฐธรรมนูญ มี
...................1 คณะกรรมการเลือกตั้ง หรือ กกต. ...................2 ผู้ตรวจการแผ่นดิน ...................3 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ...................4 คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน
....ดังนั้น ที่ผู้เขียนพูดถึงองค์กรอิสระถ้าหมายถึงศาลรัฐธรรมนูญก็แสดงว่า ไม่รู้ถึงหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่ทั่วโลกยึดถือว่า ศาลเป็นผู้ใช้อธิปไตยทางตุลาการ ไม่รู้ถึงบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญของประเทศไทยที่บัญญัติไว้เช่นนี้ทุกฉบับ
หรือถ้ารู้ก็มีเจตนาบิดเบือนให้คนที่ไม่รู้เข้าใจผิดว่า ศาลเป็นเพียงองค์กรอิสระ อันเป็นการลดฐานะการเป็นผู้ใช้อำนาจอธิปไตยให้ตกต่ำลงเพื่อความชอบธรรมในการที่พวกขี้ข้าทักษิณจะไม่ยอมรับอำนาจศาล รวมทั้งการที่จะเปลี่ยนแปลงวิธีการเข้าสู่ตำแหน่งของตุลาการเพื่อพวกมันจะสามารถควบคุมได้
....สำหรับผู้อ่านตามที่ผู้เขียนให้นั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะคงเหมือนกับนกแก้วนกขุนทองที่พูดตามคำที่มีผู้สอนโดยไม่รู้ว่าคำที่พูดหมายความว่าอย่างไร
**เสื้อแดงบุกไทยรัฐ-พท. ซัด “ชัย ราชวัตร”
ที่สำนักพิมพ์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เวลา 13.30 น. กลุ่มเสื้อแดง ประมาณ 100 คน ซึ่งนำโดย นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ชุมนุมเพื่อประท้วงบริเวณหน้าสำนักพิมพ์ พร้อมอ่านแถลงการณ์เรียกร้องให้ผู้บริหารไทยรัฐตรวจสอบการทำงาน และปลด “ชัย ราชวัตร” ในฐานะที่เป็นสื่อมวลชน แต่ขาดจรรยาบรรณ และให้ “ชัย ราชวัตร” กล่าวขอโทษต่อสาธารณะ และต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกพาดพิง และทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้ยื่นคำขาดหากไม่มีความคืบหน้าใดๆ จะรวมตัวกันอีกครั้งเพื่อสอบถามความคืบหน้า
ทั้งนี้ นายประกิต หลิมสกุล ที่ปรึกษากองบรรณาธิการ นสพ.ไทยรัฐ ได้รับหนังสือจากผู้ชุมนุมโดยระบุว่า จะนำเรื่องนี้หารือกับทางผู้บริหารโดยส่วนตัว เห็นว่าการโพสข้อความดังกล่าวในเฟซบุ๊กส่วนตัวของ ชัย ราชวัตร ไม่เชิงเป็นความผิด เพราะเป็นการแสดงความเห็นส่วนตัวทางการเมือง ซึ่งเป็นเสรีภาพในการแสดงความเห็น และเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่พึงกระทำได้ และที่ผ่านมา ชัย ราชวัตร เองก็มีผลงาน และเป็นสื่อมวลชนที่ตรงไปตรงมา เป็นคนดี
ในระหว่างการชุมนุม กลุ่มผู้ชุมนุมได้ชูป้ายข้อความ และปราศรัยผ่านเครื่องขยายเสียง กล่าวโจมตีมีการวางพวงหรีด ซึ่งมีข้อความไว้อาลัย ก่อนเทน้ำปลาร้าบรรจุขวดพลาสติกลงบนพวงหรีด
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ความจริง ท่าที ของนาย ชัย ราชวัตร ก็อยู่ตรงกันข้ามกับฝ่ายประชาธิปไตยก้าวหน้าอยู่ตลอด แต่ไม่คิดว่าครั้งนี้ จะขาดสติอย่างเฉียบพลัน รุนแรง ถึงขั้นใช้ถ้อยคำที่รุนแรง เถื่อน ถ่อย ไม่ให้เกียรติผู้นำประเทศของตนเอง และเป็นผู้นำผู้หญิง เท่ากับดูหมิ่นเพศแม่ของตัวเอง พรรคเพื่อไทยขอประณาม
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเกมการเมือง เพราะปาฐกถาของนายกฯ เป็นการพูดความจริงในภาพรวม ไม่ได้กล่าวหากลุ่มใดกลุ่ม
**จ่อเรียกปูแจง “58 ส.ว.” แถลงจี้ขอโทษ
ที่รัฐสภา กลุ่ม ส.ว. จำนวน 58 คน ในนาม “ส.ว.ผู้รักชาติ” ได้ร่วมกันออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวขอโทษต่อประชาชนจากกรณีปาฐกถาพิเศษ ที่ประเทศมองโกเลีย เมื่อวันที่ 29 เม.ย. พร้อมกับจะเชิญมาชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญประจำวุฒิสภา จำนวน 4 ชุด ได้แก่ 1.กมธ. ต่างประเทศ 2.กมธ.ศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรม 3.กมธ.สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค 4.กมธ.การศึกษา ตรวจสอบเรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา
ด้าน พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สว.สรรหา กล่าวว่า ในขั้นตอนนี้จะยังไม่เชิญนายกรัฐมนตรีมาชี้แจงด้วยการใช้อำนาจ พ.ร.บ.คำสั่งเรียกของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา พ.ศ.2554 โดยจะทำเป็นจดหมายเชิญไปก่อน แต่หากเชิญไปแล้วยังไม่ได้รับการตอบรับก็เตรียมพิจารณาต่อไปว่าจะดำเนินการ
