ASTVผู้จัดการรายวัน-“GMM”ดีเดย์วันออนแอร์โทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่อง ONE เริ่ม 1 พ.ค.56 เผยจัดงบ 200 ล้านบาทพัฒนาระบบใหม่ปรับตัวเข้าธุรกิจเต็มรูปแบบ ชูจุดแข็งโดดเด่นที่รูปแบบรายการและยอดฝีมือผู้ผลิตในแต่ละเซกเมนต์ มุ่งเป้าสถานีโทรทัศน์ระดับยอดนิยมในสิ้นปี 56 พร้อมหวังคืนทุนและทำรายได้เพิ่มขึ้น15% หลังทำรายได้ร่วม 2 พันล้านบาทในปี 55
นายถกลเกียรติ วีรวรรณ ประธานกรรมการบริหาร โทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่อง ONE เปิดเผยว่า ปัจจุบันสื่อโทรทัศน์ถือว่ากำลังก้าวเข้าสู่ช่วงรอยต่อที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอดเวลาโดยเฉพาะในเรื่องของเทคโนโลยี จึงทำให้พฤติกรรมการรับชมโทรทัศน์ของคนไทยเริ่มมีแนวโน้มหันมารับชมผ่านระบบจานดาวเทียมและเคเบิลเพิ่มมากขึ้น โดยภาพรวมของธุรกิจโทรทัศน์ผ่านระบบดาวเทียมและเคเบิลในปัจจุบันคาดว่ามีจำนวนผู้ชมทั้งหมด 12.672 ล้านครัวเรือน แบ่งเป็นผู้ชมผ่านจานดาวเทียม 10,320 ล้านครัวเรือน ผู้ชมผ่านเคเบิลทีวี 2,414 ล้านครัวเรือน ขณะที่มีผู้ชมผ่านเสาก้างปลา 8,119 ล้านครัวเรือน
ในส่วนของ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) นั้นถือได้ว่าเป็น 1 ใน 5 อันดับผู้ผลิตรายการที่มีจำนวนช่องมากสุดด้วยจำนวน 11 ช่องจากจำนวนทั้งหมด 200 ช่อง โดยในปี 2555 ที่ผ่านมามียอดรายได้ทั้งสิ้นประมาณ 2 พันล้านบาท ล่าสุดได้ใช้งบประมาณ 200 ล้านบาทเพื่อพัฒนาระบบและการผลิตรายการโทรทัศน์เพื่อออกอากาศผ่านระบบฟรีทูแอร์อย่างเต็มรูปแบบ โดยการปรับโลโก้และเปลี่ยนชื่อช่อง GMM ONE เป็นช่อง “ONE” ภายใต้สโลแกน "ดูทุกที ดีทุกวัน" โดยกำหนดวันเริ่มออกอากาศตลอดเวลา 24 ชั่วโมงตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.ศกนี้เป็นต้นไป
“การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ถือเป็นการต่อยอดแนวคิดการดำเนินธุรกิจจากเดิมที่กำหนดเป้าหมายการดำเนินธุรกิจในรูปแบบของกล่องดาวเทียม GMM Z เท่านั้น แต่เมื่อเราเห็นช่องว่างทางการตลาดและอัตราการเติบโตที่มีอย่างต่อเนื่องจนทำให้เม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อทีวีดาวเทียมและเคเบิลเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี จึงทำให้เราต้องกำหนดตำแหน่งทางการตลาดใหม่เพื่อเข้าสู่ระบบโทรทัศน์ดาวเทียมเต็มรูปแบบ หลังจากที่ได้เริ่มออกอากาศโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมในชื่อช่อง GMM ONE มาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2555 จนได้รับกระแสตอบรับดีเกินคาดทั้งจากผู้ชม เอเจนซี ตลอดจนเจ้าของสินค้า”
สำหรับจุดเด่นสำคัญของสถานีโทรทัศน์ช่อง “ONE” จะเน้นในเรื่องของคอนต์รายการที่มีความโดดเด่นทั้งในเรื่องของทีมงานผู้ผลิตและรูปแบบรายการซึ่งเน้นรายการละครและบันเทิงเป็นหลักโดยมีสัดส่วนรายการใหม่ประมาณ 8 ชั่วโมงต่อวัน ส่วนที่เหลือ 16 ชั่วโมงจะเป็นรายการที่นำมาออกอากาศซ้ำ (รีรัน) โดยรายการที่มีเรตติ้งดีที่สุดของช่อง ได้แก่ ซิทคอม “เป็นต่อขั้นเทพ” ออกอากาศทุกวันพฤหัสบดี เวลา 22.00 น. รายการวาไรตี้กินเที่ยว “Food Prince” โดย “นีโน่-เมทนี บุรณศิริ” ออกอากาศทุกวันพุธ เวลา 22.00 และรายการ “Naked Show” โดย “น้าเน็ก-เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา” ออกอากาศทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 20.00 น.
