"สุภรณ์" ยัน เด็กพท.เดินตามมติพรรค หนุนพ.ร.บ.นิรโทษฯ "วรชัย" พร้อมหนุนพ.ร.บ.ปรองดอง "เฉลิม" ยันดึงมาถกคู่กันในสภาได้ อ้าง "น.ช.แม้ว" หวังดีต่อชาติยกของ "เฉลิม" เด็ดกว่า ชี้ดูที่ประโยชน์สูงสุด ย้ำพรรคไม่ฟังศาลรธน.รับคำร้องม. 68 ยังมองแง่ดี แต่พร้อมถกหากผลเป็นลบ บี้ ตัดสินไม่ดี ปชช.ออกมาต้าน แถไม่มีใครสั่ง ป้องแดงป่วนศาลด้วยความอิสระ ห้ามไม่ได้ รบ.ปัดชักใย แนะศาล ทำให้ปชช.มั่นใจ ไร้อัตตา เดินสายกลาง
วันนี้ (1พ.ค.) นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวถึงกรณีที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เตรียมเสนอร่างพ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ ว่า เมื่อพรรคเพื่อไทยได้พิจารณาพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทยเสนอ ส่วนใหญ่ส.ส.ก็เห็นด้วยไม่ได้มีปัญหา และเมื่อร.ต.อ.เฉลิม เสนอร่างพ.ร.บ.ปรองดองขึ้นมาอีก ส.ส.ส่วนใหญ่ก็เห็นด้วย แต่เมื่อเสียงส่วนใหญ่ของพรรคมีมติอย่างไร สมาชิกพรรคเพื่อไทยทุกคนก็พร้อมปฏิบัติ เพราะไม่ว่าพ.ร.บ.นิรโทษ หรือพ.ร.บ.ปรองดอง หากเป็นผลดีต่อบ้านเมืองและประชาชนทุกกลุ่ม ก็ไม่มีประเด็นใดที่จะไปคัดค้าน เพื่อให้บ้านเมืองเกิดสันติภาพ เกิดความสงบสุข มีความปรองดอง อยู่ร่วมกันได้
แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวว่า ร่างพ.ร.บ.ปรองดองของร.ต.อ.เฉลิม ก็สามารถเสนอเพื่อบรรจุในสมัยประชุมสามัญได้ ส่วนร่างพ.ร.บ.นิรโทษก็ถูกบรรจุอยู่ในสภาเป็นวาระเร่งด่วนอยู่แล้ว ดังนั้น ทั้ง 2 ร่าง สามารถพิจารณาศึกษาควบคู่พร้อมกันได้ ตนมั่นใจในฐานะที่เคยเป็นกรรมาธิการดูแลเรื่องกฎหมายมาแล้ว ในชั้นกรรมาธิการสามารถหยิบทุกประเด็นขึ้นมาพูดกันได้ทั้งนั้น เช่น ฉบับของนายวรชัยก็ยังสามารถหยิบฉบับของร.ต.อ.เฉลิมมาควบคู่ไปได้โดยทำเป็น เรื่องๆไป ทั้งนี้ถือว่าร่างพ.ร.บ.นิรโทษเป็นฉบับนำร่อง และหยิบร่างพ.ร.บ.ปรองดองขึ้นมาดูประกอบไปด้วย เพื่อพิจารณาให้ครอบคลุมทุกด้านให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ส่วนกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ระบุว่าร่างพ.ร.บ.นิรโทษของนายวรชัย ยังครึ่งๆกลางๆ ไม่สะเด็ดน้ำเท่าร่างพ.ร.บ.ปรองดองของร.ต.อ.เฉลิมนั้น นายสุภรณ์ กล่าวว่า ในความรู้สึกของพ.ต.ท.ทักษิณคงเป็นการขอบคุณร.ต.อ.เฉลิมมากกว่า ส่วนตัวตนคิดว่าเป็นความปรารถนาดีต่อบ้านเมือง แต่สำคัญที่สุดคือทุกอย่างต้องว่ากันไปตามมติพรรคเพื่อไทย และทุกร่างก็สามารถนำมาบรรจุร่วมกันได้เมื่อเปิดสมัยประชุม ดังนั้นเราก็ต้องช่วยกันดูด้วยกันให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทุกฝ่าย ไม่ใช่ว่าฉบับไหนของใครดีกว่าใคร
