**ออกแอ็กชั่นผลักดัน“ร่างพ.ร.บ.ปรองดองฯ”กันสุดลิ่ม สำหรับ”รองฯเหลิม”ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี หลังจากยึกๆ ยักๆ ปล่อยของกันมาตั้งแต่ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง เมื่อปี 2554 กระทั่งอยู่ในตำแหน่งตลอดระยะเวลาสองปี ก็ได้แต่พล่ามว่าของตัวเองดีเลิศประเสริฐศรีกว่าของคนอื่นๆ ที่เคยทำกันมา
ไล่เรียงตั้งแต่สมัย“เสี่ยไก่" วัฒนา เมืองสุข ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นโต้โผใหญ่ร่วมกับ“บิ๊กบัง”พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคมาตุภูมิ และอดีตประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ร่วมกันดันร่าง พ.ร.บ.ปรองดองฯ ที่มีผลวิจัยจากทีมงานสถาบันพระปกเกล้า เป็นข้อมูลอ้างอิง
หรือร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับของ นายอุกฤษ มงคลนาวิน ประธานคณะกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติ (คอ.นธ.) ร่าง พ.ร.ก.นิรโทษกรรม ฉบับแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าด้วยการนิรโทษกรรม ฉบับนิติราษฎร์ ที่ดันๆ กันมานำเสนอ
**“รองฯเหลิม”ก็ส่ายหน้า แถมยังแอบๆ เกทับว่า “ร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง”ของตัวเองเจ๋งกว่า
เรื่อยมาถึง ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับ วรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และส.ส.อีก 42 คน เสนอต่อสภาฯ "เหลิม"ก็ยังมองว่า ยิ่งจะทำให้บ้านเมืองระอุ ยังมีข้อบกพร่องหลายอย่าง สู้ร่าง พ.ร.บ.ปรองดองฯ ของตัวเองไม่ได้
ขมวดความง่ายๆ คุยโวโอ้อวดสรรพคุณของตัวเองดีกว่ามาตลอด แต่ไม่ทำเสียที เพิ่งจะมีคืบหน้าเป็นกิจลักษณะ ก็เมื่อการประชุมสภาสมัยสามัญนิติบัญญัติเพิ่งปิดไปเมื่อกลางเดือนเมษายนนี่เอง
แถมออกตัวแรง ปล่อยของกันรายวัน ร่างที่เคยอวดอ้างความพิเศษนักพิเศษหนา วันนี้ได้เห็นกันล่อนจ้อนทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว มีทั้งหมด 6 มาตรา
พลิกๆ อ่านไปมาทั่วๆ เนื้อหาใจความก็คุ้นๆ ไม่แตกต่างจากของคนอื่นๆ ที่เคยเปลือยกึ๋นประเคนเสนอกันมาก่อนหน้านี้แล้ว
เพียงแต่ของตัวเองมีเหตุและผลฟังดูระรื่นหู น่าสนใจเท่านั้น ทั้งเหตุผลเรื่องที่มาของชื่อ “ร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง”ที่เจ้าตัวอธิบายว่า ไม่ต้องการใช้คำว่า “นิรโทษกรรม”เนื่องจากคำดังกล่าว หมายถึงการล้างผิดให้กับคนที่มีความผิดติดตัวมาแล้ว และได้รับการอภัยด้วยกฎหมาย
แต่คำว่า“ปรองดอง”หมายถึง“โมฆะ”ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นตั้งแต่เหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 จนถึงกฎหมายดังกล่าวบังคับใช้ในราชกิจจานุเบกษา หรือเข้าใจง่ายๆ คือ คนที่เคยถูกกล่าวหา ถูกศาลพิพากษา กำลังขึ้นโรงขึ้นศาล คนที่เคยรับโทษ ฯลฯ สารพัดสีเสื้อ ให้ถือว่า คนพวกนี้ไม่เคยมีความผิดติดตัว เนื่องจากในช่วงดังกล่าวเกิดความขัดแย้งในบ้านเมือง
**แถมไม่มีการระบุลึกไปถึง“คตส.”เหมือนกับร่างของ“เสี่ยไก่ + บิ๊กบัง”
เรียกว่า ฟังดูแล้วเท่ อ่านแล้วดูดี เหมือนเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันทุกฝ่าย แต่เมื่อร่างกฎหมาย ขยายไว้ครอบจักรวาลกันอย่างนี้ “นายใหญ่”ก็ได้กันแบบเต็มเปา !!