“แม้ตลาดโทรทัศน์ผ่านจานดาวเทียมและเคเบิลในปัจจุบันยังไม่เปิดโอกาสให้เม็ดงานโฆษณาเข้าสู่ธุรกิจสูงเหมือนระบบฟรีทีวี แต่เราก็พยายามใช้รูปแบบการดำเนินธุรกิจและกลยุทธ์ต่างๆ เช่นเดียวกับระบบฟรีทีวีเพื่อสร้างจุดเด่นและความแตกต่างจากคู่แข่ง โดยขณะนี้เรากำหนดเรทโฆษณาไว้ที่นาทีละ 2 หมื่นบาท พร้อมตั้งเป้าหมายว่าภายในสิ้นปี 2556 จะสามารถทำรายได้คืนทุน 200 ล้านบาทและสามารถเพิ่มรายได้ให้ธุรกิจประมาณ 10-15%”
ในส่วนของการจัดกิจกรรมทางการตลาดเพื่อสร้างความรับรู้ในกลุ่มผู้ชมนั้นเป็นการดำเนินงานเต็มรูปแบบ 360 องศา ทั้งในลักษณะของ On Ground, On line และ On Air ได้แก่ การจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อสร้างความใกล้ชิดกับกลุ่มผู้ชมเป้าหมาย การใช้สื่อโซเชียลมีเดียในการติดต่อสื่อสารและประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร รวมถึงการจัดกิจกรรมต่างๆ ตลอดจนการเพิ่มช่องทางในการโปรโมทสินค้าผ่านทุกกิจกรรมผ่านหน้าจอโทรทัศน์
“เรายังจะเน้นการใช้กลยุทธ์การตลาดในลักษณะ Lifestyle Marketing เพื่อให้ครอบคลุมผู้ชมทุกกลุ่มในทุกช่วงเวลาการรับชม โดยการจัดรูปแบบการนำเสนอรายการที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคทุกกลุ่ม โดยตั้งเป้าหมายเร่งด่วนระยะสั้นว่าจะได้รับกระแสการตอบรับและความเชื่อมั่นในรูปแบบการผลิตรายการจากผู้ชม เอเจนซี และเจ้าของสินค้า จนสามารถขึ้นแท่นเป็นผู้นำสถานีโทรทัศน์ระดับยอดนิยมได้ภายในสิ้นปี 2556”
สถานีโทรทัศน์ช่อง “ONE” เน้นจุดแข็งสำคัญด้วยความเป็น Total Entertainment Platform ทั้งทางด้านบุคลากรมืออาชีพและคอนเทนต์ที่สะสมมายาวนาน 30 ปี โดย 4 ผู้บริหารในเครือแกรมมี่ที่มีศักยภาพการผลิตรายการทีวีเป็นอันดับหนึ่งในแต่ละเซกเมนต์เข้ามาช่วยดูแลคอนเทนต์ในแต่ละกลุ่ม ได้แก่ “บอย-ถกลเกียรติ วีรวรรณ” จากเอ็กแซ็กท์-ซีเนริโอ ซึ่งมีความแข็งแกร่งทางด้านละครที่สามารถเข้าถึงกลุ่มแม่บ้านได้เป็นจำนวนมาก “ฉอด-สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา” จากเอไทม์ มีเดีย ซึ่งมีความแข็งแกร่งทางด้านข่าวบันเทิงเต็มรูปแบบ “จินา โอสถศิลป์” จากจีทีเอช มีความแข็งแกร่งทางด้านภาพยนตร์ซีรี่ย์ที่ครอบคลุมทุกเพศ ทุกวัย และ “สถาพร พานิชรักษาพงศ์” จากจีเอ็มเอ็ม ทีวี ซึ่งมีความแข็งแกร่งทางด้านคอนเทนต์ที่จับกลุ่มวัยรุ่น
