ASTVผู้จัดการรายวัน-เรคกูเลเตอร์เผยข่าดี ค่าไฟฟ้่รอบหน้ามีโอกาสลดลงอย่างน้อย5สต./หน่วยจากปัจจัยบาทแข็ง ราคาเชื้อเพลิงแนวโน้มลดลง
นายดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานกรรมกากำกับกิจการพลังงาน (เรคกูเลเตอร์) เปิดเผยถึงแนวโน้มอัตราค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที)รอบเดือนพ.ค.-ส.ค. มโอกาสลดลงเบื้องต้น5สตางค์ต่อหน่วยจากเงินบาทที่แข็งขึ้นส่งผลให้ราคาเชื้อเพลิงที่ใช้ผลิตไฟฟ้าอยู่ในทิศทางขาลงเช่นกัน ซึ่งเร็วๆ นี้จะนัดหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาหาข้อสรุป
สำหรับการผลิตไฟฟ้าจากน้ำมันเตาและดีเซลในช่วงการหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติจากสหภาพม่าระหว่างวันที่ 5-14 เม.ย. นั้นทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้รายงานให้ทราบว่ามีการใช้น้ำมันที่ต่ำกว่าคาดการณ์ไว้ ดังนั้นต้นทุนเชื้อเพลิงที่เดิมคาดว่าจะเพิ่มขึ้นในค่าเอฟทีรอบหน้า0.48 สต./หน่วย นั้นคงไม่นำมาคำนวณ เพราะไม่มีผลต่อค่าเอฟที
"การพิจารณาค่าเอฟทีงวดใหม่มีโอกาสที่จะลดลงได้ซึ่งผลจากค่าเงินบาทแข็งค่าถือเป็นปัจจัยบวกกับค่าไฟมาทำให้ต้นทุนเชื้อเพลิงไม่แพง แม้จะเจอกับเหตุการณ์หยุดจ่ายก๊าซฯ จากพม่าก็ตาม เพราะเดิมคาดการณ์ว่าค่าเอฟทีงวดถัดไปจะต้องบวกต้นทุนน้ำมันที่ใช้ผลิตไฟฟ้าแทนก๊าซฯ ไปอีก 0.48 สต./หน่วย แต่เมื่อมีการใช้น้ำมันผลิตไฟฟ้าต่ำกว่าที่ประเมินไว้และปริมาณการใช้ไฟฟ้าก็ไม่สูงอย่างที่เป็นห่วง ปัยจัยเหล่านี้ทำให้ค่าเอฟทีมีโอกาสลดลงได้” นายดิเรก กล่าว
นายธนา พุฒรังษี รองผู้ว่าการระบบส่ง การไฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า การขึ้นเอฟทีขึ้นอยูกับการพิจารณาของเรคกูเลเตอร์บนพื้นฐานของความเหมาะสม สำหรับสถานการณ์การใช้ไฟฟ้าในช่วงนี้ ยังไม่มีสถิติใหม่ของปริมาณการใช้ไฟฟ้าสูงสุด(พีค) เนื่องจากมีฝนเข้ามาบางช่วงทำให้อากาศเย็นลงบ้าง แต่ถ้าเป็นแบบนี้ต่อเนื่อง ตัวเลขพีคที่คาดการณ์ไว้จะสูงถึง 27,000 เมกะวัตต์อาจจะไม่ได้เห็นก็ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีเพราะการใช้ไฟน้อยก็ทำให้ต้นทุนค่าไฟถูกลง
นายดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานกรรมกากำกับกิจการพลังงาน (เรคกูเลเตอร์) เปิดเผยถึงแนวโน้มอัตราค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที)รอบเดือนพ.ค.-ส.ค. มโอกาสลดลงเบื้องต้น5สตางค์ต่อหน่วยจากเงินบาทที่แข็งขึ้นส่งผลให้ราคาเชื้อเพลิงที่ใช้ผลิตไฟฟ้าอยู่ในทิศทางขาลงเช่นกัน ซึ่งเร็วๆ นี้จะนัดหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาหาข้อสรุป
สำหรับการผลิตไฟฟ้าจากน้ำมันเตาและดีเซลในช่วงการหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติจากสหภาพม่าระหว่างวันที่ 5-14 เม.ย. นั้นทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้รายงานให้ทราบว่ามีการใช้น้ำมันที่ต่ำกว่าคาดการณ์ไว้ ดังนั้นต้นทุนเชื้อเพลิงที่เดิมคาดว่าจะเพิ่มขึ้นในค่าเอฟทีรอบหน้า0.48 สต./หน่วย นั้นคงไม่นำมาคำนวณ เพราะไม่มีผลต่อค่าเอฟที
"การพิจารณาค่าเอฟทีงวดใหม่มีโอกาสที่จะลดลงได้ซึ่งผลจากค่าเงินบาทแข็งค่าถือเป็นปัจจัยบวกกับค่าไฟมาทำให้ต้นทุนเชื้อเพลิงไม่แพง แม้จะเจอกับเหตุการณ์หยุดจ่ายก๊าซฯ จากพม่าก็ตาม เพราะเดิมคาดการณ์ว่าค่าเอฟทีงวดถัดไปจะต้องบวกต้นทุนน้ำมันที่ใช้ผลิตไฟฟ้าแทนก๊าซฯ ไปอีก 0.48 สต./หน่วย แต่เมื่อมีการใช้น้ำมันผลิตไฟฟ้าต่ำกว่าที่ประเมินไว้และปริมาณการใช้ไฟฟ้าก็ไม่สูงอย่างที่เป็นห่วง ปัยจัยเหล่านี้ทำให้ค่าเอฟทีมีโอกาสลดลงได้” นายดิเรก กล่าว
นายธนา พุฒรังษี รองผู้ว่าการระบบส่ง การไฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า การขึ้นเอฟทีขึ้นอยูกับการพิจารณาของเรคกูเลเตอร์บนพื้นฐานของความเหมาะสม สำหรับสถานการณ์การใช้ไฟฟ้าในช่วงนี้ ยังไม่มีสถิติใหม่ของปริมาณการใช้ไฟฟ้าสูงสุด(พีค) เนื่องจากมีฝนเข้ามาบางช่วงทำให้อากาศเย็นลงบ้าง แต่ถ้าเป็นแบบนี้ต่อเนื่อง ตัวเลขพีคที่คาดการณ์ไว้จะสูงถึง 27,000 เมกะวัตต์อาจจะไม่ได้เห็นก็ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีเพราะการใช้ไฟน้อยก็ทำให้ต้นทุนค่าไฟถูกลง