เพราะการไม่ระบุจำเพาะเจาะจงว่าใครจะได้บ้าง แต่ให้เหมารวมกันในเข่งเดียวกันไปเลย หากเป็นเช่นนี้แม้”รองฯเหลิม”จะบอกปัดเมื่อถูกถามยัดว่า “นายใหญ่” พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะได้ด้วยหรือไม่
แต่ใครจะไม่รู้ เพราะคดีของ“ทักษิณ”เกิดขึ้นหลังช่วงเหตุการณ์รัฐประหารไม่รู้จะกี่คดีต่อคดี
ตามคิวแหวะไส้ออกมา เป้าหลักก็ “นายใหญ่”น่ะแหละเต็มๆ ที่ได้ คนอื่นเป็นเพียงเหตุผลประกอบเท่านั้น !!
อย่างไรก็ตาม ดูปฏิกิริยา”รองฯเหลิม”ในช่วงนี้ที่มั่นอกมั่นใจเหลือเกินว่า อย่างไรใครก็เอาด้วย ถึงขั้นจะดันเข้าสภาฯ ในการประชุมสภาสมัยวิสามัญทั่วไปในเดือนสิงหาคมนี้เลย ชนิดฟิตจัด อาจพิจารณากัน 3 วาระรวด
เรื่องของเรื่อง เป็นเพราะตั้งแต่ร่อนข้อเสนอออกมาผ่านสื่อชนิดโหมโรงประโคมปี่พากย์อย่างหนัก ยังไม่เห็นมีใครหน้าไหนออกมาค้านเลยสักคน โดยเฉพาะบรรดาพวกแนวต้านทั้งหลาย
**“หัวหมู่ฝั่งธน”ก็เลยคึกผยอง คะนองหนัก ว่า งานนี้มีลุ้น !!
ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงว่ากันตามไทม์มิ่งในปัจจุบันที่ยังไม่มีใครออกมาคัดค้านมากนัก เพราะวันนี้หนักๆ สายทุกคู่ยังจับจ้องไปที่เรื่องการ “แก้ไขรัฐธรรมนูญ” ที่คุกรุ่นกันอยู่ ระหว่างอำนาจ 3 ขา บริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ รวมทั้ง บรรดาแนวร่วมฝ่าย“บริหาร + นิติบัญญัติ”อย่างกลุ่มคนเสื้อแดงที่เหิมๆ กดดันศาลรัฐธรรมนูญกันอยู่ตอนนี้
แต่ ร่างพ.ร.บ.ปรองดองฯ ของ ”รองฯเหลิม” มันยังเป็นนามธรรม ยังแตะต้องไม่ได้ มีแต่กระดาษและเนื้อหา รวมถึงผู้สนับสนุนส่วนหนึ่งของพรรค ยังไม่ใช่มติพรรค !!
มีแต่ ส.ส.อีสานคนหนึ่ง ที่ “เสธ.เปีย”พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ออกมาแฉว่า เป็นตัวปล่อยข่าวในที่ประชุมพรรคที่“นายใหญ่” สไกป์มาอ้างว่ามีการเยินยอกฎหมายของ”รองฯเหลิม”มีเนื้อหาที่“สุดซอย”ดีกว่าของ“วรชัย”และพร้อมจะหนุนเต็มที่
ตามเนื้อผ้าที่ออกมา เบิ้ลบลั๊ฟกฎหมาย “วรชัย”ที่เน้นหนักในการช่วยเหลือกลุ่มคนเสื้อแดง ยกเว้นแกนนำกลุ่ม และผู้สั่งการกันไปเลย
จับจังหวะ “เหลิม บางบอน”งวดนี้ เดินเครื่องเต็มที่ ปั้นผลงานกันสุดฤทธิ์ ตามเหลี่ยมคูคนการเมือง ก็อ่านกันได้ว่า หวังสร้างผลงานเอาใจ“นายใหญ่”
เพราะต้องไม่ลืมว่า ช่วงที่ผ่านมา“รองฯเหลิม”ตกเป็นเป้าโดนเพ่งเล็งกันพอสมควร โดยเฉพาะข้อหาเปรียบเปรยอย่าง “พ่อค้าสงคราม”ที่ไม่อยากให้บ้านเมืองสงบ เพราะหากนายใหญ่ได้กลับบ้าน สงครามจบ ตัวเองจะหมดค่า !!