นายถกลเกียรติ วีรวรรณ ประธานกรรมการบริหาร โทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่อง ONE เปิดเผยว่า ปัจจุบันสื่อโทรทัศน์ถือว่ากำลังก้าวเข้าสู่ช่วงรอยต่อที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอดเวลาโดยเฉพาะในเรื่องของเทคโนโลยี จึงทำให้พฤติกรรมการรับชมโทรทัศน์ของคนไทยเริ่มมีแนวโน้มหันมารับชมผ่านระบบจานดาวเทียมและเคเบิลเพิ่มมากขึ้น โดยภาพรวมของธุรกิจโทรทัศน์ผ่านระบบดาวเทียมและเคเบิลในปัจจุบันคาดว่ามีจำนวนผู้ชมทั้งหมด 12.672 ล้านครัวเรือน แบ่งเป็นผู้ชมผ่านจานดาวเทียม 10,320 ล้านครัวเรือน ผู้ชมผ่านเคเบิลทีวี 2,414 ล้านครัวเรือน ขณะที่มีผู้ชมผ่านเสาก้างปลา 8,119 ล้านครัวเรือน
ในส่วนของ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) นั้นถือได้ว่าเป็น 1 ใน 5 อันดับผู้ผลิตรายการที่มีจำนวนช่องมากสุดด้วยจำนวน 11 ช่องจากจำนวนทั้งหมด 200 ช่อง โดยในปี 2555 ที่ผ่านมามียอดรายได้ทั้งสิ้นประมาณ 2 พันล้านบาท ล่าสุดได้ใช้งบประมาณ 200 ล้านบาทเพื่อพัฒนาระบบและการผลิตรายการโทรทัศน์เพื่อออกอากาศผ่านระบบฟรีทูแอร์อย่างเต็มรูปแบบ โดยการปรับโลโก้และเปลี่ยนชื่อช่อง GMM ONE เป็นช่อง “ONE” ภายใต้สโลแกน "ดูทุกที ดีทุกวัน" โดยกำหนดวันเริ่มออกอากาศตลอดเวลา 24 ชั่วโมงตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.ศกนี้เป็นต้นไป
“การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ถือเป็นการต่อยอดแนวคิดการดำเนินธุรกิจจากเดิมที่กำหนดเป้าหมายการดำเนินธุรกิจในรูปแบบของกล่องดาวเทียม GMM Z เท่านั้น แต่เมื่อเราเห็นช่องว่างทางการตลาดและอัตราการเติบโตที่มีอย่างต่อเนื่องจนทำให้เม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อทีวีดาวเทียมและเคเบิลเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี จึงทำให้เราต้องกำหนดตำแหน่งทางการตลาดใหม่เพื่อเข้าสู่ระบบโทรทัศน์ดาวเทียมเต็มรูปแบบ หลังจากที่ได้เริ่มออกอากาศโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมในชื่อช่อง GMM ONE มาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2555 จนได้รับกระแสตอบรับดีเกินคาดทั้งจากผู้ชม เอเจนซี ตลอดจนเจ้าของสินค้า”
สำหรับจุดเด่นสำคัญของสถานีโทรทัศน์ช่อง “ONE” จะเน้นในเรื่องของคอนต์รายการที่มีความโดดเด่นทั้งในเรื่องของทีมงานผู้ผลิตและรูปแบบรายการซึ่งเน้นรายการละครและบันเทิงเป็นหลักโดยมีสัดส่วนรายการใหม่ประมาณ 8 ชั่วโมงต่อวัน ส่วนที่เหลือ 16 ชั่วโมงจะเป็นรายการที่นำมาออกอากาศซ้ำ (รีรัน) โดยรายการที่มีเรตติ้งดีที่สุดของช่อง ได้แก่ ซิทคอม “เป็นต่อขั้นเทพ” ออกอากาศทุกวันพฤหัสบดี เวลา 22.00 น. รายการวาไรตี้กินเที่ยว “Food Prince” โดย “นีโน่-เมทนี บุรณศิริ” ออกอากาศทุกวันพุธ เวลา 22.00 และรายการ “Naked Show” โดย “น้าเน็ก-เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา” ออกอากาศทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 20.00 น.
