ASTVผู้จัดการรายวัน- บาทแข็งค่าฉุดค่าไฟงวดพ.ค.-ส.ค.ลดลงครั้งแรกในรอบ2 ปี โดยเรคกูเลเตอร์เคาะเอฟทีลง 5.12สตางค์ต่อหน่วยหรือคิดเป็นค่าไฟรวมที่3.74บาทต่อหน่วยผลจากบาทแข็งค่าราคาพลังงานขาลงแนวโน้มงวดต่อไปมีลุ้นลงต่อ
นายดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานกรรมการกำกับกิจการพลังงานหรือ (เรคกูเลเตอร์) เปิดเผยภายหลังการประชุมพิจารณาการประมาณการค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติหรือ เอฟที รอบเดือนพ.ค.-ส.ค. 56 ว่า ปรับลดลง 5.12 สตางค์ต่อหน่วยหรือเท่ากับ 46.92 สตางค์ต่อหน่วยและเมื่อรวมค่าไฟฐานอยู่ที่ 3.74 บาทต่อหน่วยจากรอบม.ค.-เม.ย. 56 ซึ่งจัดเก็บอยู่ที่ 52.04
สตางค์ต่อหน่วยรวมค่าไฟฟ้าฐานที่เรียกเก็บประชาชนอยู่ที่ 3.79 บาทต่อหน่วย ซึ่งถือเป็นการปรับลดลงครั้งแรกในรอบ 2ปีนับตั้งแต่พ.ค54
ปัจจัยที่ส่งผลให้ค่าไฟลดลงมากสุดมาจากอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทที่คาดการณ์ไว้ที่ 30.82 บาทต่อเหรียญสหรัฐแต่แข็งค่าขึ้นเป็น 29.45 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ประกอบกับราคาก๊าซธรรมชาติมีการปรับลดลงจาก307.17 บาทต่อล้านบีทียูมาอยู่ที่306.77บาทต่อล้านบีทียู ดีเซล 26.55 บาทต่อลิตรเป็น26.50บาทต่อลิตร น้ำมันเตาจาก21.88 บาทต่อลิตรเป็น 20.63บาทต่อลิตร
นอกจากนี้วิกฤตช่วงก๊าซพม่าหยุดจ่าย5-14เมษายน56พบว่าการซ่อมแท่นก๊าซฯเร็วกว่าแผนทำให้การใช้ดีเซลและน้ำมันเตาต่ำกว่าแผนที่คาดไว้จึงกระทบต่อค่าเอฟทีเพียง2.17สตางค์ต่อหน่วยหรือต่ำกว่าแผน0.39สตางค์ต่อหน่วยอย่างไรก็ตามการคิดค่าไฟครั้งนี้ยังได้คำณวนการใช้หนี้คืนการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยหรือกฟผ.ที่ยังแบกไว้อีก5,000ล้านบาทหมด
"หลังจากนี้เราจะเปิดรับฟังความเห็นเพื่อประกาศค่าไฟอย่างเป็นทางการต่อไปและหากทิศทางราคาน้ำมันลดลงต่อเนื่องแนวโน้มค่าไฟงวดหน้าอาจปรับลงได้อีกหากค่าบาทและราคาพลังงานอยู่ในระดับนี้"นายดิเรกกล่าว
สำหรับการปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้าใหม่ขณะนี้อยู่ในระหว่างการปรับปรุงและจะประกาศใช้ในเดือนกรกฎาคม 2556 โดยโครงสร้างใหม่จะแยกต้นทุนการผลิต การจำหน่าย และอื่น ๆ ให้เกิดความชัดเจน ซึ่งในส่วนค่าธรรมเนียมบริการของการไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ที่เรียกเก็บ 38 บาทต่อเดือนในขณะนี้อยู่ระหว่างให้ 2 การไฟฟ้าชี้แจง หากไม่มีความชัดเจน ก็อาจจะทำให้ต้นทุนค่าธรรมเนียมปรับลดลงมาได้
นายดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานกรรมการกำกับกิจการพลังงานหรือ (เรคกูเลเตอร์) เปิดเผยภายหลังการประชุมพิจารณาการประมาณการค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติหรือ เอฟที รอบเดือนพ.ค.-ส.ค. 56 ว่า ปรับลดลง 5.12 สตางค์ต่อหน่วยหรือเท่ากับ 46.92 สตางค์ต่อหน่วยและเมื่อรวมค่าไฟฐานอยู่ที่ 3.74 บาทต่อหน่วยจากรอบม.ค.-เม.ย. 56 ซึ่งจัดเก็บอยู่ที่ 52.04
สตางค์ต่อหน่วยรวมค่าไฟฟ้าฐานที่เรียกเก็บประชาชนอยู่ที่ 3.79 บาทต่อหน่วย ซึ่งถือเป็นการปรับลดลงครั้งแรกในรอบ 2ปีนับตั้งแต่พ.ค54
ปัจจัยที่ส่งผลให้ค่าไฟลดลงมากสุดมาจากอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทที่คาดการณ์ไว้ที่ 30.82 บาทต่อเหรียญสหรัฐแต่แข็งค่าขึ้นเป็น 29.45 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ประกอบกับราคาก๊าซธรรมชาติมีการปรับลดลงจาก307.17 บาทต่อล้านบีทียูมาอยู่ที่306.77บาทต่อล้านบีทียู ดีเซล 26.55 บาทต่อลิตรเป็น26.50บาทต่อลิตร น้ำมันเตาจาก21.88 บาทต่อลิตรเป็น 20.63บาทต่อลิตร
นอกจากนี้วิกฤตช่วงก๊าซพม่าหยุดจ่าย5-14เมษายน56พบว่าการซ่อมแท่นก๊าซฯเร็วกว่าแผนทำให้การใช้ดีเซลและน้ำมันเตาต่ำกว่าแผนที่คาดไว้จึงกระทบต่อค่าเอฟทีเพียง2.17สตางค์ต่อหน่วยหรือต่ำกว่าแผน0.39สตางค์ต่อหน่วยอย่างไรก็ตามการคิดค่าไฟครั้งนี้ยังได้คำณวนการใช้หนี้คืนการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยหรือกฟผ.ที่ยังแบกไว้อีก5,000ล้านบาทหมด
"หลังจากนี้เราจะเปิดรับฟังความเห็นเพื่อประกาศค่าไฟอย่างเป็นทางการต่อไปและหากทิศทางราคาน้ำมันลดลงต่อเนื่องแนวโน้มค่าไฟงวดหน้าอาจปรับลงได้อีกหากค่าบาทและราคาพลังงานอยู่ในระดับนี้"นายดิเรกกล่าว
สำหรับการปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้าใหม่ขณะนี้อยู่ในระหว่างการปรับปรุงและจะประกาศใช้ในเดือนกรกฎาคม 2556 โดยโครงสร้างใหม่จะแยกต้นทุนการผลิต การจำหน่าย และอื่น ๆ ให้เกิดความชัดเจน ซึ่งในส่วนค่าธรรมเนียมบริการของการไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ที่เรียกเก็บ 38 บาทต่อเดือนในขณะนี้อยู่ระหว่างให้ 2 การไฟฟ้าชี้แจง หากไม่มีความชัดเจน ก็อาจจะทำให้ต้นทุนค่าธรรมเนียมปรับลดลงมาได้