และที่ผ่านมา มีแต่บรรดาคนในพรรคทำ แต่ตัวเองไม่เคยทำ เต็มที่ก็ไปแอ๊คอาร์ต ประกาศบนเวทีปราศรัยจะพา “ทักษิณ”กลับบ้านแค่นั้น ก็เลยโดนมรสุมข้อหาดังกล่าว หนักเข้าไปใหญ่
การมาแอ็กอาร์ต “ร่าง พ.ร.บ.ปรองดองฯ” ที่หวังจะโมฆะกันยกกระบิ จึงเหมาะสมเพราะก็พูดได้ว่า ร่างตัวเองครอบคลุมทุกคน ถึงจะไม่จำเพาะเจาะจงว่ามี “นายใหญ่”อยู่ด้วย แต่ตามเนื้อหา ก็รู้กันดีว่าต้องได้
แถมได้เกทับแบบเนียนๆ “ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม”ของ “วรชัย”ที่เน้นช่วยมวลชน แต่ไม่มี “นายใหญ่”และงานนี้จะไม่ได้หน้าได้อย่างไร เพราะอย่างน้อย “คนดูไบ”ก็เคลิ้มว่า”เหลิม” ทำให้นะ และอยากให้กลับบ้าน !!
ทั้งที่ความเป็นจริง เมื่อถึงเวลาเสนอเข้าสู่สภาฯ จะไปถึงฝั่งฝันหรือไม่ก็ยังไม่รู้ วันนี้ยังมีเพียงแต่คำแอบอ้างว่า คนในพรรคหลายคนยกมือหนุนให้
อีกทั้งพอถึงวันเข้าสภาฯจริงๆ จะมีสักกี่คนเอาด้วย รวมถึงจะมีใครรับประกันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่า บรรดาแนวต้านที่ชิงชัง “ทักษิณ”จะไม่เฮโลกันมา
แถมวัดกันตามเนื้อผ้า เนื้อหาร่างกฎหมายของ “รองฯเหลิม”ดูจะสุ่มเสี่ยงต่อการ“เรียกแขก”กว่าคนอื่นๆ ด้วยซ้ำไป
**มีหรือที่คนอย่าง”รองฯเหลิม”จะไม่รู้เรื่องพวกนี้!!.
ไล่เรียงตั้งแต่สมัย“เสี่ยไก่" วัฒนา เมืองสุข ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นโต้โผใหญ่ร่วมกับ“บิ๊กบัง”พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคมาตุภูมิ และอดีตประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ร่วมกันดันร่าง พ.ร.บ.ปรองดองฯ ที่มีผลวิจัยจากทีมงานสถาบันพระปกเกล้า เป็นข้อมูลอ้างอิง
หรือร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับของ นายอุกฤษ มงคลนาวิน ประธานคณะกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติ (คอ.นธ.) ร่าง พ.ร.ก.นิรโทษกรรม ฉบับแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าด้วยการนิรโทษกรรม ฉบับนิติราษฎร์ ที่ดันๆ กันมานำเสนอ
**“รองฯเหลิม”ก็ส่ายหน้า แถมยังแอบๆ เกทับว่า “ร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง”ของตัวเองเจ๋งกว่า
เรื่อยมาถึง ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับ วรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และส.ส.อีก 42 คน เสนอต่อสภาฯ "เหลิม"ก็ยังมองว่า ยิ่งจะทำให้บ้านเมืองระอุ ยังมีข้อบกพร่องหลายอย่าง สู้ร่าง พ.ร.บ.ปรองดองฯ ของตัวเองไม่ได้
ขมวดความง่ายๆ คุยโวโอ้อวดสรรพคุณของตัวเองดีกว่ามาตลอด แต่ไม่ทำเสียที เพิ่งจะมีคืบหน้าเป็นกิจลักษณะ ก็เมื่อการประชุมสภาสมัยสามัญนิติบัญญัติเพิ่งปิดไปเมื่อกลางเดือนเมษายนนี่เอง
แถมออกตัวแรง ปล่อยของกันรายวัน ร่างที่เคยอวดอ้างความพิเศษนักพิเศษหนา วันนี้ได้เห็นกันล่อนจ้อนทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว มีทั้งหมด 6 มาตรา