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีพรรคเพื่อไทยมีมติไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญในการรับคำร้องมาตรา 68 ไว้พิจารณา และเห็นตรงกันไม่ส่งคำชี้แจงไปยังศาลรัฐธรรมนูญ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวว่า พรรคมีมติแล้วว่าเราไม่ยอมรับอำนาจดังกล่าว และหากมีคำวินิจฉัยออกมาเป็นลบ ก็ค่อยมาดูว่าฝ่ายนิติบัญญัติจะทำอย่างไร ฝ่ายรัฐบาลจะทำอย่างไร ตรงนั้นค่อยมาว่ามาคุยกันอีกครั้งหนึ่ง แต่วันนี้เราก็ไม่ต้องการมองอะไรที่เป็นแง่ลบ ยังมองบ้านเมืองในเจตนาที่ดีอยู่ แต่ยังคิดว่าความเห็นของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ น่าจะออกมาเป็นบวก
“ผมต้องการให้ศาลรัฐธรรมนูญดำเนินการใดๆ อยู่บนพื้นฐานความสงบสุข ความปรองดอง ให้บ้านเมืองเดินไปได้ เพราะถ้าบ้านเมืองเดินไปไม่ได้ก็จะเกิดเหตุการณ์ภาคประชาชนดื้อแพ่ง ออกมาต่อต้าน ไม่มีวันจบสิ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าตรงนั้นจะเป็นการสั่งการของใครคนใดคนหนึ่ง หรือรัฐบาล ในการให้ประชาชนดื้อแพ่งต่อศาลรัฐธรรมนูญ เป็นอิสระที่ไม่สามารถไปกำหนดหรือสั่งการกันได้” นายสุภรณ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการมองว่ารัฐบาลไม่ห้ามปราม กลุ่มคนเสื้อแดงที่ชุมนุมกดดันหน้าศาลรัฐธรรมนูญ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวว่า เขาไปด้วยความอิสระ ไม่มีใครสั่ง ไม่มีใครหนุน เป็นเรื่องที่เขารับไม่ได้กับความคิดขององค์กรอิสระ คือ ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าจะไปห้ามปรามเขาได้อย่างไร
เมื่อถามย้ำว่า แต่รัฐบาลถูกวิจารณ์ว่าไม่ห้ามเสื้อแดง นายสุภรณ์ กล่าวว่า ยืนยันด้วยใจที่บริสุทธิ์ว่า ไม่มีใครไปสั่งใครได้ อย่างตนเองในฐานะที่เคยเป็นแกนนำก็ยืนยันได้ว่า ไม่เคยถูกสั่งว่าให้หนุนหรือให้ถอย และรัฐบาลก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งหรือก้าวก่ายใดๆ และรัฐบาลก็ไม่ได้เพิกเฉย เพราะสิทธิเสรีภาพการตัดสินใจของภาคประชาชน บางครั้งหากเข้าไปก้าวก่ายหรือครอบงำเขาก็อันตราย จะเกิดผลกระทบหลายด้าน อย่างไรก็ตามจะไปบอกว่ากลุ่มภาคประชาชนที่ประท้วงฝ่ายเดียวไม่ได้ ภาคองค์กรอิสระเองก็ต้องทำให้ประชาชนเห็นและเกิดความเชื่อมั่นว่า จะทำงานโดยไม่มีอัตตา เดินสายกลางให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นว่าอยู่ในความยุติธรรม