“แม้ตลาดโทรทัศน์ผ่านจานดาวเทียมและเคเบิลในปัจจุบันยังไม่เปิดโอกาสให้เม็ดงานโฆษณาเข้าสู่ธุรกิจสูงเหมือนระบบฟรีทีวี แต่เราก็พยายามใช้รูปแบบการดำเนินธุรกิจและกลยุทธ์ต่างๆ เช่นเดียวกับระบบฟรีทีวีเพื่อสร้างจุดเด่นและความแตกต่างจากคู่แข่ง โดยขณะนี้เรากำหนดเรทโฆษณาไว้ที่นาทีละ 2 หมื่นบาท พร้อมตั้งเป้าหมายว่าภายในสิ้นปี 2556 จะสามารถทำรายได้คืนทุน 200 ล้านบาทและสามารถเพิ่มรายได้ให้ธุรกิจประมาณ 10-15%”
ในส่วนของการจัดกิจกรรมทางการตลาดเพื่อสร้างความรับรู้ในกลุ่มผู้ชมนั้นเป็นการดำเนินงานเต็มรูปแบบ 360 องศา ทั้งในลักษณะของ On Ground, On line และ On Air ได้แก่ การจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อสร้างความใกล้ชิดกับกลุ่มผู้ชมเป้าหมาย การใช้สื่อโซเชียลมีเดียในการติดต่อสื่อสารและประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร รวมถึงการจัดกิจกรรมต่างๆ ตลอดจนการเพิ่มช่องทางในการโปรโมทสินค้าผ่านทุกกิจกรรมผ่านหน้าจอโทรทัศน์
“เรายังจะเน้นการใช้กลยุทธ์การตลาดในลักษณะ Lifestyle Marketing เพื่อให้ครอบคลุมผู้ชมทุกกลุ่มในทุกช่วงเวลาการรับชม โดยการจัดรูปแบบการนำเสนอรายการที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคทุกกลุ่ม โดยตั้งเป้าหมายเร่งด่วนระยะสั้นว่าจะได้รับกระแสการตอบรับและความเชื่อมั่นในรูปแบบการผลิตรายการจากผู้ชม เอเจนซี และเจ้าของสินค้า จนสามารถขึ้นแท่นเป็นผู้นำสถานีโทรทัศน์ระดับยอดนิยมได้ภายในสิ้นปี 2556”
สถานีโทรทัศน์ช่อง “ONE” เน้นจุดแข็งสำคัญด้วยความเป็น Total Entertainment Platform ทั้งทางด้านบุคลากรมืออาชีพและคอนเทนต์ที่สะสมมายาวนาน 30 ปี โดย 4 ผู้บริหารในเครือแกรมมี่ที่มีศักยภาพการผลิตรายการทีวีเป็นอันดับหนึ่งในแต่ละเซกเมนต์เข้ามาช่วยดูแลคอนเทนต์ในแต่ละกลุ่ม ได้แก่ “บอย-ถกลเกียรติ วีรวรรณ” จากเอ็กแซ็กท์-ซีเนริโอ ซึ่งมีความแข็งแกร่งทางด้านละครที่สามารถเข้าถึงกลุ่มแม่บ้านได้เป็นจำนวนมาก “ฉอด-สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา” จากเอไทม์ มีเดีย ซึ่งมีความแข็งแกร่งทางด้านข่าวบันเทิงเต็มรูปแบบ “จินา โอสถศิลป์” จากจีทีเอช มีความแข็งแกร่งทางด้านภาพยนตร์ซีรี่ย์ที่ครอบคลุมทุกเพศ ทุกวัย และ “สถาพร พานิชรักษาพงศ์” จากจีเอ็มเอ็ม ทีวี ซึ่งมีความแข็งแกร่งทางด้านคอนเทนต์ที่จับกลุ่มวัยรุ่น