พลิกๆ อ่านไปมาทั่วๆ เนื้อหาใจความก็คุ้นๆ ไม่แตกต่างจากของคนอื่นๆ ที่เคยเปลือยกึ๋นประเคนเสนอกันมาก่อนหน้านี้แล้ว
เพียงแต่ของตัวเองมีเหตุและผลฟังดูระรื่นหู น่าสนใจเท่านั้น ทั้งเหตุผลเรื่องที่มาของชื่อ “ร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง”ที่เจ้าตัวอธิบายว่า ไม่ต้องการใช้คำว่า “นิรโทษกรรม”เนื่องจากคำดังกล่าว หมายถึงการล้างผิดให้กับคนที่มีความผิดติดตัวมาแล้ว และได้รับการอภัยด้วยกฎหมาย
แต่คำว่า“ปรองดอง”หมายถึง“โมฆะ”ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นตั้งแต่เหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 จนถึงกฎหมายดังกล่าวบังคับใช้ในราชกิจจานุเบกษา หรือเข้าใจง่ายๆ คือ คนที่เคยถูกกล่าวหา ถูกศาลพิพากษา กำลังขึ้นโรงขึ้นศาล คนที่เคยรับโทษ ฯลฯ สารพัดสีเสื้อ ให้ถือว่า คนพวกนี้ไม่เคยมีความผิดติดตัว เนื่องจากในช่วงดังกล่าวเกิดความขัดแย้งในบ้านเมือง
**แถมไม่มีการระบุลึกไปถึง“คตส.”เหมือนกับร่างของ“เสี่ยไก่ + บิ๊กบัง”
เรียกว่า ฟังดูแล้วเท่ อ่านแล้วดูดี เหมือนเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันทุกฝ่าย แต่เมื่อร่างกฎหมาย ขยายไว้ครอบจักรวาลกันอย่างนี้ “นายใหญ่”ก็ได้กันแบบเต็มเปา !!
เพราะการไม่ระบุจำเพาะเจาะจงว่าใครจะได้บ้าง แต่ให้เหมารวมกันในเข่งเดียวกันไปเลย หากเป็นเช่นนี้แม้”รองฯเหลิม”จะบอกปัดเมื่อถูกถามยัดว่า “นายใหญ่” พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะได้ด้วยหรือไม่
แต่ใครจะไม่รู้ เพราะคดีของ“ทักษิณ”เกิดขึ้นหลังช่วงเหตุการณ์รัฐประหารไม่รู้จะกี่คดีต่อคดี
ตามคิวแหวะไส้ออกมา เป้าหลักก็ “นายใหญ่”น่ะแหละเต็มๆ ที่ได้ คนอื่นเป็นเพียงเหตุผลประกอบเท่านั้น !!
อย่างไรก็ตาม ดูปฏิกิริยา”รองฯเหลิม”ในช่วงนี้ที่มั่นอกมั่นใจเหลือเกินว่า อย่างไรใครก็เอาด้วย ถึงขั้นจะดันเข้าสภาฯ ในการประชุมสภาสมัยวิสามัญทั่วไปในเดือนสิงหาคมนี้เลย ชนิดฟิตจัด อาจพิจารณากัน 3 วาระรวด
เรื่องของเรื่อง เป็นเพราะตั้งแต่ร่อนข้อเสนอออกมาผ่านสื่อชนิดโหมโรงประโคมปี่พากย์อย่างหนัก ยังไม่เห็นมีใครหน้าไหนออกมาค้านเลยสักคน โดยเฉพาะบรรดาพวกแนวต้านทั้งหลาย
**“หัวหมู่ฝั่งธน”ก็เลยคึกผยอง คะนองหนัก ว่า งานนี้มีลุ้น !!
ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงว่ากันตามไทม์มิ่งในปัจจุบันที่ยังไม่มีใครออกมาคัดค้านมากนัก เพราะวันนี้หนักๆ สายทุกคู่ยังจับจ้องไปที่เรื่องการ “แก้ไขรัฐธรรมนูญ” ที่คุกรุ่นกันอยู่ ระหว่างอำนาจ 3 ขา บริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ รวมทั้ง บรรดาแนวร่วมฝ่าย“บริหาร + นิติบัญญัติ”อย่างกลุ่มคนเสื้อแดงที่เหิมๆ กดดันศาลรัฐธรรมนูญกันอยู่ตอนนี้
แต่ ร่างพ.ร.บ.ปรองดองฯ ของ ”รองฯเหลิม” มันยังเป็นนามธรรม ยังแตะต้องไม่ได้ มีแต่กระดาษและเนื้อหา รวมถึงผู้สนับสนุนส่วนหนึ่งของพรรค ยังไม่ใช่มติพรรค !!