**ปชป. ร่อนจดหมายถึงผู้นำมองโกเลีย
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์อยากให้นายกฯ ออกมารับผิดชอบกับการกล่าวสุนทรพจน์ ใน 3ประเด็นคือ 1.นายกฯ ต้องขอโทษ นางนิชา หิรัญบูรณะ (ธุวธรรม) ภรรยาของ พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม ที่ออกมาเรียกร้องให้นายกฯ เลิกนับการเสียชีวิตของ พล.อ.ร่มเกล้า อยู่ในกลุ่มผู้เสียชีวิต 91 ศพ ที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย เพราะ พล.อ.ร่มเกล้า ไม่ได้เรียกร้องประชาธิปไตย แต่ออกมาปกป้องประชาธิปไตย
2.นายกฯ ต้องรับผิดชอบในเหตุการณ์ความรุนแรงที่จะตามมา หลังจากที่กลุ่มคนเสื้อแดงประกาศยกระดับการชุมนุม ในวันที่ 8 พ.ค. เป็นการทำตามสัญญาณของนายกฯ ที่กล่าวที่ประเทศมองโกเลีย และ 3.อยากให้คนเสื้อแดงตาสว่างเกี่ยวกับการที่รัฐบาลจะผลักดันร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ฉบับของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เพราะคนแรกที่จะได้ประโยชน์คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถ้าไม่มีชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็อย่าหวังเลยว่า ใครจะได้ผลบุญจากกฎหมายนี้ แสดงว่าสิ่งที่คนเสื้อแดงสู้มาตลอด ไม่ได้สู้กับอำมาตย์ หรือสู้เพื่อประชาธิปไตย แต่สู้เพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เดินสุดซอย ได้กลับบ้าน และได้รับเงินคืน
ส่วนความคืบหน้าในการร่างจดหมายเปิดผนึกชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกล่าวสุนทรพจน์ ขณะนี้ได้ร่างหนังสือไว้ในระดับหนึ่งโดยมีเนื้อหารวม 3 หน้ากระดาษ แต่อยู่ระหว่างการปรับปรุงให้กระชับขึ้น ส่งไปยังประธานาธิบดีมองโกเลีย ในฐานะประเทศเจ้าภาพจัดการประชุม ทั้งนี้ เนื้อหาในจดหมายเปิดผนึกจะเป็นการชี้แจงข้อเท็จจริง และปฏิเสธสิ่งที่นายกฯ พูดให้ร้ายประเทศ คือ พรรคประชาธิปัตย์ จะยืนยันว่าในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ มีการทุจริตคอร์รัปชัน ทั้งเชิงนโยบาย การลุอำนาจ แทรกแซงองค์กรอิสระ ใช้อำนาจปกครอง ละเมิดผู้อื่น การบริหารราชการแผ่นดินแบบไม่เป็นประชาธิปไตย และจะชี้ให้เห็นถึงการปฏิวัติ ในปี 2549 เป็นเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเงื่อนไขให้ประชาชนออกมาเผชิญหน้า และจะพูดถึงการตัดสินคดีที่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยจะยืนยันว่า ไม่มีการใช้สองมาตรฐานอย่างที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวอ้าง และเหตุการณ์การณ์การชุมนุมปี 53 สุดท้ายแกนนำเสื้อแดงได้รับการปูนบำเหน็จนั่งเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์
**รับถก “เหลิม” ดัน กม.ปรองดองแล้ว
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี อ้างว่า ได้พูดคุยกับพรรคประชาธิปัตย์ เกี่ยวกับการเสนอร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง แล้วว่า การพูดคุยไม่ได้หมายความว่าจะเห็นด้วย ร.ต.อ.เฉลิม เจอกับตนหลายครั้ง โดยบอกว่า มี 6 มาตรา สามารถแก้ปัญหาให้ทุกฝ่าย แต่ตนบอกไปว่า ตนไม่มีปัญหา ถ้ามีความจำเป็นก็พร้อมขึ้นโรงขึ้นศาลพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ไม่ได้ต้องการการนิรโทษกรรมใดๆ ทั้งสิ้น
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน กล่าวถึงกรณีอ้างว่า กม.ปรองดองจะได้ประโยชน์กันทุกฝ่าย และพูดคุยกับทุกฝ่ายแล้วยกเว้นตนเพียงคนเดียวที่คุยยากว่า ร.ต.อ.เฉลิม อาจหารือกับหลายฝ่ายมาบ้างก็เป็นเรื่องที่จำเป็น และเป็นเรื่องที่ดี ที่ต้องรับฟังความเห็นทุกฝ่าย แต่คงไม่ได้หมายความว่าทุกคนคุยแล้วจะต้องเห็นตาม ร.ต.อ.เฉลิมกันหมด เพราะหลักคิดนิรโทษกรรมของ ร.ต.อ.เฉลิม และรัฐบาล มุ่งหมายล้างความผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นหลัก โดยพยายามเล่นงานฝ่ายตรงข้ามเพื่อบีบให้เข้าสู่กระบวนการนิรโทษกรรม และคงไม่มีใครหลงไปติดกับดักกับแผนการนี้ เพราะนอกจากจะไม่นำไปสู่การปรองดองที่แท้จริงแล้ว ยังเป็นการซ้ำเติมความแตกแยกทำลายหลักนิติรัฐ และถ้าร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้เข้าสภา ตนฟันธงว่าจะนำไปสู่ความแตกแยก และการเผชิญหน้าอีกครั้ง และไม่ใช่ตนเพียงคนเดียวที่ค้าน ถ้าอยากรู้ว่ามีกี่คน ก็ลองเอาเข้าสภาดู ร.ต.อ.เฉลิม ก็จะเห็นเอง