มีแต่ ส.ส.อีสานคนหนึ่ง ที่ “เสธ.เปีย”พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ออกมาแฉว่า เป็นตัวปล่อยข่าวในที่ประชุมพรรคที่“นายใหญ่” สไกป์มาอ้างว่ามีการเยินยอกฎหมายของ”รองฯเหลิม”มีเนื้อหาที่“สุดซอย”ดีกว่าของ“วรชัย”และพร้อมจะหนุนเต็มที่
ตามเนื้อผ้าที่ออกมา เบิ้ลบลั๊ฟกฎหมาย “วรชัย”ที่เน้นหนักในการช่วยเหลือกลุ่มคนเสื้อแดง ยกเว้นแกนนำกลุ่ม และผู้สั่งการกันไปเลย
จับจังหวะ “เหลิม บางบอน”งวดนี้ เดินเครื่องเต็มที่ ปั้นผลงานกันสุดฤทธิ์ ตามเหลี่ยมคูคนการเมือง ก็อ่านกันได้ว่า หวังสร้างผลงานเอาใจ“นายใหญ่”
เพราะต้องไม่ลืมว่า ช่วงที่ผ่านมา“รองฯเหลิม”ตกเป็นเป้าโดนเพ่งเล็งกันพอสมควร โดยเฉพาะข้อหาเปรียบเปรยอย่าง “พ่อค้าสงคราม”ที่ไม่อยากให้บ้านเมืองสงบ เพราะหากนายใหญ่ได้กลับบ้าน สงครามจบ ตัวเองจะหมดค่า !!
และที่ผ่านมา มีแต่บรรดาคนในพรรคทำ แต่ตัวเองไม่เคยทำ เต็มที่ก็ไปแอ๊คอาร์ต ประกาศบนเวทีปราศรัยจะพา “ทักษิณ”กลับบ้านแค่นั้น ก็เลยโดนมรสุมข้อหาดังกล่าว หนักเข้าไปใหญ่
การมาแอ็กอาร์ต “ร่าง พ.ร.บ.ปรองดองฯ” ที่หวังจะโมฆะกันยกกระบิ จึงเหมาะสมเพราะก็พูดได้ว่า ร่างตัวเองครอบคลุมทุกคน ถึงจะไม่จำเพาะเจาะจงว่ามี “นายใหญ่”อยู่ด้วย แต่ตามเนื้อหา ก็รู้กันดีว่าต้องได้
แถมได้เกทับแบบเนียนๆ “ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม”ของ “วรชัย”ที่เน้นช่วยมวลชน แต่ไม่มี “นายใหญ่”และงานนี้จะไม่ได้หน้าได้อย่างไร เพราะอย่างน้อย “คนดูไบ”ก็เคลิ้มว่า”เหลิม” ทำให้นะ และอยากให้กลับบ้าน !!
ทั้งที่ความเป็นจริง เมื่อถึงเวลาเสนอเข้าสู่สภาฯ จะไปถึงฝั่งฝันหรือไม่ก็ยังไม่รู้ วันนี้ยังมีเพียงแต่คำแอบอ้างว่า คนในพรรคหลายคนยกมือหนุนให้
อีกทั้งพอถึงวันเข้าสภาฯจริงๆ จะมีสักกี่คนเอาด้วย รวมถึงจะมีใครรับประกันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่า บรรดาแนวต้านที่ชิงชัง “ทักษิณ”จะไม่เฮโลกันมา
แถมวัดกันตามเนื้อผ้า เนื้อหาร่างกฎหมายของ “รองฯเหลิม”ดูจะสุ่มเสี่ยงต่อการ“เรียกแขก”กว่าคนอื่นๆ ด้วยซ้ำไป
**มีหรือที่คนอย่าง”รองฯเหลิม”จะไม่รู้เรื่องพวกนี้!!.